30 มิ.ย. 2023 เวลา 00:58 • ความคิดเห็น
เรื่องหนึ่งที่มาพรั่งพร้อม พรั่งพรู เข้าสู่จิตมาพร้อมการพัฒนาอะไรรวดเร็วต่างๆมากมาย เข้าสู่สายตาวิญญาณหกของมนุษย์ ให้หลงใหลสะกดอยู่กับโลก โดยไม่รู้สึกตัว มันจึงเป็นความโกลาหล อยู่ไม่สุข แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แบ่งแยก ..เกิดเป็นความโกลาหล หาความสงบสุขไม่ได้ ..มีการยึดจับจองเสาะแสวงหาอำนาจ เพื่อครอบครองวัตถุปัจจัยในโลก ..ที่โลกมีไว้ให้อาศัยมาอาศัยกายมนุษย์มาทำอะไร ..ให้เวลาคนละไม่เกินแปดสิบปีร้อยปี
..มันทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็กไปเรื่อยๆ ยิ่งปลามันตัวใหญ่มาก มันก็ต้องกินจุ ..ต้องกินปลาเล็กๆมากมาย ถึงจะอิ่มหมีพลีมัน .มันกินไม่รู้จักพอเสียด้วยไปจนแก่เฒ่าชราตายไป พัฒนาอะไรขึ้นมา มันก็มีของเสียเกิดขึ้น ของกากๆ เช่นกากนิวเคลียร์ บ้างก็หัวดีเอามาทำเป็นเรื่องกระสุนปืน ทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง เค้าจึง ว่า สิ่งต่างๆที่ว่าเจริญ มีไว้หักล้างมนุษย์ด้วยกันเอง ..ผู้คนก็จะน้อยลงไป เรื่อยๆ..แล้วพวกสัตว์ ก็จะมากขึ้น หมดปลวกแมลงมากขึ้นมากัดกินบ้านเมืองให้ผุกร่อน บ้านไม่คนอยู่ ข้าวไม่มีคนกิน เป็นไปตามยุคสมัยกลียุค
แล้วมีสิ่งหนึ่ง เค้าเรียกว่า ไฟบรรลัยกัลป์ เผาผลาญที่ลงสู่จิตห้อมล้อมจิต กักขังทับถมจิต ไม่ให้หยุดพัก ชีวิตวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ไฟฟ้าถนนหนทาง สื่อต่างๆมากมาย ที่ผ่านหูตา ทั้งภาพและเสียง สัมผัส มันทำให้เกิดอารมณ์กรรม อารมณ์นึกคิด เกิดขึ้น อารมณ์ชอบใจ ไม่ชอบใจ วิตกวิจารณ์..มันวนเวียนเป็นวงกลม ปั่นจิตวงเวียนอยู่ในคำว่าโลภโกรธหลง ที่มีตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา วนเวียนกันอยู่
เหมือน กินข้าวอิ่ม อิ่มก็หยุดกิน แล้วก็หิวอยากจะกินอีก .มันวนเวียนอยู่เพราะร่างกาย มีสภาพอย่างนั่น พอกินเข้าไปมันก็มีของเสียต้องขับถ่ายออก เหมือนของเรามีเราได้ เอามาใช้ เดี๋ยวมันก็เก่า มันไม่คงทน เก่าเป็นของเสีย หรือว่าได้มาไม่ชอบใจไม่พอใจ ..เพราะใช้มานาน .ไม่เหมือนของใหม่ ..มีอะไีร .ทำให้ถูกใจชอบใจ ก็ต้องทะเยอทะยานไปหาของใหม่อีก มันเป็นวงกลมซ้ำๆหมุนเวียนอยู่ เหมือนจิ้งหรีดที่ถูกปั่นไปเรื่อยๆๆๆ
สิ่งหนึ่งที่เราใช้อารมณ์ ใช้วิญญาณทั้งหก ในสิ่งที่เรียกว่าไฟบรรลัยกัลป์ ไหลเข้ามาสู่จิตได้มากมายก่ายกองเกิดขึ้น ..ยิ่งเสพเกม เสพอะไรมากมาย มันก็ล้วนเป็นอารมณ์ ..ส่งไปให้จิต จิตส่งลงไปที่ธาตุทั้งสี่บันทึกลงไป
เหมือนเราเอาสีมาทาลงพื้นทาสะสมไปเรื่อย ..นานไปกายนี้ ก็สะสมของมากมายก่ายกอง ของที่สะสมลงไป ..มันก็ทับจิต ..สะสมที่จิตด้วย ..ก็จะทำให้เกิดเป็นความขี้เกียจขี้คร้าน .เกิดขึ้น จิตมันก็เล็กลงไปๆ อารมณ์หงุดหงิด ..เพราะกายหงุดหงิด เลือดลมก็เป็นสีดำสีม่วงมันก็ไม่ปกติ ปวดหัวเวียนหัว ไมแกรน ซึมเศร้าก็เพราะอารมณ์..ที่เกิดขึ้นสะสมในเรือนกาย
เมื่อมันเกิดความขี้เกียจ มันก็ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากจะไปหยิบจับอะไร ไม่ดูแลความสะอาดสะอ้านบ้านที่อาศัย ไม่ดูแลจิตใจให้สะอาดสะอ้าน มันรกรุงรังตลอดเวลา จะทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อย ..เบื่อง่าย.ลุกลี้ลุกลน .ไม่ชอบใจไม่พอใจ..เดี๋ยวก็วิ่งไปหาของใหม่ ที่มีบริการ ส่งให้ถึงที่ เพียงแค่มีเงินมีทอง ก็ไม่ต้องขยับเขยื้อนกายไปไหน มันก็สะสมเป็นนิสัยที่เคยชิน
..ที่สำคัญ..อารมณ์ที่เอาเข้ามาสู่กายสู่จิต มันเหมือนสีนั้นสีนี้ ที่มองไม่เห็นสีทาทับไปเรื่อย นั่นก็คือกรรม..จิตมันก็เล็กลงไป โรคภัยมันก็เกิดขึ้นที่กายเร็วขึ้น เมื่อกายป่วย จิตก็ป่วยไปด้วย ..พอสิ่งที่เรียกว่าไฟบรรลัยกัลป์ ..ไฟโลภโกรธหลงเข้าไปสู่จิต..มันก็ปิดหนทางที่จะทำสร้างทาน สร้างกุศล ยิ่งเรื่องคำว่า บารมี..ไม่สามารถกระทำ เพื่อช่วยเหลือจิตของตนได้เลย เพราะสิ่งเหล่านี้ ทำได้ตอนที่ร่างกายแข็งแรงมีอาการครบสามสิบสอง จึงจะสามารถกระทำได้
พอไฟบรรลัยกัลป์เข้าสู่กายใจมากขึ้น..จะไปสวดมนต์กราบพระ แม้ในบ้านมีหิ้งพระห้องพระ ก็เข้าไปกราบสวดมนต์ กระทำไม่ได้เลย .หรือ แม้อยู่กับพ่อแม่ .ที่ให้เรือนกายเรามา ก็คอยจะหงุดหงิด เหวี่ยงอารมณ์ ใช้อารมณ์ ใช้กิริยาที่ไม่ดีกับพ่อแม่ตัวเอง
แล้วชีวิตมันจะเจริญได้อย่างไร ในเมื่อจิตนั่นอาสัยกายที่พ่อแม่สงเคราะห์ให้..จิตนั่นมาครอบครองเรือนกายได้มีที่อยู่อาศัย มีบ้านที่จิตอาศัยเป็นมนุษย์ .ได้ไม่นาน ก็ต้องจากลาโลกไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ครอบครองแม้เรือนกายที่อาศัย..ก็สลายผุพังไป.
..ไปแต่จิตดวงเดียว..พกพากรรมไปกับจิต ดินฟ้าอากาศ ก็จะบันดาล คัดแยกให้ ..ไปสถิตย์ในสิ่งที่ว่า สมควรแก่เหตุ เหมือนตอนจะเกิดมีกายเป็นมนุษย์ ที่สะสมกรรมดีชั่วมาเองทำเอง ไม่มีใครทำให้เพราะ เกิดเป็นมนุษย์เค้าก็สงเคราะห์ให้โอกาสทำสิ่งดี แก้ไขนิสัยตัวเอง ในกายที่จิตนั่นครอบครอง เป็นผู้ใช้กายวาจาใจเอง ทำเองทั้งนั้น .กรรมเราทำเอง.ก็ต้องชดใช้กรรมเอง..
สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตนเอง วนเวียน เกิดไปตามกรรมที่ครอบครองจิต เป็นวงกลม ไปนรก เป็นมนุษย์ เป็นเทพยดา ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เผลอทำชั่ว ลงไปนรกอีกแล้ว ..หลุดจากนรก มาเป็นมนุษย์ ..แก้ไขทีดีไปเป็นเทพยดา ..หมดบุญกุศลก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ..เผลอทำชั่ว ก็ลงไปนรกอีกแล้ว เค้าจึงว่า มันวนเป็นวงกลม
..วงกลมเหนือศีรษะ ความโลภโกรธหลง ..วนกันอยู่หลุดรอดออกไปไม่ได้เลย เดี๋ยว..โลภ เดี๋ยว..โกรธ ..เดี๋ยว..หลง เดี๋ยว..หนุ่มสาว เดี๋ยว..แก่ เดี๋ยว..เจ็บ ..แป็บเดียว ..ตายเสียแล้ว ..อย่าประมาทกันเลย เมื่อมาอาศัยในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่คงทน .ยึดเป็นแก่นสารจริงจังไม่ได้เลย ..วัตถุปัจจัยมีไว้เพียงแค่ประทังชีวิต
โฆษณา