21 มิ.ย. 2023 เวลา 07:36
ผมมองว่า
ความไม่รู้
เป็นศัตรูลำดับต้นๆของเราทุกคน
และแน่นอนว่า
ไม่มีใครจะรู้ไปหมดทุกอย่าง
• ความไม่รู้ หรือ
อวิชชา
นั้นเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก มันสามารถบดบังแสงแห่ง
ปัญญา
ที่จะนำมาซึ่งความรู้หรือ “วิชา” ได้!
• แล้ว “ไม่รู้อะไร / รู้อะไร” หรือ?
ผมมองว่า
การที่เราใช้ปัญญาพิจารณาเพื่อให้รู้ว่า
อะไรคือเรื่องของเรา
และอะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเรา
1
นั้น สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อ
ทุกข์สุข
ของเราทุกคน
• ผมขอยกตัวอย่างความทุกข์พอเป็นสังเขปแบบนี้
> “Comfort zone”
สมมุติว่าคุณเป็นคน “ถนัดขวา” ดังนั้น comfort zone ของคุณคือ การใช้มือขวาหยิบจับสิ่งของ
วันหนึ่งคุณต้องการเดินทางออกจาก comfort zone ของคุณ โดยการที่คุณตัดสินใจฝึกการใช้มือข้างซ้าย หยิบจับสิ่งของแทนมือขวา
แล้วคุณก็พบกับ “ความทุกข์” เข้าให้!
เพราะมันเป็นการยากที่อยู่ๆจะไปใช้มือที่ไม่ถนัดทำงานแทนมือที่ถนัดได้
แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อคุณไม่ล้มเลิก วันหนึ่งคุณจะใช้มือซ้ายได้คล่องแคล่วใกล้เคียงกับการใช้มือขวา
ข่าวดีก็คือ
เมื่อคุณอดทนต่อ
ความเจ็บปวดได้
จนความเจ็บปวดนั้น
ไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีกต่อไป
นั่นหมายถึง
comfort zone
ของคุณ
ได้ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น
และใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
และความทุกข์จากความไม่รู้ว่า
การเดินทางออกนอก
comfort zone ของตัวเอง
แท้จริงแล้ว
มันคือ
‘เรื่องของเรา’
และมีเราเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่
‘บรรทัดสุดท้าย’
หรือ
bottom line
> ในทางตรงกันข้าม
หากคุณไปมัวเป็นทุกข์ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณตั้งแต่แรก เช่น
คุณเป็นทุกข์และแบกทุกข์นั้นไว้ เพราะคุณต้องจ่ายค่าไฟและค่าน้ำมันรถในราคาแสนแพง!
และเมื่อคุณได้รู้ว่า
กลุ่มที่เขาผลิตนำ้มันขายนั้น เขารวมหัวกัน ลดกำลังการผลิต เพื่อสร้าง
อุปสงค์เทียม
ให้กับตลาดพลังงานโลก เพื่อที่พวกเขาจะได้ขายนำ้มันได้ราคาดีต่อไป เพราะพวกเขารู้ว่า นำ้มันที่พวกเขามีใกล้ๆจะหมดแล้ว และชาวโลกเริ่มใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ
พวกเขาจึงเร่ง “ทำเงิน” เพื่อเปลี่ยนบทบาทตัวเองจากผู้ผลิตนำ้มัน ไปเป็นนักลงทุนแทน
และคุณเองก็เริ่มรู้ว่า
กว่าจะมีนำ้มันให้ขุดนั้น ซากพืชซากสัตว์ต้องทับถมอยู่ใต้พื้นโลก ผ่านความร้อนและความดันมาเป็นเวลานับล้านปี
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล
มันอยู่นอกเหนืออำนาจ
การควบคุมของคุณ
และเกิดขึ้นมานานแล้ว
และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
โดยที่คุณ
ควบคุมอะไรไม่ได้เลย!
และเมื่อ
แสงแห่งปัญญา
เริ่มตกกระทบจิตใจของคุณ มันทรงพลังมากพอที่จะทำให้คุณ
อ่านเกมส์ออก
และถ้าคุณ
กล้าหาญพอ
คุณจะเริ่ม
ยอมรับความจริงได้
และเมื่อนั้น
คุณจะเป็นอิสระ
จากความทุกข์ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณตั้งแต่ต้น!
คุณจะเริ่มหยุดทึกทักเอาเองว่า
นี่เป็นของฉัน
นั่นก็เป็นของฉัน
แบบหลับหูหลับตาคิด
อย่างที่คำพระท่านสอนว่า
ทุกข์เพราะคิดผิด!
เพราะถ้าหากคุณยังดื้อดึงไปทุกข์ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณตั้งแต่แรกและตลอดไป
ที่ bottom line ในชีวิตคุณจะมีแต่ทุกข์ที่แก้ไม่ได้ และไม่มีวันหมดไป
เพราะคุณ
แยกแยะไม่ออกเองว่า
อะไรคือเรื่องของคุณ
อะไรไม่ใช่เรื่องของคุณ
• ผมเองยอมรับว่า
เคย “โง่” ไปเอาเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของผมเก็บมาให้ใจตัวเองทุกข์ เพราะผมไปทึกทักเอาว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของผม ทั้งๆที่มันไม่เคยเป็นและจะไม่มีวันเป็นของผมเลย
แต่มันก็ยากนะ เพราะเรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่อง
ใหม่
ในชีวิตของคนเรา หรือเป็นเรื่องราวที่เราไม่คุ้นเคย ไม่ค่อยได้ไปมีเวลาข้องแวะ
พอมันเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เราเลยยังมองไม่ออก เห็นไม่ชัด ว่า
อะไรคือเรื่องของเรา
และอะไรที่ไม่ใช่!
แต่ด้วยพลังแห่งปัญญาหรือบุญเก่าที่เราเคยทำไว้ มาดลบันดาล ให้เราเริ่ม
ตาสว่าง
จนอ่านเกมส์ออก
เมื่อนั้นเราจะได้มองออกว่า
อะไรคือเรื่องของเรา
อะไรที่ไม่ใช่!
แล้วทุกข์ที่คุณแบกไว้โดยที่คุณไม่ได้อะไรตอบแทน ก็จะ
มลายไป!
• และเมื่อคุณต้องการบอกลาเรื่องราวที่ไม่ใช่เรื่องของคุณที่มันทำให้คุณเป็นทุกข์แบบสูญเปล่า
คุณก็เพียงกระซิบกับใจตัวเองว่า
I don’t give a fuck
about that!
I just really don’t!
โฆษณา