Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Zcollex_Book
•
ติดตาม
27 มิ.ย. 2023 เวลา 17:17 • หนังสือ
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเรื่อง วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเรื่อง วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข How to stop worrying & start living
ผู้แต่ง: Dale Carnegie
ผู้แปล: อาษา ขอจิตต์เมตต์
สำนักพิมพ์:แสงดาว
.
ถ้าท่านเป็นทางหลวงไม่ได้ก็จงเป็นทางเล็ก
ถ้าท่านเป็นพระอาทิตย์ไม่ได้ก็จงเป็นดาว
ท่านจะประสบชัยชนะหรือพ่ายแพ้ก็จงทำใจให้ปรกติและสันโดษในฐานะทุกๆอย่างของท่าน
ดักลัส มอลล็อช
“ความทุกข์” และ “ความกังวล” เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนซึ่งมีความรู้สึกนึกคิด เคยเผชิญมาแล้ว ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ถือเป็นศัตรูตัวหนึ่งที่ยากจะเอาชนะสำหรับมนุษย์เรา แก่นหลักของหนังสือคือการแนะนำวิธีและเปลี่ยนความคิดเมื่อเราเผชิญกับความทุกข์และความกังวล ในเรื่องต่างๆ
.
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเก่าแก่อีกเล่มหนึ่ง ซึ่งถือเป็นหนังสือพัฒนาตนเองในรุ่นบุกเบิก หรือปัจจุบันเราเรียกว่า (How to) และเป็นหนังสือชุดเดียวกับ How to win friends & influence people ที่ผู้เขียนเคยได้แนะนำไปก่อนหน้า
ผู้แต่งคุณเดล คาร์เนกี เป็นนักพูดและนักศึกษามนุษย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1936 ซึ่งผู้แปลได้ใช้สำนวน ภาษาในยุคนั้นในการแปลหนังสือเล่มนี้เข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชีย (ประเทศแรกคือญี่ปุ่น) ทำให้คุณเดลล์ สนใจเดินทางมาพบคุณอาษาด้วยตนเอง และเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้เป็นแค่ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
.
โดยเขาคิดค่าลิขสิทธิ์แค่ 1 เหรียญเท่านั้น จึงทำให้หนังสือเล่มนี้ในปัจจุบัน ยังคงรูปแบบการใช้สำนวน การสะกดคำ และรูปแบบประโยค แบบเดิมทุกประการโดยมิได้ดัดแปลงแต่อย่างใด เป็นการให้เกียรติแก่คุณเดลล์และคุณอาษา
.
หนังสือเล่มนี้ ผู้แต่งได้แบ่งออกเป็น 10 ตอน โดยแยกเป็น สองส่วนหลักๆด้วยกัน คือส่วนแรกที่แนะนำและชี้แจงให้เห็นถึงข้อเสียผลร้ายของความทุกข์และส่วนที่สองวิธีเปลี่ยนความคิดและมุมองเพื่อกำจัดทุกข์และสร้างความสุขให้แก่ตนเอง
.
ในแต่ละเทคนิคจะแยกย่อยเป็นบทหัวข้ออีกทีหนึ่ง ในแต่ละบทผู้แต่งจะใช้วิธีการยกตัวอย่างประกอบการให้คำชี้แนะแก่ผู้อ่าน ที่มาจากประสบการณ์ของผู้แต่งเอง, ประสบการณ์จากลูกศิษย์, เรื่องเล่าข้อเท็จจริงจากประวัติศาสตร์
.
ทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจในหลักการ, ขั้นตอน และผลลัพธ์ จากการใช้วิธีที่ในบทนั้นแนะนำ ซึ่งตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาพูดถึงในหนังสือเล่มนี้ส่วนมากเป็นลูกศิษย์ของผู้เขียน เกือบทุกคนในตัวอย่างมีชื่อ มีชีวิต ลมหายใจจริงๆ
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้
.
1.จงปิดประตูเหล็กกั้นอดีตและอนาคตไว้เสีย จงดำรงชีวิตอยู่ในห้องที่มีแต่วันนี้ เนื่องจากการคิดถึงอดีตที่เกิดขึ้นไปแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้ และอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะเป็นทุกข์เสียเปล่า
.
2.คนที่มีความทุกข์ต้องหาอะไรทำ อย่าอยู่ว่าง เพื่อให้ร่างกายได้จดจ่อกับสิ่งอื่น แทนที่จะจดจ่ออยู่กับเรื่องทุกข์นั้น
.
3.ชีวิตสั้นเกินไปกว่าที่จะเอาธุระกับสิ่งเล็กน้อย เปรียบดั่งต้นไม้สูงใหญ่ตระหง่านผ่านพายุ ฟ้าผ่าและหิมะ มานับสี่ร้อยปี แต่สามารถล้มลงได้จากการชอนไชของตัวด้วง ดังนั้นจงอย่าให้ทุกข์เล็กน้อยมาก่อกวนจนทำให้คุณพังลง
.
4.กฏส่วนเฉลี่ยน จะช่วยให้คุณหายทุกข์ เปรียบได้เช่น มีโอกาสแค่ 1 คนในจำนวน 350,000 คนที่ถูกฟ้าผ่าตาย เพราะฉะนั้นเราอย่าได้ทุกข์และกลัวที่จะโดนฟ้าผ่าตาย กฏนี้สามารถนำไปใช้กับเรื่องทุกข์และความกังวลอื่นๆได้เช่นกัน
.
5.จงยอมรับสิ่งที่หนีไม่พ้น แทนที่จะปฏิเสธและไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเช่นกล่าวโทษถึงต้นตอของปัญหา แต่จะเป็นผลดีกว่าถ้าเรายอมรับสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้วและหาทางแก้ไขมันซะ
.
6.ใช้คำสั่งหยุดเสียหาย ยกตัวอย่างเช่น คำสั่ง Stop Loss ในวงการตลาดหุ้น ที่ใช้เครื่องมือกำหนดจุดตัดขาดทุนที่ยอมรับได้ เมื่อราคาหุ้นตกลงถึงจุดที่เรากำหนดระบบจะสั่งขายทันที ทำให้เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ทุกข์ เนื่องจากความเสียหายนั้นเราได้เตรียมยอมรับไว้ล่วงหน้าแล้วเรื่องนี้สามารถนำไปปรับใช้กับความทุกข์ได้เช่นกัน
.
7.จงคิดและแสดงท่าที่ให้ร่าเริงและท่านจะรู้สึกร่างเริงตามและมองเห็นสิ่งต่างๆในมุมที่ดีขึ้นกว่าการทำตัวเป็นทุกข์และมองสิ่งรอบตัวในแง่ลบ
.
8.คนที่ไม่รู้จักโกรธคือคนโง่ ส่วนคนฉลาดคือคนที่โกรธแล้วรู้จักให้อภัย เพราะฉะนั้นอย่าโกรธแค้นศัตรูของเรา เมื่อเราโกรธแค้นมีแต่เราที่จะได้รับพลร้ายนั้น ทั้งความเครียดและความคิดแค้นทำให้เราไม่มีความสุขและเป็นพิษต่อร่างกาย
.
9.จงเป็นตัวของตัวเอง จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีใครที่เหมือนคุณ ดังที่ ดักลัส มอลล็อช กล่าวไว้
“ถ้าท่านเป็นต้นสนบนยอดเขาไม่ได้ ก็จงเป็นไม้อื่นๆที่ขึ้นในบุปผา-แต่ทว่า
เป็นไม้ที่สวยสุดริมลำธาร: ถ้าท่านเป็นต้นไม้ใหญ่ไม่ได้ก็จงเป็นต้นไม้เล็ก
ถ้าท่านเป็นต้นไม้เล็กไม่ได้ก็จงเป็นหญ้า ซึ่งชูต้นสะบัดอ่อนไหวอยู่ริมทางหลวง”
.
10.จงตำหนิติเตียนตัวเรา ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเราบกพร่องประการใดบ้าง จงขอร้องให้ผู้อื่นติเตียนเราอย่างตรงไปตรงมา คำติเตียนนั้นจะช่วยแก้ไขความบกพร่องของเรา
สำนวนในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมได้ยกตัวอย่างมาในเบื้องต้นเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้หนังสือชุดนี้ของคุณ เดล คาร์เนกี และผู้แปลอาษา ขอจิตเมตต์มีสเน่ห์และอ่านสนุก (หนังสือชุดนี้มี 3 เล่มด้วยกัน อีกสองเล่มคือ ‘การพูดในที่ชุมนุม’ และ ‘วิธีชนะมิตรและจูงใจคน’ )
.
ถึงแม้สำนวนและตัวอย่างที่ได้ยกมาในหนังสือชุดนี้จะมีอายุมากกว่า 80 ปี แล้ว แต่แก่หลักไม่ส่งผลให้รู้สึกถึงความล้าสมัยเลย สามารถนำมาปรับและประยุกต์ใช้ได้จริงๆไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม
.
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังพบเจอปัญหาในชีวิต หรือพบเจอกับความทุกข์ที่ยากจะก้าวข้าม
.
แต่ถึงแม้คุณจะไม่มีทุกข์ให้กังวลนัก หนังสือเล่มนี้ก็เหมาะที่จะหยิบมาอ่านซักครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเล่าเรื่องและใช้สำนวนที่สระสรวยส่งผลให้สามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาและใจความที่ผู้เขียนและผู้แปลต้องการสื่อได้อย่างชัดเจน
.
Zcollex_book
#Howtostopworrying&startliving #DaleCarnegie
#แสงดาว #พัฒนาตนเอง #จิตวิทยา
#หนังสือพัฒนาตนเอง
หนังสือ
ความคิดเห็น
พัฒนาตัวเอง
1 บันทึก
1
2
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย