เมื่อเราพูดถึงเรื่องการรับรายได้ มักจะมีการแบ่งออกเป็นสองหมวดหลัก คือ Passive Income (รายได้จากกิจการที่ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือเวลามาก) และ Active Income (รายได้ที่ได้รับจากการทำงานหรือลักษณะงานที่ต้องใช้ความพยายามและเวลา)
●
Passive Income คืออะไร?
Passive Income เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หลังจากที่คุณมีการลงทุนเริ่มต้นแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำงานหรือใช้เวลาอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้รายได้เกิดขึ้น ตัวอย่างของ Passive Income ได้แก่ เงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม การเก็บเช่าอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากสิ่งของที่ลงทุน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่คุณออกแบบและขายออนไลน์ หรือรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์หนังสือหรือเพลง
●
Active Income คืออะไร?
Active Income คือรายได้ที่ได้รับจากการทำงานและการลงความพยายามในส่วนของตัวเอง คุณต้องใช้เวลาและพลังงานในการทำงานเพื่อทำให้ได้รับรายได้ ตัวอย่างของ Active Income ได้แก่ เงินเดือนที่ได้รับจากการทำงานประจำ ค่าแรงจ้างที่ได้รับจากการทำงานอิสระ รายได้อื่นๆที่ได้ รับจากการทำธุรกิจส่วนตัว เช่น รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการของคุณเอง รายได้จากการทำงานเสริมหรืองานอิสระ เช่น การทำงานพาร์ทไทม์หรือการซ่อมแซมสิ่งของ รายได้จากการทำธุรกิจออนไลน์ เช่น การทำงานในด้านการตลาดออนไลน์หรือการพัฒนาเว็บไซต์
■
การเปรียบเทียบ Passive Income กับ Active Income
1.การรับรายได้: Passive Income มีลักษณะที่รายได้เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ส่วน Active Income ต้องใช้ความพยายามและเวลาในการทำงานเพื่อทำให้ได้รายได้
2.การลงทุนเวลา: Passive Income มักต้องลงทุนเวลาและความพยายามในระยะเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นคุณสามารถรับรายได้โดยไม่ต้องทำงานเพิ่มเติม ส่วน Active Income ต้องใช้เวลาและความพยายามในการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับรายได้
3.ความยืดหยุ่น: Passive Income เป็นที่น่าสนใจเนื่องจากมีความยืดหยุ่นในเวลาและอิสระที่มากกว่า Active Income คุณสามารถมีเวลาว่างมากขึ้นและมีอิสระในการตัดสินใจทางการเงิน
4.การเติบโต: Passive Income มีศักยภาพในการเติบโตอย่างไม่จำกัด เนื่องจากสามารถลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่ ส่วน Active Income มักจะมีขีดจำกัดในเรื่องของเวลา
5.ความรับผิดชอบ: Passive Income มักมีระดับความรับผิดชอบที่น้อยกว่า Active Income เนื่องจากคุณไม่ต้องมีการดูแลหรือทำงานเพื่อรับรายได้ ในขณะที่ Active Income อาจมีความรับผิดชอบทางงานและการปฏิบัติตามคำสั่งหรือตารางงานที่กำหนดไว้
■
ความสำคัญของการมี Passive Income และ Active Income
การมีทั้ง Passive Income และ Active Income มีความสำคัญในการบริหารเงินและสร้างความเสถียรทางการเงินของเรา โดยการทำงานเพื่อได้ Active Income จะช่วยให้เรามีรายได้ปัจจุบันเพื่อใช้ในการเลี้ยงชีพ ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ และสามารถออกแบบแผนการเงินส่วนตัวได้ตามต้องการ ในขณะเดียวกัน Passive Income จะช่วยให้เรามีรายได้เสริมที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถสร้างความมั่งคั่งและเพิ่มความเสถียรในอนาคตได้