1 ก.ค. 2023 เวลา 14:08 • ดนตรี เพลง

ทำไม ‘BORN PINK’ ถึงเป็นอัลบั้มแห่งการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีของ BLACKPINK

BLACKPINK 2nd Album 'BORN PINK'
*** Disclaimer *** เนื้อหาบางส่วนเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง หากมีข้อมูลตรงไหนผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วน ต้องขออภัยด้วยนะครับ
- ปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการอุตสาหกรรมเพลงของประเทศเกาหลีหรือK-POPนั้นโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ด้วยแนวเพลงที่หลากหลาย สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปินแต่ละคนไม่ว่าจะมาเป็นวงหรือมาเดี่ยว แฟชั่นนำเทรนด์ทั้งในผลงานmvและตามงานอีเว้นท์ต่างๆเรียกได้ว่าศิลปินK-POPแทบจะโผล่หน้าให้เราเห็นในทุกพื้นที่สื่อ ทุกแบรนด์ต่างๆเลยก็ว่าได้
- ท่ามกลางศิลปินในอุตสาหกรรมเพลงมากมาย "BLACKPINK" วงเกิร์ลกรุ๊ปของประเทศเกาหลีใต้ จากสังกัดค่าย YG Entertainment ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนได้แก่ Jisoo (จีซู), Jennie (เจนนี่), Rosé (โรเซ่) และ Lisa (ลิซ่า) ที่ชื่อเสียงเรียงนามของวงนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในประเทศเกาหลี แต่โด่งดังครองใจใครหลายๆคนทั่วโลก การันตีจากยอดติดตามในโซเชียลมีเดียตามแพลตฟอร์มต่างๆ โดยใน YouTube Channel ของBLACKPINK มีsubscriberถึง 89.5 ล้านคน โดยถือสถิติเป็นศิลปินที่มีผู้ติดตามบนยูทูปมากที่สุดในโลก
- นอกเหนือจากปัจจัยหรือเหตุผลอื่นๆที่ทำให้ผู้คนต่างสนใจและติดตามพวกเธอจนทำให้พวกเธอเป็นที่โด่งดังขนาดนี้แล้ว ปัจจัยหลักๆคงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของผลงานในด้านดนตรีของพวกเธอ โดยBLACKPINKปล่อยผลงานเพลงให้ผู้คนได้รู้จักตั้งแต่ปี 2016 โดยก่อนที่จะเดินทางมาถึงผลงานอัลบั้มเต็มชุดล่าสุด ‘BORN PINK’ นี้ พวกเธอได้ปล่อยอัลบั้มเต็ม 'THE ALBUM' ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวง ปล่อยออกมาในวันที่ 2 ตุลาคม 2020 และแน่นอนว่าอัลบั้มชุดนี้ก็ประสบความสำเร็จทั้งในด้านของยอดขายและคำวิจารณ์
(ใช้เวลา4ปีนับตั้งแต่เปิดตัววงกว่าจะมีอัลบั้มเต็มเหมือนใครเขาได้T T แต่ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะแฟนๆตึกนี้น่าจะรู้ดีว่า YG เน้นคุณภาพเพลงและmvมาก ถ้าเพลงไม่ดีจริงไม่ปล่อย ถึงได้ชื่อว่าเป็นค่ายแห่งการดองไง!!!!)
BLACKPINK 1st Full Album [BLACKPINK THE ALBUM]
- หลังจากปล่อย THE ALBUM สาวๆทั้งสี่ได้ทำกิจกรรมต่างๆในการโปรโมทผลงานเพลงทั้งขึ้นแสดงในรายการเพลงของประเทศเกาหลีใต้ จัดคอนเสิร์ตออนไลน์(เนื่องจากเป็นช่วงโควิดแพร่ระบาด) ไปรายการทีวีและอื่นๆอีกมากมาย หลังจากจบช่วงการโปรโมทแล้ว ผลงานเพลงของBLACKPINKก็ได้หายเข้าไปในกลีบเมฆเลย
(แต่ก็ไม่ได้หายไปเลยสะทีเดียวนะทุกคน ช่วงปี2021ก็ได้มีการปล่อยผลงานเดี่ยวของสมาชิกในวงอย่าง ROSÉและLISA ด้วย)
- ในระหว่างที่วงไม่ได้ออกมาทำกิจกรรมในด้านเพลงนั้น ก็ยังมีผลงานด้านอื่นๆออกมาให้แฟนๆได้เห็นหน้าคาดตากันอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในด้านแฟชั่นที่สมาชิกแต่ละคนต่างได้ไปร่วมงานกับแบรนด์ดังๆระดับโลกอยู่เป็นประจำ ในส่วนของด้านเพลงก็มีเพียงแค่ข่าวลือและการคาดการณ์ในการคัมแบคของวงเท่านั้น
- วันที่ 29 กรกฎาคม 2022 BLACKPINKได้ปล่อยเพลง Ready For Love โดยเป็นผลงานเพลงที่ได้มีการCollaborationกับเกมชื่อดังอย่าง PUBG MOBILE โดยเป็นหนึ่งในเพลงดองที่YG ไม่ยอมปล่อยออกมาให้ฟังอย่างเป็นทางการสักที จนในที่สุดก็มีโปรเจกต์นี้ขึ้นทำให้เพลงได้ปล่อยออกมา(สักที)
- และแล้วหลังจากห่างหายจากการปล่อยเพลงไปเป็นเวลาเกือบ2 ปี ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2022 YouTube Channel ของBLACKPINK ได้โพสต์คลิป “BLACKPINK 'BORN PINK' ANNOUNCEMENT TRAILER” ซึ่งเป็นการประกาศการปล่อยเพลงใหม่หรือคัมแบคอย่างเป็นทางการ
- การประกาศคัมแบคครั้งนี้ทำให้ผู้คนทั่วโลกมากมายให้ความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าบรรดาแฟนคลับสาวกK-POPทั้งหลาย กลุ่มคนที่ให้ความสนใจและตื่นเต้นมากที่สุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหล่าBLINKsหรือบรรดาแฟนคลับของวงที่ตั้งตารอคอย นับวัน นับเดือน นับปี นับแล้วนับอีกจนในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง
- โดยหลังจากการประกาศคัมแบคโดยประมาณ1 เดือน ในช่วงเดือนสิงหาคมก็ได้มีการปล่อย Teaser Conceptและตัวอย่างของเพลง ‘Pink Venom’ ซึ่งเป็นเพลง Pre-Release ของคัมแบคนี้ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็นเพลงน้ำจิ้ม เรียกน้ำย่อยให้บรรดาแฟนคลับที่หิวกระหายในผลงานเพลงได้ทานอะไรรองท้องไปก่อน ก่อนที่จะปล่อยเพลงหลัก
- วันที่ 19 สิงหาคม 2022 BLACKPINK ทำการปล่อยเพลงและMV ‘Pink Venom’ ที่ไม่ได้แค่ทำให้แฟนๆได้รองท้องเฉยๆ แต่ทำให้อิ่มเอมจนจุกกันถ้วนหน้าด้วยความเล่นใหญ่จัดเต็มทั้งในด้านภาพและด้านเสียงเพลง ตอกย้ำความเป็นเกิร์ลกรุ๊ประดับโลกด้วยคุณภาพและสถิติผู้เข้าชม90.4ล้านคน ภายใน24ชั่วโมงแรกในยูทูป
- และต่อมาอีกหนึ่งเดือนในวันที่ 16 กันยายน 2022 BLACKPINKได้ปล่องเพลง Titleหลักของอัลบั้ม ‘Shut Down’ พร้อมกับอัลบั้มเต็มชุดที่สองของพวกเธอที่มีเพลงรวมทั้งสิ้น 8 เพลงด้วยกัน ได้แก่
1. Pink Venom
2. Shut Down
3. Typa Girl
4. Yeah Yeah Yeah
5. Hard to Love
6. The Happiest Girl
7. Tally
8. Ready For Love
——- Review & Recap ——-
Track 1 : Pink Venom
Pink Venom เป็นเพลงแนว Hip-Hop, Rap Pop, Dance Pop ที่ผสมผสานกับจังหวะดนตรีที่ดุดัน เข้มแข็งและเสียงจากเครื่องดนตรีเกาหลีแบบดั้งเดิมอย่าง
คอมุนโก(Geomungo) ที่ทำให้ท่อนเปิดของเพลงนั้นโดดเด่นและหึกเหิม เสริมคำว่าBLACKPINKที่เป็นเสียงร้องให้มีความขลัง ต้องมนต์ให้แฟนๆทั้งหลายที่ตั้งตารอคัมแบคบ้าคลั่งสั่นประสาท หวีดกันให้สุดเสียง(เว่อไปไหมนะ)
สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนก็คือหนึ่งเองเนี่ยชอบเพลงนี้ก็คือความเล่นใหญ่ของดนตรี ซึ่งต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวเป็นคนชอบเพลงที่ดนตรีหนักๆ มันส์ๆ ซึ่งเพลงนี้ตอบโจทย์ความต้องการมาก มันสนุกมันเท่ทั้งตัวเพลงแล้วก็MV หนึ่งคิดว่านะMVที่ดีมันจะส่งให้เพลงมีความสนุกขึ้นแบบ300% ซึ่งBLACKPINKทำเรื่องนี้ได้ดีมากๆ องค์ประกอบทุกอย่างมันลงตัวขนาดนี้ ทำให้เราเข้าใจเลยว่าทำไมPink Venom ถึงเป็นเพลงลำดับแรกในอัลบั้ม
สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือ เพลงนี้ได้มีการนำเพลงอื่นๆมาSamplingหรือการนำเอาส่วนหนึ่งของเพลงเก่ามาใส่ในผลงานใหม่ โดยPink Venom ได้มีการนำเนื้อเพลงท่อนนึงของเพลง ‘Kick in the Door’ ของศิลปินฮิปฮอประดับตำนานอย่าง The Notorious B.I.G. และ ‘Pon de Replay’ ของศิลปินชื่อดังอย่าง Rihanna ซึ่งเป็นที่ถูกใจและได้ใจจากแฟนๆฝั่งตะวันตกหรืออินเตอร์แฟนได้เยอะเลยทีเดียว
Kick in the door, wavin' the .44
ท่อนหนึ่งของเพลง Kick In The Door โดย The Notorious B.I.G.
Kick in the door, waving the coco'
ท่อนหนึ่งของเพลง Pink Venom โดย BLACKPINK
It goes one by one, even two by two
Everybody on the floor, let me show you how we do
ท่อนหนึ่งของเพลง Pon de Replay โดย Rihanna
One by one, then two by two
내 손끝 툭 하나에 다 무너지는 중
ท่อนหนึ่งของเพลง Pink Venom โดย BLACKPINK
Track 2 : Shut Down
Shut Down เป็นเพลงTitleหลักประจำอัลบั้มนี้ โดยเพลงได้มีการSamplingใช้เสียงไวโอลินจากเพลงคลาสสิกอย่าง “La campanella” ของ Niccolò Paganini ผสมผสานกับดนตรีสไตล์Hip-Hop ซึ่งดนตรีสองแนวนี้พอมาอยู่ด้วยกันแล้วมันลงตัวกันมากๆ เพลงให้ความรู้สึกเท่ มั่นใจ ดุดันไม่เกรงใจใครและในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกที่หรูหรามีระดับ ซึ่งเราไม่เคยได้ฟังเพลงแนวๆนี้จากBLACKPINKเลย
ความสดใหม่ ความแหวกแนวที่มีเอกลักษณ์และเนื้อเพลงที่บอกให้ทุกคนได้รับรู้กันไว้ถ้วนหน้าว่า ถึงตัววงจะหายไปแต่ตำนานและชื่อเสียงเรียงนามของพวกเธอนั้นไม่มีวันหายไปไหนและไม่เคยได้หายไปไหนด้วย ทุกอย่างนี้ทำให้ Shut Down เป็นTitle Track ที่ทรงพลังและเอาอยู่สุดๆ
Praying for my downfall, many have tried, baby
Catch me when you hear my Lamborghini go vroom, vroom, vroom, vroom
ท่อนหนึ่งของเพลง Shut Down โดย BLACKPINK
Track 3 : Typa Girl
Typa Girl เป็นเพลงแนว Pop, Hip-Hop-Based Beat ที่หนึ่งขอให้คำจำกัดความกับเพลงนี้ไว้ 3 คำว่า "ยั่ว มั่น ไม่แคร์" ถ้าพี่ๆคนไหนอยากเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ฉันสวย ฉันรวย ฉันเริ่ด เพลงนี้ตอบโจทย์ทุกอย่าง!!! ตัวเพลงไม่ได้มีอะไรซับซ้อนฟังง่ายมากๆทั้งตัวทำนองและเนื้อเพลง
I bring money to the table, not your dinner
Both my body and my bank account, good figure
ท่อนหนึ่งของเพลง Typa Girl โดย BLACKPINK
การแสดงเพลง 'Typa Girl' โดย BLACKPINK ที่งานเทศกาลดนตรี Coachella ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
Track 4 : Yeah Yeah Yeah
เพลงนี้เป็นเพลงแนว synth-pop ให้ความDisco Retroแบบเก่าๆ อีกทั้งเพลงนี้พี่จีซูและโรเซ่ก็ได้มีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อเพลงอีกด้วย กลิ่นอายความเป็นเพลงป๊อปยุค 80 มันทำให้เราฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายหูมากๆ โยกเบาๆ หนึ่งว่าเหมาะแก่การเปิดในรถหรือเปิดฟังเวลาเดินทางไปไหนมากเลยนะ
ถ้าหากว่าเธอเกิดชอบฉันขึ้นมา ก็แค่สารภาพพูดออกมาเลย
คำแปลท่อนหนึ่งของเพลง Yeah Yeah Yeah โดย BLACKPINK
Track 5 : Hard to Love (ROSÉ SOLO)
เพลงนี้เป็นเพลงแนว Guitar Pop/Pop-Rock ที่ตะโก๊นตะโกนชื่อโรเซ่ออกมา มีความติดRetroนิดๆจากTrackก่อนหน้านี้ คือด้วยความที่เสียงของโรเซ่มันไพเราะเสนาะหูและมีเอกลักษณ์มากๆ มันทำให้เพลงมีความemotional น่าหลงไหล ในช่วงที่อัลบั้มนี้ปล่อยออกมาแรกๆหนึ่งฟังเพลงนี้บ่อยที่สุดเลย มันเล่นกับอารมณ์ได้ดีมาก
'Cause I'm hard to love, find it hard to trust
When it feels too good, I just fuck it up
ท่อนหนึ่งของเพลง Hard To Love โดย BLACKPINK
Track 6 : The Happiest Girl
The Happiest Girl เป็นเพลงแนว Ballad ที่โด่ดเด่นด้วยเสียงเปียโนทำนองชวนน้ำตาซึมและเนื้อเพลงที่เศร้าดิ่งกินใจมากๆ ฟังเพลงนี้แล้วมันให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนกับเราต้องสู้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคความรู้สึกทุกอย่างในชีวิตตามลำพังและก็มีเนื้อเพลงเพลงนี้ที่เหมือนคำปลอบใจให้กำลังใจ ลูบหัวเราอยู่เป็นระยะๆ อีกทั้งเสียงสี่สาวนั้นไพเราะงดงามมาก
ยิ่งไล่ลำดับเพลงในอัลบั้มลงมาเรื่อยๆก็ยิ่งเหมือนกับงานปาร์ตี้สังสรรค์ที่กำลังจะหมดเวลาสนุก ที่เราต้องเลิกลาและจากกันไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความทรงจำดีๆ
Tonight, I'll be the happiest girl in the world
You'll see like it never happened
ท่อนหนึ่งของเพลง The Happiest Girl โดย BLACKPINK
Track 7 : Tally
Tally เป็นเพลงป๊อปที่มีความติดRockนิดๆ เพลงนี้ที่โดดเด่นที่สุดคือเนื้อเพลง หนึ่งเชื่อว่ามันน่ากินใจใครหลายๆคนเลย เหมือนเป็นเพลงฟ้าหลังฝนที่ถัดมาจาก Trackก่อนหน้านี้ ผ่านความเศร้าความบอบช้ำมาแล้ว ก็ลุกขึ้นมาสู้ต่อ เดินหน้าใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจไม่สนใครหน้าไหน
มันค่อนข้างrelateกับสังคมในปัจจุบันมากเลยนะ โดยเฉพาะในวงการศิลปินไอดอลที่หลายคนคอยแต่จะจับจ้องจับผิด ตำหนิติติงในทุกการกระทำของไอดอล เหมือนกับว่าพวกเขาจะต้องอยู่ในกรอบในสิ่งที่ตัวเองวาดฝันคาดหวังเอาไว้เท่านั้น ทั้งๆที่ความเป็นจริงศิลปินเหล่านั้นก็ต่างมีชีวิตเป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเราทุกคนนี่แหละ
แต่หนึ่งเชื่อว่าเนื้อเพลงๆนี้ไม่ได้เจาะจงไปเพียงแค่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันหมายถึงเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ พูดออกมาในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด ไม่ปิดๆหลบๆซ่อนๆอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่มันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ แล้วคุณที่เป็นคนอื่นคนนอกมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินในตัวเราหละ?
I say "fuck it" when I feel it
'Cause no-one's keeping tally, I do what I want with who I like
I ain't gon' conceal it
While you talking all that shit, I'll be getting mine, getting mine
ท่อนหนึ่งของเพลง Tally โดย BLACKPINK
Track 8 : Ready For Love
เดินทางกันมาถึงเพลงสุดท้ายของอัลบั้มอย่าง Ready For Love ซึ่งเป็นเพลงแนว Pop, House-Pop, EDM ให้ความรู้สึกถึงเช้าวันใหม่ที่ตัวเรานั้นพร้อมสำหรับทุกอย่างในชีวิตที่จะเข้ามาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความรัก เพลงมีความไพเพราะสนุกสนาน เรียกได้ว่าเป็นการปิดจบงานเลี้ยงสังสรรค์ที่สวยงาม พร้อมที่จะเดินหน้าใช้ชีวิตกันต่อ
I'm ready for love
Tell me when you're ready, 'cause I'm already ready
ท่อนหนึ่งของเพลง Ready For Love โดย BLACKPINK
สำหรับจุดที่น่าเสียดายสำหรับหนึ่งในการคัมแบคครั้งนี้อย่างแรกคือเพลง Pre-Releasedอย่าง Pink Venom ที่ตัวเราแอบมีความรู้สึกนิดๆว่ามันละม้ายคล้ายคลึงกับเพลง Pre-Release ของคัมแบคก่อนหน้านี้อย่าง How You Like That ด้วยโครงสร้าง(structure)ของเพลงที่เหมือนกัน แนวดนตรีที่มีความตะวันออกกลางเหมือนกัน ทำให้เพลงไม่ได้มีความแปลกใหม่มากนัก
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผิดหวังหรือไม่สนุกแต่อย่างใด ตัวเพลงและmvยังคงทำให้เราตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูและฟัง ด้วยความที่เพลงมันเป็น Pre-Release มันก็ควรที่จะปลุกความหึกเหิม ความกระหายอยากฟังต่อของแฟนคลับหรือคนอื่นที่เข้ามาฟัง ซึ่งPink Venomก็ทำตรงนี้ออกมาได้ดีมากๆ
อย่างที่สองคือการทำกิจกรรมโปรโมทในประเทศเกาหลีที่น้อยกว่าคัมที่แล้วมากๆอย่างเห็นได้ชัด โดยคัมแบคในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเน้นไปโปรโมทนอกประเทศ ที่เห็นได้ชัดก็คือการจัดคอนเสิร์ตรอบโลก "BLACKPINK BORN PINK WORLD TOUR" ที่สาวๆทั้งสี่ไปมามากมายหลายประเทศมาก เห็นตารางเล่นคอนเสิร์ตแล้วเหนื่อยแทน เข้าใจเลยว่าทำไมโปรโมทที่เกาหลีน้อยแต่ก็แอบอยากเห็นโมเมนต์BLACKPINK ในรายการเพลงเกาหลีเยอะๆเหมือนคัมแบคก่อนๆเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้
สุดท้ายนี้สำหรับหนึ่งแล้ว "BORN PINK" เป็นอัลบั้มที่ครบรสมากเก็บทุกแนวเพลง การวางลำดับของเพลงในแต่ละtrackทำออกมาได้ดี โดยรวมแล้วองค์ประกอบทุกอย่างเป็นที่น่าประทับใจ และที่สำคัญที่สุดคือการที่ได้เห็นวงเติบโตไปอีกระดับนึงไปในทางที่ดี ในฐานะแฟนคลับตัวน้อยๆคนนึงมันจะมีอะไรสุขใจไปกว่าการได้เห็นศิลปินที่เราปลื้มที่เรารักประสบความสำเร็จ
ขอส่งกำลังใจให้สาวๆทั้งสี่ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ช่วงนี้งานชุกชุมมากอยากให้ดูแลสุขภาพตัวเอง หาเวลาพักผ่อนเยอะๆ คุณผู้อ่านก็เช่นกันนะครับ สำหรับวันนี้หนึ่งคงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่เมื่อโลกต้องการ สวัสดีครับ :)
สามารถฟังอัลบั้ม "BORN PINK" ได้ที่ :
โฆษณา