29 มิ.ย. 2023 เวลา 06:27 • ความคิดเห็น
‘5 อย่างที่คนเสียดายมากที่สุดในช่วงสุดท้ายของชีวิต’ ซึ่งการหาเงินหรือทำงานมากขึ้นก็ไม่ได้อยู่ในนั้น
.
เราไม่เห็นคุณค่าของเวลา จนกว่าเวลากำลังจะหมดลงแล้ว
.
มันอาจจะฟังดูโหดร้ายแต่นั่นก็คือเรื่องจริง
.
สำหรับหลาย ๆ คนที่ยังสุขภาพแข็งแรง อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว ชีวิตกำลังเริ่มต้น ความตายหรือบั้นปลายชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่อาจจะไม่เคยแว็บเข้ามาในความคิดเลยด้วยซ้ำ แม้จะรู้ว่าปลายทางของเราทุกคนจะเหมือนกัน แต่มันก็ยังอีกไกลกว่าจะไปถึงตรงนั้น
.
แต่อยากจะชวนนั่งไทม์แมชชีนทางความคิดไปข้างหน้าอีกสัก 60-70 ปี ระหว่างที่เรากำลังนอนอยู่บนเตียง ความตายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกขณะ
.
ถ้ามีคนมาถามว่า “อะไรคือสิ่งที่คุณเสียดายมากที่สุดในชีวิต?” คำตอบของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป
.
แต่จากประสบการณ์ของ บรอนนี่ แวร์ (Bronnie Ware) พยาบาลชาวออสเตรเลียที่ดูแลผู้ป่วยในช่วงบั้นปลายชีวิต เธอได้ใช้เวลาพูดคุยและสอบถามคำถามเดียวกันนี้ จดบันทึกเอาไว้จนเขียนออกมาเป็นหนังสือ “The Top Five Regrets of the Dying” หรือความเสียดาย 5 อย่างคนที่กำลังจะจากโลกนี้ไปรู้สึก
.
สิ่งที่แวร์ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ช่วยปรับมุมมองของเราที่มีต่อชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้น คนส่วนใหญ่จะพยายามโฟกัสไปที่การทำงานเก็บเงินให้มากที่สุด เพื่อว่าพอแก่ตัวมาจะได้สบาย จนหลาย ๆ ครั้งก็ลืมสิ่งสำคัญเรื่องอื่นในชีวิตจนมารู้สึกเสียดายทีหลัง ซึ่งหลังจากที่แวร์ถามว่า
“อะไรคือสิ่งที่คุณเสียดายมากที่สุดในชีวิต มีอะไรที่อยากจะทำต่างออกไปบ้าง?”
.
เธอบอกว่าไม่มีใครเลยที่บอกว่าอยากมีเซ็กส์มากกว่านี้หรือไปกระโดดบันจี้จัมป์ หรืออยากหาเงินให้ได้มากกว่านี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกเสียดายที่มุ่งมั่นทำงานมากเกินไป จนพลาดหลาย ๆ อย่างในชีวิตไป
.
และนี่ 5 เรื่องที่คนรู้สึกเสียดายมากที่สุดที่แวร์ได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ในหนังสือ
.
1. เสียดายที่ไม่กล้าพอที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น
.
นี่เป็นความรู้สึกเสียดายที่หลายต่อหลายคนพูดอยู่เสมอ เมื่อเรารู้ว่าเวลาบนโลกนี้ใกล้จะหมดลง การมองย้อนกลับไปนั้นทำให้รู้สึกเสียดายโอกาสที่จะเติมเต็ม
ความฝันที่ไม่กล้าลงมือทำ เกิดเป็นคำถาม “ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฉัน...มันจะเป็นยังไงนะ?” ที่ไม่มีโอกาสที่จะหาคำตอบได้อีกต่อไป ความฝันมากมายที่อยากทำแต่กลับต้องทิ้งไปเพราะเราเลือกเติมเต็มความฝันหรือใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นคาดหวัง (หรือเลือกให้)
.
เมื่อยังมีกำลัง สุขภาพแข็งแรง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตัวเองมีอิสระมากแค่ไหน จงใช้มันให้เต็มที่
.
2. เสียดายที่ทำงานหนัก ‘มากเกินไป’
.
การทำงานหาเงินไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่ดี มันเป็นเรื่องจำเป็นและทุกคนก็ต้องทำทั้งสิ้น แต่ว่าการทำงานหนัก ‘มากจนเกินไป’ ต่างหากที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกเสียดาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายที่มารู้เมื่อสายเกินไปแล้ว พวกเขาพลาดโอกาสในการสร้างประสบการณ
และใช้ช่วงเวลาอันแสนมีค่ากับลูก ๆ และพ่อแม่ที่สูงอายุ ส่วนผู้หญิงก็มีบ้างที่รู้สึกเสียดายในเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่มาจากยุคก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักจึงรู้สึกในเรื่องนี้น้อยกว่า
เมื่อถึงวันที่คุณจะจากโลกนี้ไป คนเดียวในโลกที่จะจำได้ว่าคุณทำงานหนักก็คือลูกของคุณเอง
.
ลู่วิ่งของงานไม่มีวันหยุด คุณต้องเลือกที่จะกระโดดลงมาใช้ชีวิตของตัวเองและสร้างความทรงจำอันมีค่ากับคนที่คุณรักรอบ ๆ ตัวบ้าง
.
3. เสียดายที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกไปตรง ๆ
.
หลายคนกดทับความรู้สึกที่มีเอาไว้ข้างในเพราะกลัวจะสร้างความบาดหมางแตกแยก แบกความเครียด ความกดดัน ใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุขไปวัน ๆ อาจจะเป็นเรื่องการทำงานที่น่าเบื่อ ความรู้สึกไม่พอใจกับคนในครอบครัว หรือใครก็ตาม กลายเป็นความขมขื่นที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใน ก่อตัวเป็นความเกลียดชังที่แม้วันสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่หายไปไหน
.
4. เสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนมากกว่านี้
.
“บ่อยครั้งที่หลาย ๆ คนไม่เห็นคุณค่าของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่จนกระทั่งช่วงบั้นปลายของชีวิต และมันก็ไม่ได้ง่ายที่ตามหาคนเหล่านี้เจอแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของตัวเอง จนปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่มีค่านั้นเลือนหายไประหว่างทาง”
.
เราจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนเท่าที่ควรและจะคิดถึงเพื่อนทั้งนั้นเมื่อวินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง
.
5. เสียดายที่ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้
.
นี่ก็เป็นความรู้สึกเสียดายอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่รู้สึกในบั้นปลายของชีวิต แวร์บอกว่า “เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า ‘ความสุข’ คือทางเลือก ยึดติดกับรูปแบบและพฤติกรรมเดิม ๆ” สร้างคอมฟอร์ตโซนของตัวเองที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่กล้าที่เปลี่ยนแปลง เพราะกลัวว่าเปลี่ยนแล้วจะแย่กว่าเดิม หลอกตัวเองแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างโอเคกับคนรอบ ๆ ตัว พอใจแล้วกับสิ่งที่มีอยู่ ชีวิตที่เป็นอยู่ “ทั้งที่ลึก ๆ ข้างใน โหยหาเสียงหัวเราะและความบ้าๆบอๆของชีวิตอีกครั้ง”
.
ปล่อยให้ตัวเองมีความสุขบ้าง ออกนอกคอมฟอร์ตโซน หาเรื่องใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถ ให้หัวใจได้เต้นแรงบ่อย ๆ หัวเราะให้เยอะ ๆ บางอย่างที่หนักเกินก็ปล่อยวางลงไปบ้าง เรื่องไหนที่พลาดก็เรียนรู้ที่จะยกโทษให้ตัวเอง แวร์เขียนไว้ในหนังสือว่า
.
“ชีวิตไม่ได้เป็นหนี้อะไรเรา เรานี่แหละที่เป็นหนี้ตัวเองที่จะต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ และใช้ด้วยความรู้สึกขอบคุณด้วย”
แม้ว่าจะไม่มีใครที่รู้คุณค่าของชีวิตได้ดีไปกว่าคนที่กำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
.
แต่เราบทเรียนที่แวร์ได้นำมาแชร์ก็ช่วยดึงสติทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับชีวิตของเราอีกครั้ง
.
จริงอยู่ว่าชีวิตของเราทุกคนมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ต่างคนต่างวาระ หนี้สิน การงาน ครอบครับ ต้องหาเงิน เก็บออม ลงทุนเพื่อการเกษียณ เน้นย้ำอีกทีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น เงินคือปัจจัยที่สำคัญในชีวิต
.
แต่เราก็ต้องคอยถามตัวเองเสมอว่าเรามัวแต่มุ่งทำงานหาเงินมากเกินไปจนลืมคนสำคัญในชีวิตรึเปล่า? เพื่อน ครอบครัว ลูก หรือแม้แต่ตัวเอง? เรามีความสุขจริง ๆ รึเปล่า? หรือกำลังใช้ชีวิตของเราจริง ๆ หรือเป็นชีวิตที่คนอื่นกำหนดเอาไว้ให้?
.
สิ่งที่คุณต้องลองถามตัวเองในตอนนี้คือ ‘จะใช้ชีวิตยังไงให้รู้สึกเสียดายให้น้อยที่สุดก่อนจะถึงบั้นปลายชีวิต? และมีอะไรที่เราอยากจะเลือกใช้ชีวิตให้ต่างไปจากเดิมบ้าง?’
.
จงรักตัวเองให้มากที่สุด
แม้ในวันที่คนอื่น
รักเราน้อยลง
จงเรียนรู้จาก ความผิดหวัง
แทนที่ จะร้องไห้
และ..โทษทุกอย่างรอบตัว
จงใช้ชีวิตให้เต็มที่
ให้คุ้มกับการเกิดมา
แค่เพียงครั้งเดียว
เวลา ของ..แต่ละวัน
มันผ่านไปเร็วนะ
อย่าลืม ที่จะมีชีวิต
ที่เราอยากจะมี
ก่อนที่มันจะ สาย
และ..เราต้องเสียดายมัน
โฆษณา