ทำไม อีลอน มัสก์ กับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จะต่อยกันจริงๆ บนเวที?
อีลอน มัสก์ และ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จะต่อยกันบนเวที เรื่องนี้ถูกยืนยันโดยดาน่า ไวท์ ซีอีโอของ UFC ว่า "เป็นความจริง" ทั้งคู่ซีเรียสมาก จะชกกันเพื่อหาผู้ชนะ และได้คิดจะท้าทายแค่เอาฮาแต่อย่างใด
พอทั้งคู่คิดจะต่อยกัน คำถามก็คือ สองคนนี้ไปโกรธแค้นอะไรกันตอนไหน
ก่อนอื่นเลย ทุกคนน่าจะรู้จัก พวกเขาอยู่แล้ว อีลอน มัสก์ (51 ปี) ชาวแอฟริกาใต้ คือชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก เขาคือซีอีโอแบรนด์รถ Tesla, เจ้าของทวิตเตอร์ และ เจ้าของบริษัท SpaceX
ส่วนมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (39 ปี) ชาวสหรัฐฯ เป็นคนร่ำรวยที่สุด อันดับ 10 ของโลก เขาคือเจ้าของ Meta ที่มีโซเชียลมีเดียในมือมากมาย ทั้ง facebook, Instagram และ Whatsapp นั่นเอง
เอาจริงๆ นี่เป็นสองคนที่ดูห่างไกลกับการ "ใช้กำลัง" ต่อสู้กันบนสังเวียนอย่างมาก ถ้าดวลกันด้วยเรื่องเทคโนโลยีก็ว่าไปอย่าง
ทีนี้ ถ้าเราลองไล่เรียงประวัติศาสตร์ดู จะพบว่าสองคนนี้มีความขัดแย้งกันมาเป็นระยะ
- เริ่มจากในปี 2016 ณ เวลานั้น facebook ของซัคเคอร์เบิร์ก จะปล่อยดาวเทียมชื่อ AMOS-6 โดยมีจุดประสงค์ ในการกระจายอินเตอร์เนต ให้กับหลายพื้นที่ในทวีปแอฟริกา แต่จรวดจากบริษัท SpaceX ของอีลอน มัสก์ ที่จะนำดาวเทียมขึ้นไปกลับระเบิดพังย่อยยับ จนซัคเคอร์เบิร์ก โพสต์สเตตัสว่า "ผิดหวังอย่างที่สุด"
- จากนั้นในปี 2017 ทั้งสองคน มีการปะทะคารมกัน เรื่อง AI โดยอีลอน มัสก์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ความน่ากลัวที่สุดของผมกับอนาคตคือ AI"
เมื่อได้ยินดังนั้น ทำให้ซัคเคอร์เบิร์กออกมาตอบโต้ว่า "ผมฟังบทสัมภาษณ์ล่าสุดของอีลอน มัสก์แล้วนะ อะไรที่ทำให้เขาคิดว่า AI จะส่งผลกระทบต่อโลกได้ขนาดนั้น การทำให้คนกลัวเกินเหตุดูจะเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยรับผิดชอบเท่าไหร่นะ ผมว่า AI จะทำให้โลกนี้ดีขึ้น คอยดูสิ ในอีก 5-10 ปี เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เพราะศักยภาพของ AI"
พอโดนพาดพิง อีลอน มัสก์ ตอบโต้คืนว่า "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มีความรู้ในเรื่อง AI ที่จำกัด"
- ในปี 2018 ตอนที่ facebook มีปัญหาเรื่องคดีเคมบริดจ์ อนาไลติก้า ทำให้อีลอน มัสก์ สั่งลบหน้าเพจ facebook ของสองบริษัทตัวเอง SpaceX และ Tesla ออกไปเลย
- ในปี 2020 ซาช่า บารอน โคเฮน นักแสดงคนดังจากเรื่อง Dictator ทวีตข้อความว่า "ทำไมเราปล่อยให้ผู้ชายเพียงคนเดียว ควบคุมข่าวสารของคน 2.5 พันล้านคน facebook ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ไม่ใช่ถูกควบคุมโดยจักรพรรดิ (ซัคเคอร์เบิร์ก)"
เมื่อซาช่า บารอน โคเฮน ทวีตไปแบบนี้ อีลอน มัสก์ รีทวีตทันทีแล้วเขียนแคปชั่นว่า "ลบ facebook เถอะ มันห่วยจะตายไป"
- จากนั้นในปี 2021 อีลอน มัสก์ ทวีตว่า จุดเริ่มต้นของหายนะ เริ่มมาจาก "เว็บไซต์ที่ให้คะแนนผู้หญิงในมหาวิทยาลัย" ซึ่งนั่นก็หมายถึง facebook นั่นเอง
ยิ่งในเวลาต่อมา ตอนที่อีลอน มัสก์ ซื้อทวิตเตอร์มาเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ยิ่งมีการกระทบกระทั่งกับซัคเคอร์เบิร์กบ่อยขึ้น เพราะฝั่งซัคเคอร์เบิร์ก เป็นเจ้าของ 3 โซเชียลมีเดียที่สำคัญของโลก นั่นคือ facebook, Instagram และ Whatsapp
การแซะกันไป แซะกันมา บนโลกออนไลน์ ถูกบิ้วให้มาชกกันได้อย่างไร ทุกอย่างเกิดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 2023 โดยวันนั้นมีข่าวว่า Meta จะเปิดตัวโซเชียลมีเดียตัวใหม่ ชื่อ Threads ที่จะเอามาแข่งกับทวิตเตอร์โดยตรง
อีลอน จึงทวีตแซะซัคเคอร์เบิร์กว่า กะจะทำให้ทั้งโลกคงอยู่ใต้หัวนิ้วโป้ง (ปุ่มกดไลค์) ทั้งหมดเลยล่ะมั้ง
เมื่อมีการแซะเกิดขึ้น มีคนในทวิตเตอร์ มาเตือนอีลอน มัสก์แบบพูดขำๆ ว่า "ระวังตัวให้ดีนะอีลอน ซัคเคอร์เบิร์กเขาเคยเรียนยิวยิตสูมานะ เดี๋ยวโดนอัดหรอก"
แต่อีลอน มัสก์ สวนกลับไปแบบทีเล่นทีจริงว่า "ผมพร้อมขึ้นต่อยมวยกรง ถ้าหากเขาพร้อมจะสู้กับผม"
หลังจากอีลอน มัสก์กล่าวท้าทายแบบนั้น ซัคเคอร์เบิร์กรับคำท้าทันที ด้วยการแคปสกรีนชอต คำพูดของอีลอน แล้วลงสตอรี่ในไอจีตัวเอง โดยเขียน 3 คำว่า "Send Me Location" (ส่งที่อยู่มาเลย) เป็นการท้าทายว่า พร้อมสู้เสมอนะ ไม่ได้กลัวหรอก
อีลอน มัสก์ตอบกลับไปว่า "เวทีแปดเหลี่ยมที่เวกัส" (Vegas Octagon) ซึ่งเป็นสถานที่หลัก ในการแข่งขัน UFC นั่นเอง เขาพร้อมจะไปซัดบนเวทีมวยกรง
ถึงตรงนี้ ดูท่าทางทั้งคู่จะไม่ได้ล้อเล่นกันซะแล้ว
จริงๆ ถ้าดูจากศักยภาพร่างกายแล้ว มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ดูจะได้เปรียบกว่า เพราะอายุน้อยกว่า (39 ปี) ส่วนอีลอน มัสก์ 51 ปี ช่องว่างห่างกันตั้ง 12 ปี
ความฟิตก็ดูเหมือนซัคเคอร์เบิร์กจะเป็นต่อ เขาเคยเล่าว่า สามารถวิดพื้นได้ 200 ครั้ง และซิตอัพได้ 100 ครั้ง ในขณะที่ถ่วงน้ำหนัก 9 กิโลกรัมในร่างกาย
นอกจากนั้น ซัคเคอร์เบิร์กยังเคยลงแข่งขันยิวยิตสู ตอนนี้มี "สายขาว" แถมเคยลงแข่งระดับสมัครเล่น ถึงขั้นได้เหรียญรางวัลมาแล้ว ดูจะมีสกิลการต่อสู้อยู่เหมือนกัน
พอเรื่องราวการท้าทายกัน เป็นข่าวใหญ่โต ซัคเคอร์เบิร์ก ได้โทรหาดาน่า ไวท์ ซีอีโอของ UFC แล้วถามว่า "อีลอน มัสก์ จะขึ้นสู้จริงๆ หรือ?" ทำให้ดาน่า ไวท์ โทรหาอีลอน มัสก์ แล้วได้รับคำตอบว่า "แน่นอน ผมโคตรจริงจังเลย"
อีลอน มัสก์ ทวีตว่า "ผมมีท่าเด็ด ที่ชื่อท่า 'Walrus' ผมจะขึ้นไปทับคู่ต่อสู้แบบตัววอลรัส และอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย"
ในข้อเท็จจริงนั้น อีลอน มัสก์ ก็ไม่ใช่หมูให้เชือดแน่ๆ จุดแข็งที่เขามีเหนือซัคเคอร์เบิร์ก คือรูปร่างใหญ่กว่า ส่วนสูงมากกว่ากัน 10 ซม. นอกจากนั้น สมัยวัยรุ่นเขายังเคยเรียน เทควันโด้, ยูโด และเคียวคุชิน คาราเต้มาแล้ว ถือว่าพอจะมีสกิลการต่อสู้อยู่บ้างเหมือนกัน
การต่อยกันของ 2 ซีอีโอระดับโลก ถามว่ามีสิทธิ์เกิดขึ้นจริงไหม คำตอบคือ 50-50 คือท้าทายกันน่ะใช่ และจะให้ชกกันจริงๆ น่ะอีกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องเป็นข่าวใหญ่โตขนาดนี้แล้ว ดาน่า ไวท์ ซีอีโอของ UFC ก็กระตุ้นว่า เอาเลยๆ ชกกันเลย พร้อมเป็นโปรโมเตอร์ให้
ดาน่า ไวท์ บอกว่า ถ้าหากทั้งคู่ยินยอมจะสู้กันจริงๆ ไฟต์นี้จะขาย Pay Per View ได้สูงถึง 100 ดอลลาร์ ต่อหลังคาเรือนทีเดียว และมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งหมด จะทำเงินได้ทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ จากการชกกันไฟต์นี้ไฟต์เดียว ไม่ต้องมีมวยคู่ประกอบรายการอะไรทั้งสิ้น
สถิติรายได้สูงสุดตลอดกาล ของการเก็บเงิน Pay Per View จากกีฬาต่อสู้ คือไฟต์ของฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ กับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ในปี 2017 ทำเงินได้ 600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งดานา ไวท์เชื่อว่า อีลอน vs ซัคเคอร์เบิร์ก จะทำเงินกระจุยกว่านั้นอีก
ลองคิดดูว่าขนาด 10 fight 10 ในประเทศไทย คนดูพร้อมกันหลายแสน แล้วนี่เป็นการต่อสู้ของ สองไอคอนในวงการเทคโนโลยี บนสังเวียนจริงๆ มีกรรมการตัดสินเป็นเรื่องเป็นราว ใครมันจะไม่อยากดูบ้าง
ดาน่า ไวท์ย้ำว่า "ถ้าทั้งคู่เอาจริง ผมจะจัดการแข่งขันให้เกิดขึ้นให้ได้"
ตอนนี้ เรื่องราวก็หยุดอยู่แค่ตรงนี้ เป็นการท้าทายกันของทั้งคู่ แต่จะเอาจริงไหม ยังตอบไม่ได้
เพราะเรื่องนี้มันลึกซึ้งมากกว่าการขึ้นสู้หนึ่งครั้ง อย่างเช่น เรื่องภาพลักษณ์ขององค์กรตัวเองล่ะ ถ้าเกิดซีอีโอแพ้ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร องค์กรจะถูกมองว่าเป็น Loser ด้วยไหม มันคงไม่ใช่ขึ้นชกแล้วจบ มันคงต้องคิดให้รอบคอบ
ผมเชื่อว่าทั้งคู่อยากชก และดูจากกระแสของชาวบ้านแล้ว ผู้คนก็อยากเห็น คนระดับผู้นำองค์กรมาชกกันคงมันส์ดี
ผมไปอ่านคอมเมนต์ของฝรั่งตลกดีครับ เขาบอกว่า "เชียร์ซัคเคอร์เบิร์กให้หักขาอีลอน มัสก์สักที ล้างแค้นที่แก้ปัญหาแอคหลุมในทวิตเตอร์ไม่เคยได้"
ส่วนอีกคนก็บอกว่า "ฝากอีลอน มัสก์ ต่อยหน้าซัคเคอร์เบิร์กทีได้ไหม ปิดกั้นการมองเห็นกันเหลือเกิน"
สรุปคือเชียร์ให้ทั้งคู่ชกกันเลยครับ เจ็บตัวกันเยอะๆ ยิ่งดี ชาวเน็ตมีแต่ได้กำไรนะ!
#LETTHEMFIGHT
- 103
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
