24 มิ.ย. 2023 เวลา 02:36 • ความคิดเห็น
ในชีวิตที่เราตื่นนอน ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา มาก็มีอารมณ์นึกคิดอยู่ตลอดเวลา เรื่องนั้นเรื่องนี้ กินข้าวอร่อยบ้างไม่อร่อย อารมณ์ก็เหมือนอาหารการกิน กินอารมณ์พอใจ ไม่พอใจป้อนเข้าไปสู่กายสู่จิต อารมณ์นึกคิดก็เหมือนอาหารของกิน ป้อนเข้าสู่กายสู่จิตตลอดเวลา ไปจนถึงเวลาหลับนอน แม้เวลาจะพักกายหลับนอน มันก็ยังไม่หยุดป้อนอารมณ์ราคะตัณาโลภโกรธหลง มันก็วนเวียน
1
นั่นก็คือ เวลาที่เราจมอยู่กับโลก อยู่กับกรรม ..แล้วอารมณ์ที่ป้อนเข้าสู่กายสู่จิต มันมีการสะสม ..ไปเรื่อยๆ สะสมไปเรื่อย มันก็ค่อย เกิดอาการ หนักอกหนักใจ เบื่อหน่าย ท้อแท้ สมองมึนงง ..มันสะสมไปเรื่อย ๆ แล้วร่างกายมันก็ค่อยๆ เสื่อมลงไปๆ น่าเหี่ยว ตีนกา เริ่มปรากฏ ..ยิ้มไม่ค่อยออก ความหงุดหงิดก็มาบ่อยขึ้น หัวเราะไม่ออก หน้าตามันคอยจะตึง ..ตึงเครียด ดวงตาก็ไม่สดใส.จมอยู่กับอารมณ์
เมื่อเรารู้ว่า ทั้งกายทั้งจิต ของเรามันหมกมุ่น จมอยู่กับอารมณ์นึกคิด จมอยู่กับวิบากกรรม มีอารมณ์นำพาไป ..มีกรรม มีการคล้องเวรกรรม ไปสร้างห่วงโซ่มาคล้องมารัดกายรัดจิตของตัวเอง เราก็ไม่เคยพัก ใคร่ครวญ พิจารณา กลั่นกรอง เหตุผลอะไร นั่นก็คือ เราก็หาเวลา สละเวลาให้กายของเรา จิตของเรา มาพักกายพักจิต เข้าไปหาธรรม ธรรมนั่นจะช่วยแก้ไข บรรเทาสิ่งที่เราไปสัมผัส เหมือนฝุ่นละออง เหมือนโคลนเข้ามาในกาย .ทั้งกายทั้งจิตมันก็สกปรกเลอะเทอะ
คำว่า ทั้งกายทั้งจิตมัน สกปรกเลอะเทอะ เป็นโคลนตม เราก็มองไม่เห็นเส็นด้วย เพราะโคลนตมสิ่งสกปรกเลอะเทอะ มันบังตาบังใจของตัวเราเอง นั่นก็คือ ..เราจะไม่รู้จักคำว่า สร้างบุญกุศลบารมี ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้ แม้จะนึกถึงเรื่องบุญกุศล มันก็จะไม่เกิดขึ้นในกายในจิตเลย นั่นก็จิตเรามันก็จะเดินไปตามกรรม วิบากกรรม ไม่มีโอกาสแก้ไข ยกกายยกจิตขึ้นมาจากคำว่าเวรกรรมขึ้นมาได้เลย จิตมันก็ไหลลงไปเรื่อยๆ เหมือนแบกของหนัก หนักด้วยเวรกรรมด้วยอารมณ์นึกคิดในตัวตนของเรา
สิ่งที่เรากระทำ เราก็หาเวลา ปลีกตัวออกมา ให้เวลากับทางธรรม เอากายพ่อแม่ที่อาศัย มาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศล ..เรื่องของการปฏิบัติธรรม ..นั่น จะช่วยล้างโคลน สลัดฝุ่นละอองที่เกาะติดมากับกายกับจิตออกไป เราก็แบ่งเวลาให้แก่จิตของเรา เมื่อเราทำได้ เป็นนิจสิน มีกายเบา จิตเบา สติของเราก็เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น มาเรียนรู้เท่าทันอารมณ์ อารมณ์อะไรเข้ามา ..เราก็สลัดอารมณ์นึกคิดได้เร็วขึ้น ..นั่นก็คือ จิตที่รู้จักเท่าทันอารมณ์ สลัดอารมณ์ออกไปได้
1
..เมื่ิอจิตสลัดอารมณ์นึกคิดได้เร็วขึ้น ..จิตมันก็ว่างๆ กายก็ปลอดโปร่ง เลือดลมก็เดินสะดวก ความเจ็บป่วย ปวดเมื่อยเนื่องจากอารมณ์ มันก็น้อยลงไป จิตอาศัยอยู่ในกายก็พลอยมีความสุข กับกายที่ไม่มีอารมณ์มาปรุงแต่ง .ให้เป็นทุกข์
นั่นก็เป็นเรื่ิงที่เราต้องรู้จักแบ่งเวลา เวลาของโลก ที่เราอยู่กับอารมณ์ แบ่งเวลามาอยู่กับธรรม ปฏิบัติธรรม .ก็พักจิตพักกายอยู่กับธรรม ..ไม่ต้องมีอารมณ์นึกคิดอะไร..ปล่อยวางโลก ปล่อยวางอารมณ์นึกคิดใรเรื่องโลภโกรธหลง แม้ชั่วขณะหนึ่ง ..ก็ยังดี ..แล้วยังช่วยชะล้างสิ่งที่เป็นโคลนตมออกไปจากกาย
โฆษณา