28 มิ.ย. 2023 เวลา 02:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

โลกร้อน เอลนีโญ อาจทำลายเศรษฐกิจไทย มากกว่าที่คิด

ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นอย่างรุนแรง รวมถึงภัยแล้งจัดที่อาจเกิดขึ้นในหลายพื้นที่
1
และประเทศไทยเองก็ถูกจัดให้อยู่ในประเทศที่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงด้วย
1
โดยมีการคาดการณ์กันว่า ผลกระทบในรอบนี้จะมีความรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา
ซึ่งแน่นอนว่าปรากฏการณ์ในครั้งนี้ หากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แล้วเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร หากเราต้องเผชิญกับภัยแล้ง ที่เป็นผลจากเอลนีโญ ในครั้งนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“ภัยแล้ง” ถือเป็นหนึ่งในวิกฤติที่สามารถสร้างความเสียหาย ให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก
1
เพราะสามารถส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วนสำคัญของประเทศ
แล้วมันกระทบแต่ละภาคส่วนอย่างไรบ้าง ?
1. ภาคเกษตรกรรม
เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรที่จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการทำเกษตรกรรม จึงทำให้ภาคเกษตรกรรมมีการใช้น้ำมากกว่า 3 ใน 4 ของการใช้น้ำทั้งประเทศ
1
แน่นอนว่าการขาดแคลนน้ำ ย่อมทำให้การทำเกษตรกรรมและผลผลิตทางการเกษตรลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย ทั้ง
1
- เกษตรกร
เนื่องจากจำนวนผลผลิตที่ลดลง จะทำให้เกษตรกรบางส่วนมีรายได้ที่ลดลงตาม
ซึ่งเกษตรกรในไทยก็มีมากกว่า 7,000,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนครัวเรือนทั้งประเทศ
แม้ไม่ใช่ทุกครัวเรือนที่จะได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ในตอนนี้ 90% ของครัวเรือนเกษตรกรไทยล้วนมีหนี้สิน
ซึ่งเมื่อรายได้ลดลง ก็อาจทำให้หนี้เสียในภาคเกษตรกรรมสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นแหล่งเงินกู้หลักของเกษตรกร โดยครองส่วนแบ่งถึง 65% ของมูลหนี้ของเกษตรกรทั้งหมด
- ผู้ประกอบการธุรกิจทั้งในและนอกภาคเกษตรกรรม
ผลกระทบจากการทำเกษตรกรรมที่ลดลง ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น
แต่จะส่งผลต่อเนื่องไปยังผู้ประกอบการธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ที่เป็นวัตถุดิบหลักของการทำเกษตรกรรม
ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ธุรกิจเชื้อเพลิง ธุรกิจโรงสี หรือโรงงานแปรรูป ตลอดจนธุรกิจอาหารสัตว์
1
ทุกธุรกิจจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และด้วยการที่เกษตรกรไม่ได้มีฐานะเป็นแค่ผู้ผลิตในภาคธุรกิจ แต่ยังมีฐานะเป็นผู้บริโภคคนหนึ่งในภาคครัวเรือน
ดังนั้นเมื่อรายได้ลดลง ก็ย่อมมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่ลดลงตาม
ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่แม้จะไม่ได้อยู่ในภาคเกษตรกรรม ก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
- ผู้บริโภค
เมื่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรลดลง จะทำให้สินค้าทางการเกษตรนั้น ปรับตัวมีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า ภาระค่าครองชีพของประชาชนที่จะสูงขึ้นตาม
ถือว่าเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อคนทุกอาชีพ ไม่ได้จำกัดแค่เพียงเกษตรกร ตราบใดที่คนยังมีความจำเป็นต้องบริโภคอาหาร
ซึ่งค่าครองชีพที่สูงขึ้นนี่เอง ถือเป็นแรงกดดันชั้นดี ที่จะทำให้ประชาชนจำนวนมากมีรายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จนเกิดการกู้หนี้ยืมสิน และเริ่มมีปัญหาทางการเงิน
ถ้าหากเรามาดูตัวเลขหนี้ครัวเรือนในประเทศ หนี้ส่วนที่เป็น เพื่อการอุปโภคบริโภค ในตอนนี้สูงถึง 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศ ซึ่งถือว่ามากกว่าหลาย ๆ ประเทศ
แน่นอนว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินภายในประเทศเช่นกัน
เมื่อผลกระทบเกิดขึ้นกับหลายฝ่ายเช่นนี้ คำถามที่ตามมาก็คือว่า ความเสียหายในภาคเกษตรกรรม จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศมากแค่ไหน
 
2. ภาคอุตสาหกรรม
นอกจากใช้ในการทำการเกษตรแล้ว น้ำ ยังถือเป็นทรัพยากรที่มีความจำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย
เพราะถูกใช้เป็นทั้งวัตถุดิบหรือใช้ในการเตรียมวัตถุดิบ ใช้ในระบบสนับสนุนการผลิต ตลอดจนใช้ในการทำความสะอาดทั่วไป และอีกหลาย ๆ วัตถุประสงค์
ซึ่งภาคอุตสาหกรรมนี้ มีขนาดใหญ่ถึง 1 ใน 3 ของ GDP ประเทศ
ปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคอุตสาหกรรม จึงสามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก
โดยสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญ ไม่ใช่แค่ผลกระทบจากต้นทุนสินค้าเกษตร และต้นทุนการบริหารจัดการน้ำที่เพิ่มขึ้น
แต่การขาดแคลนน้ำ ยังอาจทำให้โรงงานต้องลดกำลังการผลิตลง ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้น้ำในปริมาณมาก เช่น กระดาษและเยื่อกระดาษ อาหารและเครื่องดื่ม ฟอกย้อม แป้งมัน ตลอดจนโรงงานฆ่าสัตว์ หรือแม้แต่อุตสาหกรรมผลิตชิป
อย่างไรก็ตาม โรงงานและบริษัทต่าง ๆ ก็มักจะมีการเตรียมตัวกันเอาไว้ก่อนแล้ว ซึ่งก็อาจจะช่วยลดความเสียหายที่จะได้รับอยู่บ้าง
แต่ก็อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมีความรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองกันต่อไป ว่าการเตรียมตัวของภาคอุตสาหกรรมในครั้งนี้ จะเพียงพอหรือไม่
3. ภาคการท่องเที่ยว
น้ำ คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งเกิดขึ้น
หากเกิดภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ และไม่มีสถานที่ท่องเที่ยว ก็หมายถึงการต้องหยุดตัวลงของธุรกิจในพื้นที่
ไม่ว่าจะเป็น ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของชำ ของที่ระลึก ตลอดจนบริการทางการท่องเที่ยวต่าง ๆ
ซึ่งภาคการท่องเที่ยวนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักที่สำคัญของไทย โดยในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด
ภาคการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่า 2,000,000 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 4,000,000 ล้านตำแหน่ง
ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก และสามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบ้านเราในวงกว้างได้
ถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่า หากผลกระทบของ “เอลนีโญ” ในครั้งนี้ร้ายแรงจริง ๆ
ก็คงเป็นโจทย์ใหญ่ที่คนไทยต้องช่วยกันแก้ และเตรียมตัวรับมือกับภัยธรรมชาติในครั้งนี้..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
โฆษณา