30 มิ.ย. 2023 เวลา 09:00 • ท่องเที่ยว
Kudi Chin

เที่ยวชุมชนเก่า กับ 8 สถานที่...ต้องไป @กุฎีจีน กรุงเทพฯ วันเดียว จบ

กุฎีจีน เป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 200 ปี (หรือตั้งแต่สมัยตั้งกรุงธนบุรี) กินพื้นที่ตั้งแต่คลองบางกอกใหญ่ ไปถึงสะพานพุทธ
1
ถึงแม้จะเรียกว่า "กุฎีจีน" ก็ไม่ได้มีแต่คนจีนนะ เป็นชุมชนที่มีหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายศาสนา ที่มีทั้งไทย จีน ฝรั่งโปรตุเกส แขก ญวน มอญ ดังนั้นแถบนี้จึงมีทั้งวัดไทย วัดจีน มัสยิด โบสถ์คริสต์
1
กุฎี หรือ กะดี เป็นคำที่ใช้เรียกศาสนสถานของศาสนาอื่น กุฎีจีน จึงเป็นการเรียกศาลเจ้าของจีน นั่นเอง
1
การจะเที่ยวกุฎีจีนให้สนุกแนะนำให้นั่งเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งธนบุรี จะได้ซึมซับบรรยากาศแบบสมัยโบราณที่เดินทางมาทางเรือ และเดินเท้าเข้าชุมชน ซึ่งมีทางเดินเรียบแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวไปถึงสะพานพุทธเลย
2
เที่ยว 8 สถานที่ที่น่าสนใจที่ต้องไป (ตอนท้ายบทความจะเล่ารายละเอียดการเดินทางมาที่กุฎีจีนนะคะ)
1
เส้นทางเดินเท้าเรียบแม่น้ำเจ้าพระยา
1. ศาลเจ้าเกียนอันเกง
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
ศาลเจ้าเกียนอันเกง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ ชาวจีนฮกเกี้ยนที่ตามเสด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ช่วยกันก่อสร้างขึ้น ดั้งเดิมศาลเจ้ามี 2 หลังคือ ศาลเจ้ากวนอู และ ศาลเจ้าโจวซือกง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 มีชาวฮกเกี้ยนเห็นว่าศาลเจ้าเสื่อมโทรมมาก จึงรื้อศาลเจ้าทั้ง 2 หลังลง และสร้างศาลเจ้าขึ้นใหม่ โดยอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิม เป็นองค์ประธาน และศาลเจ้านี้คงอยู่ในสภาพเดิมจนถึงทุกวันนี้ (คราวที่ไปมีการบูรณะศาลเจ้าอยู่ - คงต้องหาโอกาสไปชมอีกครั้งเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
2
ศาลเจ้าจีนแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของการเรียก "กุฎีจีน" ของชุมชนแห่งนี้
1
ศาลเจ้าเกียนอันเกง อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทางเชื่อมเดินเข้าศาลเจ้าได้สะดวก
เวลาเปิด-ปิด : 7:00-17:00 น.
2. โบสถ์ซางตาครู้ส
โบสถ์ซางตาครู้ส
โบสถ์ซางตาครู้ส (มีความหมายว่า ไม้กางเขนศักดิ์สิทธ์) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มียอดโดมแบบอิตาลี คล้ายกับโดมของวิหารฟลอเรนซ์ในอิตาลี
1
โบสถ์นี้สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระเจ้าตากได้พระราชทานที่ดินให้ฝรั่งชาวโปรตุเกสที่ได้ร่วมทำการศึกต้านกองทัพพม่า ในปี พ.ศ. 2310 (ปีที่กรุงศรีอยุธยา เสียกรุงนั่นเอง) เพื่อทำการสร้างศาสนสถานสำหรับชาวคริสต์
1
ดั้งเดิมสร้างเป็นโบสถ์ไม้ทั้งหลัง ในปี พ.ศ. 2313 และเกิดเพลิงไหม้ชุมชนในปี พ.ศ. 2376 ทำให้อาคารไม้เสียหายหมด ต่อมาจึงทำการก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคารปูน ในปี พ.ศ. 2459 และเป็นโบสถ์ที่ยังคงใช้ทำพิธีทางศาสนาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
1
เวลาเปิด - ปิด : ด้านในไม่ได้เปิดให้เข้าชม - เปิดเฉพาะเมื่อมีพิธีทางศาสนาเท่านั้น
จากศาลาท่าน้ำจะเข้าโบสถ์ซางตาครู้ส จะเป็นจุดทางเข้าของชุมชนกุฎีจีนที่เราจะไปเที่ยวกัน
1
ทางเข้าชุมชนกุฎีจีน
3. พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน เป็นแหล่งที่รวบรวมเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชุมชนชาวกุฎีจีนได้อย่างดี
ชาวโปรตุเกสนับว่าเป็นชาวตะวันตกชาติแรก ที่เข้ามาค้าขายเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติสยาม มีการร่วมรบกับกองทัพสยาม จนได้รับพระราชทานที่ดินให้ตั้งชุมชนมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และลูกหลานชาวโปรตุเกสก็สืบเชื้อสายกันมา จนเป็นชุมชนกุฎีจีน มาถึงทุกวันนี้
2
พริก มะละกอ ข้าวโพด ฟักทอง สับปะรด น้อยหน่า และอีกหลายชนิด เป็นพืชพรรณที่ชาวโปรตุเกสนำเข้ามาในสยาม และมีการปลูกเพื่อเป็นอาหาร และค้าขายกันต่อมา
1
ขนมโปรตุเกส ที่ทำจากไข่และน้ำตาล เช่น ขนมทองหยิบ ฝอยทอง ขนมบ้าบิ่น ขนมหม้อแกง ที่ท้าวทองกีบม้า (ภรรยาเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ - คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นผู้เผยแพร่ และกลายเป็นขนมไทยที่สายหวานติดใจกันทุกคน
1
พืชพรรณที่ชาวโปรตุเกสนำเข้ามา
ภายในบ้านจัดแสดงเหมือนบ้านในอดีต จำลองชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอดีต อาหารการกิน ห้องนอน ห้องทำงาน
1
ส่วนด้านล่างของบ้านจัดทำเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ มี ขนม อาหาร บริการ เราก็อุดหนุนเจ้าของบ้าน เนื่องจากเจ้าของบ้านไม่คิดค่าเข้าเยี่ยมชม และแถมเชื้อเชิญให้เราเข้าไปชมบ้านได้ตามสบาย ถ่ายรูปได้ตามสะดวก
1
ภายในบ้าน ที่เจ้าของยินดีต้อนรับ ชมได้ทุกชั้น
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) 9:30-17::30
4. ชิมขนมฝรั่ง
ชิมขนมฝรั่ง
ไปชิมขนมฝรั่งกุฎีจีน หรือขนมฝรั่ง ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวโปรตุเกส มาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนมาถึงสมัยก่อตั้งกรุงธนบุรี ขนมฝรั่งจึงอยู่คู่กับกุฎีจีนแห่งนี้ให้เราได้ชิมกัน
1
ขนมฝรั่ง มีส่วนผสมของ แป้งสาลี+น้ำตาล+ไข่เป็ด ตีให้ขึ้นฟู แล้วเทใส่แม่พิมพ์ โรยด้วยผลไม้แห้ง และน้ำตาล แล้วอบด้วยเตาถ่านแบบโบราณ รสชาติคล้ายขนมไข่ มีความกรอบนอกนุ่มใน
1
จากโบสถ์ซานตาครู้ส เราเดินเข้าซอย 3 ที่เป็นซอยเล็กๆ รถเข้าไม่ได้ ระหว่างทางมีบ้านเรือนคนอยู่จริงๆ ข้างในเหมือนเป็นเมืองเล็กๆ พอให้นึกภาพในอดีตที่คึกคัก ที่คงมีทั้งคนไทย จีน ฝรั่ง แขก อาศัยอยู่กันเป็นชุมชนใหญ่ชุมชนหนึ่ง
2
เดินเข้าไปจะมีร้านขนมฝรั่งให้ชิมหลายร้าน ลองอุดหนุนชุมชนเขาดู มีทั้ง ร้านขนมฝรั่งป้าเล็ก ร้านขนมฝรั่งธนูสิงห์
2
ร้านค้าแถวนี้ส่วนใหญ่เปิดทุกวัน 10:00 - 17:00 น.
เข้าไปชิมขนมกัน
5. ชิมอาหารโบราณ - อาหารโปรตุเกส
อาหารโบราณในชุมชนกุฎีจีน
อาหารโบราณที่ชุมชนกุฎีจีน มีให้ชิมหลายร้าน
"ร้านเฮโลนมสด" มีขนมจีนแกงไก่คั่ว ที่ต้องได้ชิมเพราะเป็นสูตรดั้งเดิม 100 กว่าปี เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวโปรตุเกส ที่ต้องมาชิมกัน ร้านนี้อยู่ตรงหน้าโบสถ์ซานตาครู้สเลย อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดินเข้ามาก็เจอเลย
1
เปิด-ปิด : ทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) 10:30 - 18:00 น.
1
ร้านเฮโลนมสด
"ร้านอาหารบ้านสกุลทอง" เป็นร้านที่ลูกหลานชาวโปรตุเกส ได้รับการถ่ายทอดการทำอาหารมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเจ้าของบ้านเปิดบ้านให้เราได้เข้าไปชิมกันได้ มีจัดเป็นเซ็ทเมนูให้ได้ชิมหลากหลาย ลองเข้าไปดูเมนู ใน Facebook ของร้านกันได้ค่ะ เพราะปกติร้านนี้ต้องจองไปก่อนนะคะ
3
(ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook ของบ้านสกุลทอง)
เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10:00-19:00 น.
เบอร์โทร : 062-605-5665
บ้านสกุลทอง
6. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เดิมที่ดินแถบนี้เป็นหมู่บ้านกุฎีจีน ที่มีพระภิกษุจีนอาศัยอยู่ ต่อมาชุมชนได้บริจาคที่ดินให้สร้างเป็นวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดกัลยาณมิตร" และทรงสร้างเป็นวิหารหลวง และสร้างพระประธานเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เหมือนวัดพนัญเชิง ที่กรุงศรีอยุธยา
1
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หรือ หลวงพ่อโต หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "ซำปอกง" ที่ผู้คนมา
กราบไหว้ขอพร เป็นสถานที่สงบเงียบมากเหมาะกับการมานั่งสมาธิ
1
หากแวะมากราบไหว้ขอพระ โปรดแต่งกายสุภาพนะคะ
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
7. บ้านโบราณ
บ้านไม้โบราณ
บ้านไม้โบราณที่มีลวดลายฉลุไม้สวยงามนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนเดินผ่านไปมาอดไม่ได้ที่ขอถ่ายรูปสวยของบ้านไม้โบราณแห่งนี้ และแอบสงสัยไม่ได้ว่าบ้านใครหนอ ปล่อยทิ้งร้างไว้ ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยางามๆแบบนี้
1
ดั้งเดิมที่ดินตรงนี้เป็น บ้านวินด์เซอร์ เจ้าของคือ นาย หลุยส์ วินด์เซอร์ ลูกชายของกัปตันเรือชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้ง "ห้างวินด์เซอร์" ตรงถนนเจริญกรุง
1
ต่อมาบ้านวินด์เซอร์ได้พังไปแล้ว และที่ดินแห่งนี้ได้เปลี่ยนเจ้าของไปเป็นของขุนนางท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้ซื้อบ้านไม้จากที่อื่นแล้วยกมาสร้างที่แห่งนี้ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน
1
ต่อมาทายาทมีความประสงค์ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัดซางตาครู้ส ซึ่งทางวัดเองอยากให้บ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยมากว่าทำกิจการอย่างอื่น ทำให้บ้านหลังนี้ยังคงปิดตายอยู่ ให้ผู้คนได้ชมความงามของบ้านไม้โบราณจากภายนอกเท่านั้น
3
8. มัสยิดบางหลวง
มัสยิดบางหลวง
หากยังมีเวลาอยากให้ไปชม "มัสยิดบางหลวง หรือ กุฎีขาว" ที่เป็นมัสยิดแห่งเดียวในโลก ที่มีทรงไทยแบบวัดพุทธ สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และได้ทำการสร้างใหม่เป็นอาคารปูนทรงไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3
1
มัสยิดบางหลวง เป็นอาคารสีขาวจึงถูกเรียกว่า กุฎีขาว เป็นมัสยิดของชาวมุสลิม นิกายซุนนี ที่อพยบมาจากกรุงศรีอยุธยา มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ริมคลองบางหลวง
1
ปกติแล้ววัดพุทธจะใช้หลังคากระเบื้องมากกว่าหนึ่งสี เช่น ส้ม-เขียว น้ำเงิน-เหลือง-แดง แต่มัสยิดใช้กระเบื้องสีเขียวสีเดียวทั้งหลัง
1
ตรงหน้าบัน ปกติวัดพุทธจะเป็น ดอกไม้ หรือ พระนารายณ์ทรงครุฑ แต่สำหรับมัสยิดแห่งนี้ใช้รูปพานรองรับบัว ที่มีชื่อพระเจ้าของศาสนาอิสลาม จึงเป็นที่มาของความแตกต่างกับวัดพุทธ
1
เปิด-ปิด : ปกติไม่เปิดให้เข้าชมด้านใน
การเดินทางมากุฎีจีน
เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเห็นจะสะดวกดี มาลงที่ สถานีสนามไชย และออก Exit หมายเลข 5 ไปยังท่าเรือราชินี เมื่อออกจากสถานี ให้เดินไปท่าเรือปากคลองตลาด ที่อยู่ติดกันกับท่าเรือราชินี
1
บริเวณท่าเรือจะมีร้านอาหารให้นั่งจิบกาแฟ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ก่อนที่จะนั่งเรือข้ามฝากไปวัดกัลยาณมิตรฯ ทางฝั่งธนบุรี
1
ระหว่างข้ามเรือเราจะเห็น "ป้อมวิไชยประสิทธิ์" ที่เป็นป้อมปราการเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา (สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ที่เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง
1
เมื่อข้ามมาถึงวัดกัลยาณมิตรฯ สามารถเดินเท้าไปตามทางเดินเรียบริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลย ก็จะพบกับชุมชนกุฎีจีน ให้เราได้ย้อนยุคกลับไปเหมือนเข้าไปในอดีตที่รุ่งเรือง
4
หากใครไม่สะดวกรถสาธารณะ สามารถนำรถยนต์มาจอดได้ที่วัดกัลยาณมิตร ฯ ซึ่งมีค่าบำรุงวัดเล็กน้อย
1
ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ อย่าลืมพกร่มไปด้วยนะ ระหว่างทางเดินแดดมันร้อน
โฆษณา