ณ ที่แห่งนี้ โบสถ์สุสานศักดิ์สิทธิ์ the Holy Sepulchre Church กลาง Old City Jerusalem คือจุดพบ ของ East meet West ไม่ใช่ East แบบจีน เกาหลี ฯลฯ ที่เรามักนึกถึง แต่มันคือ East ของศาสนจักรที่นำกลุ่มโดยกรีกออร์โธดอกซ์ Greek Orthodox *(1) และ West ในที่นี้คือ ศาสนจักรตะวันตก Roman Catholic Church ผู้แสวงบุญในนิกายข้างต้นนี้รวมถึงกลุ่มโปรเตสแตนต์ หลั่งไหลมาเยี่ยมชมโบสถ์สุสานศักดิ์สิทธิ์แบบไหล่เบียดกัน นั่นเป็นเพราะเหตุไร ?
การขุดพบทางโบราณคดี ประกอบกับประเพณีที่ยาวนานเกือบสองพันปี ทำให้เชื่อกันว่า the Holy Sepulchre Church น่าจะเป็นตำแหน่งที่องค์พระเยซูถูกตรึง ฝัง และฟื้นคืนพระชนม์ มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่า ในธรรมเนียมชาวยิว จะไม่มีการประหาร หรือ ฝังศพ ภายในกำแพงเมืองอย่างแน่นอน แต่หากเราถอยเวลาไปยุคของพระวิหารหลังที่ 2 ที่บูรณะโดยเฮโรด เราจะพบว่าจุดที่โบสถ์ตั้งอยู่นั้นอยู่นอกกำแพงเมือง *(2) นักประวัติศาสตร์ยุคนั้น Eusebius (c. AD 260-340) บันทึกว่ากลุ่มคริสเตียนชาวยิวถือว่าทีนี่เป็นจุดตรึงกางเขน
บรรยากาศภายในโบสถ์ประดับประดาอย่างเต็มขนาด ทั้งภาพวาดที่ฝาผนัง แท่นเทียนสูงใหญ่หลายแบบ โค้มระย้าทั้งใหญ่น้อยรายรอบ ภาพวาดอัครทูตทุกคน ควันธูปคละเคล้ากับกลิ่นกำยานรวมถึงมดยอบที่หอมหวาน ผู้คนแน่นขนัดเนื่องจากมีการเดินเวียน procession ของหลากกลุ่มผู้แสวงบุญ หลายคนนำเครื่องรางมาเป็นถุงๆ (อาทิ ไม้กางเขนเล็กๆ) มาสัมผัสกับ Stone of Anointing เพื่อ “บันดาล” ให้เป็นของขลัง
Stone of Annointing
ผู้แสวงบุญในปัจจุบันที่มาเยี่ยมชมโบสถ์สุสานฯ แทบทุกคนจะต้องมาเดินตามรอย The Via Dolorosa (the way of sorrow) ด้วยเช่นกัน ประเพณีนี้ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อรำลึกถึงหนทางสู่กลโกธาของพระเยซู เป็นสิ่งที่ Via Dolorosa ฉายภาพอยู่ใน 14 Stations หรือ 14 ป้าย โดยเริ่มตั้งแต่จุดที่ปิลาตตัดสินคดี จบสิ้นที่การฝังพระศพที่โบสถ์สุสานฯ