22 มิ.ย. 2023 เวลา 05:14 • บันเทิง

หลัวก็คือหลัว เจ้าชายขี่ม้าขาวขนาดนี้ เมียก็ตุยยยสิคะ

อะไรจะหล่อไม่บันยะบันยังขนาดนี้คะหลัวขา ความสูง 185 อยู่บนหลังม้านี่มันเจ้าชายชัดๆ อ้ะ…แต่ทางนิตยสารเขาเขียนเฮดไลน์ว่าอัศวินม้าขาวขึ้นล่องชมใบไม้ผลิเหนือจดใต้ กำลังภายในนิดหน่อยแต่ให้อภัยได้ หลัวหล่อ ไม่พูดมากแล้ว ไปอ่านบทสัมภาษณ์หลัวอีโจวกันดีกว่า
ในชีวิตประจำวัน หลัวอีโจวดูเป็นคนอ่อนโยน มีโลกส่วนตัว และสงบนิ่ง แต่เมื่อถึงตอนวิกฤติ สายตาพลันเปลี่ยนเป็นวาววับ แกร่งกล้า พร้อมกระโจนเข้าสู่โอกาสที่รอคอยได้ทุกเมื่อ
วันถ่ายทำ หลัวอีโจวกระตือรือล้นทันทีที่มาถึงสนามขี่ม้าที่ห่างหายไปนาน ภายใต้การดูแลของครูฝึก เขาขึ้นหลังม้าแล้วค่อยๆควบออกไป ทว่า ฝนยามบ่ายกลับโปรยปรายอุปสรรคลงมา ในขณะที่ทีมงานกำลังร้อนใจ หลัวอีโจวหันหลังกลับมา ก้าวเท้าขึ้นหลังม้า โยนร่มทิ้ง แล้วบังคับม้าเข้าไปยังลู่ ชายหนุ่มคู่ม้าขาว ท่ามกลางสายฝนพราย ร่วมกันแต่งแต้มบทกวีในวันนี้
 
หลังถ่ายทำกันมาทั้งวันแล้ว เรานั่งคุยกับหลัวอีโจวถึงความทรงจำที่ผ่านมา
เขายังจำประสบการณ์ขี่อูฐเมื่อแสนนานมาแล้วได้แม่นยำ อูฐจะลุกยืนด้วยขาหลัง แล้วจึงตามด้วยขาหน้า แม้อูฐจะเดินช้าแต่ก็ทำหลัวอีโจวเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย การขี่ม้านั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง "รู้สึกได้ถึงอิสระ" ถึงแม้เขาจะยังขี่ม้าได้ไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ก็ยังชื่นชอบความรู้สึกที่ม้าควบไปอย่างอิสระเสรี
ราวกับมีพลังวิเศษ หลัวอีโจวเข้ากับสัตว์น้อยใหญ่ได้ง่ายตั้งแต่แรกพบ อย่างวันนี้ เพียงแค่ใช้มือลูบแผงคอม้า เจ้าม้าก็แสดงท่าทีสนิทสนมด้วยทันที เจ้าตัวสรุปความเข้าใจตามประสบการณ์ว่า "เมื่อสัตว์รับรู้ได้ว่าคุณไม่ได้ข่มเขา และมาด้วยใจที่คิดจะสนิทด้วย ผมก็เชื่อว่าเขาจะยอมให้คุณเข้าใกล้โดยดี" ในสายตาของเขามองว่ามนุษย์และสรรพสัตว์มีสายสัมพันธ์บางอย่างที่สื่อความรู้สึกถึงกันได้
วันนี้เป็นอีกครั้งที่หลัวอีโจวได้ทำความคุ้นเคยใกล้ชิดกับม้า เขาชอบอยู่กับธรรมชาติและสิงสาราสัตว์ "ผมคิดอยู่ตลอดว่า ถ้ามีเวลาว่าง ก็อยากไปทะเลสาบชิงไห่ เช่าม้าจากคอกสัก 2 ตัว ทำทริปขี่ม้าเที่ยว"
หลายคนให้คำจำกัดความหลัวอีโจวว่าเป็นคนหนุ่ม"ที่ไม่ค่อยเหมือนคนหนุ่มเท่าไหร่" ก็อย่างที่เห็น เขาชอบบำรุงสุขภาพ ชอบสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ชอบฝึกไท้เก๊ก และก็ชอบพกกระบอกเก็บความร้อนติดตัวทุกวัน แต่ละเรื่องบ่งบอกถึงความ "โบราณ" ขณะที่สัมภาษณ์กันอยู่นี้ เขาก็ยังนั่งหลังตรงเป๊ะ ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการฝึกฝนไม่เว้นวันในอดีต
แต่สำหรับหลัวอีโจวแล้ว นิสัยเหล่านี้เป็นแค่เรื่องธรรมดา เขาไม่ได้ตั้งใจพรีเซนต์ภาพลักษณ์ให้ออกมาแบบนี้ "ผมก็แค่คิดว่านี่คือสิ่งที่ผมในวัยหนุ่มควรจะเป็น" และอธิบายต่อว่า "เพราะผมคิดว่าคนหนุ่มสาวควรต้องรักธรรมชาติกับสัตว์น้อยใหญ่ ใส่ใจกับสิ่งละอันพันละน้อยในชีวิต และรักผู้คนและสิ่งต่างๆรอบตัว"
เราคุยกันถึง "โห้วล่าง (แด่ฝันของคลื่นลูกใหม่)" ผลงานเดบิวต์สู่วงการภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของหลัวอีโจว ซึ่งก็เล่าเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวง "โบราณ" ด้วยเช่นกัน เพราะซีรี่ย์เรื่องนี้เดินเรื่องตามวัฒนธรรมแพทย์จีนแผนโบราณ เขามองว่างานนี้ต้องแสดงคุณลักษณะของอาชีพที่ชัดเจน ดังนั้นหลังอ่านบทแล้ว นักแสดงทั้งหมดจึงไปพบกับอาจารย์แพทย์ที่เป็นต้นแบบเป็นลำดับแรก เพื่อเรียนความรู้พื้นฐานด้านแพทย์จีนแผนโบราณ และกระบวนการให้คำปรึกษาคนไข้
หลังเรียนแล้ว หลัวอีโจวตระหนักอย่างถ่องแท้ถึงพลังแห่งวัฒนธรรมแพทย์จีนแผนโบราณ "ที่ไม่ได้เป็นเพียงวิธีในการรักษาโรค แต่ยังเป็นการสืบทอดมรดกวัฒนธรรมประเพณีและแนวคิดปรัชญาชีวิตอีกด้วย"
ถึงแม้หลัวอีโจวจะคุ้นเคยกับสารพัดตำรับบำรุงร่างกายมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจอย่างแท้จริงถึงภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดอยู่ในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ช่วงเวลาที่อยู่ในกองถ่าย ได้เรียนรู้ว่าจะต้องทะนุถนอมตนเองอย่างไร รับผิดชอบต่ออาหารการกินและชีวิตประจำวันอย่างไร และจะเผชิญหน้าชีวิตด้วยทัศนคติบวกและแข็งแรงได้อย่างไร การแพทย์แผนจีนโบราณเองก็ใช้เงื่อนไขเหล่านี้ผสมผสานกันเพื่อช่วยผู้คนกำจัดโรคภัย
หลัวอีโจวแสดงเป็น "เหรินเทียนเจิน" ซึ่งเกิดมาในตระกูลแพทย์แผนจีน เขาเป็นเด็กดื้อหัวขบถแต่ก็มีพรสวรรค์ ที่ค่อยๆเติบโตและพัฒนาทั้งด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้างรวมไปถึงความรู้ความสามารถด้านการแพทย์ "ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เลยทำให้เหรินเทียนเจินแสดงออกและตัดสินใจทำอะไรวู่วามไปบ้าง แต่ก็เป็นคุณสมบัติเดียวกันนี่เองที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเมื่อตัวละครเติบโตขึ้นตามเรื่องราวที่ดำเนินไป"
สิ่งที่หลัวอีโจวชื่นชมที่สุดในตัวเหรินเทียนเจินคือหัวใจอันบริสุทธิ์ "อายุขนาดนี้แล้ว แต่เขายังสามารถมองเรื่องราวต่างๆอย่างเรียบง่ายและสวยงามได้อยู่ ผมว่านี่เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากจริงๆ” ดังนั้น เขาก็หวังว่าจะสามารถแสดงด้านน่ารักของตัวละครนี้ออกมาให้ทุกคนได้เห็น "ผมมักจะแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้กำกับและนักแสดงรุ่นพี่เพื่อให้ได้เห็นมุมมองและความเป็นไปได้ที่แตกต่างหลากหลายที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และเพื่อให้ได้มาซึ่งการนำเสนอที่สมจริงและสมบูรณ์แบบที่สุด"
แต่ไหนแต่ไรหลัวอีโจวก็ไม่เคยเป็นพวกเพ้อฝันบนหอคอยงาช้าง เขารัก "คน" ธรรมดาที่จับต้องได้ และรู้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ตัวละครเองก็เช่นกัน "เสน่ห์ของตัวละครเทียนเจินคือความไม่เพอร์เฟ็คท์ ต้องให้เวลาเขาเติบโตนานหน่อย บวกกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงจะไปถึงอีกฝั่งได้ เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่าตัวละครมีข้อเสีย เราแค่ต้องแสดงมันออกไปอย่างจริงใจและซื่อตรงต่อบท แล้วจะดีเอง"
สมเป็นชาวราศีมีน หลัวอีโจวรักที่จะจินตนาการถึงเรื่องราวต่างๆ เมื่อไหร่ที่ลงมือริเริ่มสร้างสรรค์ ก็จะตกอยู่ในโลกของตัวเอง เฝ้าสังเกต และเรียนรู้ "ศิลปะเกิดจากชีวิต ดังนั้นงานสร้างสรรค์ทั้งหมดจึงต้องหยั่งรากลงพื้นดินจึงจะมีคุณค่า" ทุกวันนี้หลัวอีโจวก็ยังออกสำรวจโลกกว้างอย่างไร้เดียงสาเหมือนกับเหรินเทียนเจิน "ผมรู้ว่าหนทางนี้ยังอีกยาวไกล และตอนนี้ก็เพิ่งอยู่ในช่วงงอกเงยเท่านั้น" คำถามว่าโลกจะเป็นอย่างไรในอนาคต? หลัวอีโจวก็ตั้งตาคอยคำตอบเช่นกัน
เมื่อก่อนตอนเรียนที่จวินอี้ (People's Liberation Army Academy of Art) คณบดีท่านก่อนสอนหลัวอีโจวว่า ข้อจำกัดทั้งหลายคือหินลับมีดของอัจฉริยะในการรังสรรค์งานศิลป์ เมื่อใดที่คุณเผชิญความยากลำบากและความท้าทาย จงเล่นกับมันและสร้างสรรค์ออกมา เมื่อใดที่บุคคลหนึ่งข้ามผ่านความลำบากได้สำเร็จ เขาผู้นั้นย่อมได้รับอิสระเสรีที่แท้จริง และเมื่อนั้นผลงานสร้างสรรค์ของเขาก็ย่อมไร้ขีดจำกัด
หลัวอีโจวเฝ้าปรารถนาเสรีภาพ แต่เสรีภาพนั้นไม่ได้หมายถึงการทำตามอำเภอใจไร้ระเบียบ กลับกัน เขาคุ้นเคยกับการเรียกร้องมาตรฐานสูงจากตัวเอง เมื่อไรก็ตามที่บรรลุเป้าหมาย ความสำเร็จที่เอ่อล้นในใจจะคอยผลักดันให้เขามุ่งหน้าสู่สิ่งที่รัก ไปตามเส้นทางที่คาดหวัง เขาเชื่อว่าการจะประสบความสำเร็จได้ต้องเก็บเล็กผสมน้อย ตราบใดที่คุณยังมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าว ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางด้วยตัวเอง
ตั้งแต่อดีตกาล ผู้คนมักจะเขื่อมโยงม้าขาวกับอัศวิน และให้ความหมายทางวัฒนธรรมเป็นอย่างสูง คนหนุ่มอย่างหลัวอีโจวเองก็มีแนวคิดโรแมนติกมากมายต่อเรื่องนี้ "เกียรติแห่งอัศวินที่ผมเข้าใจคือความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วบอกตัวเองให้มุ่งหน้าไปสู่เส้นชัย" สายตาของเขามั่นคง "ชีวิตคนเราจำเป็นต้องมีเกียรติ เพราะมันคือจิตวิญญาณที่ทั้งนำพาพวกเราไปข้างหน้า ทั้งคอยสนับสนุนเราอยู่ด้านหลัง"
อาจเป็นเพราะชายหนุ่มทุกคนย่อมมีอัศวินเป็นความฝันอยูในใจ วินาทีที่ก้าวขึ้นหลังม้า เขาก็เหมือนเป็นอัศวินจริงๆ มีความกล้าหาญแข็งแกร่งไร้ที่สิ้นสุด และมุ่งหน้าไปยังเส้นทางกว้างไกล เอาชนะได้ทุกความสับสนวุ่นวายในชีวิต
แปลจาก นิตยสาร 上城士 Shang Cheng Shi ฉบับเดือนมิถุนายน 2023 ปกหลัวอีโจว
โฆษณา