2 ก.ค. 2023 เวลา 00:53 • ไลฟ์สไตล์

เปลี่ยนพลังลบให้เป็นพลังบวก

ผมว่าปัญหาของเราอันหนึ่งคือ เรามักจะเจอพลังลบ ๆ เข้ามาในชีวิตอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงแล้วก็ตาม เพราะหลายครั้งสิ่งที่เป็นพลังลบนั้นเราควบคุมมันไม่ได้
1
ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งใจทำงานมาก ๆ แต่ก็ยังโดนหัวหน้าว่า เราทำดีกับคนที่เรารัก แต่เขาก็ยังไม่พอใจเรา หรือสารพัดที่มันจะทำให้เราได้รับพลังลบ
และก็เป็นธรรมชาติอีกเช่นกันที่เวลาเราได้รับพลังลบเข้ามา เราก็จะรู้สึกลบ ๆ เช่น โกรธ เศร้า ผิดหวัง อะไรแบบนี้ ซึ่งอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ปกติ ลองคิดภาพว่า เราโดนต่อว่า แต่เรากลับหัวเราะ พึงพอใจ อันนี้เราไม่ปกติแล้วจริงไหม
คราวนี้ปัญหาคือ พอเรามีอารมณ์ลบ ชีวิตเรามันจะไม่สดใส ไม่จะทุกข์ใจ วนเวียนกับสิ่งนั้น
คำแนะนำที่เรามักจะเห็นอยู่เรื่อย ๆ ในหนังสือแนวพัฒนาตัวเองก็คือ เราต้องปล่อยวาง ต้องมีความหวัง แล้วมันก็จะผ่านไปอะไรแบบนี้
ซึ่งส่วนตัวผม ผมก็ใช้นะครับ และมันก็ได้ผลจริง ๆ แต่ปัญหาของหลายคนคือบางทีอารมณ์ลบมันมาก ไม่ว่าจะตั้งสติอย่างไร มันก็ยังเอาไม่อยู่ เราไม่สามารถสกัดกั้นอารมณ์ลบที่ไหลบ่าเข้ามาได้เลย
มีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยได้ครับ คือ ลองเปลี่ยนพลังลบเหล่านั้นให้เป็นพลังบวกดูครับ มองแบบนี้ครับว่า ปกติพายุมา มันจะทำให้บ้านเรือนพัง น้ำที่ไหลแรง ๆ มันก็จะพัดพาให้สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ พังทลายไป
แล้วเราจะหยุดไม่ให้มีพายุ หรือ ให้น้ำไม่ไหลก็ไม่ได้ซะด้วยสิ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือพยายามหาประโยชน์จากลมแรง ๆ หรือน้ำที่ไหลแรง ๆ ดู
ใช่ครับ ที่เราเห็นกันนั่นแหละ ที่ไหนมีลมแรง ๆ เราเอากังหันลมไปตั้ง ให้ไปใช้ผลิตไฟฟ้าซะเลย ที่ไหนน้ำเยอะ เราทำเขื่อนเพื่อใช้แรงน้ำนั่นแหละครับ ผลิตไฟฟ้าได้เช่นเดียวกัน
ผมว่าชีวิตเราก็เช่นกันครับ เวลาเราเจอพลังลบ บางทีการสะกัดกั้นมันแทบจะทำไม่ได้ หยิบเอาพลังนั้นมาเปลี่ยนเป็นพลังบวก
เช่น เราโดนเจ้านายด่า ตราหน้าว่า คนอย่างแก ไม่มีทางเจริญ ใช่ครับ เจ็บปวด รู้สึกโกรธ แต่แทนที่จะเอาความโกรธนั้นเก็บไว้ในใจเฉย ๆ หรือเอาไปบ่นให้เพื่อนฟังอย่างเดียว (คือบ่นได้ก็บ่นไปเถอะครับ บางทีมันก็ทำให้เราสบายใจขึ้น) เราลองเอาคำดูถูก คำปรามาสเหล่านี้ เปลี่ยนเป็นพลังที่ทำให้เราคิดว่า เราจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
และการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นนี้ ไม่ได้ทำเพื่อที่จะทำให้หัวหน้ายอมรับอย่างเดียวนะครับ ไม่ว่าเขาจะยอมรับเราหรือไม่ยอมรับเรา เราก็จะเก่งขึ้นดีขึ้น จากคำดูถูกนั่นแหละครับ
หรือเวลาเราโดนคนรักทิ้งไป มันเศร้าครับ แต่ไหน ๆ จะเศร้าแล้ว แทนที่จะทำตัวเองให้แย่ไปอีก เผื่อเขาจะสงสาร (ซึ่งหลายครั้งเขาไม่ได้สงสารเลยด้วยซ้ำ) เราเปลี่ยนมาเป็นแรงฮึดว่าฉันจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม วันหลังเธอจะต้องเสียดายที่ทิ้งฉันไป และถึงแม้ว่าเขาจะเสียดายหรือไม่ก็ตาม แค่เราดีขึ้นกว่าเดิมมาก แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
แต่ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เอามาใช้เป็นพลังบวกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้โดยตรง เช่น สมมุติว่ามีคนมาทำอะไรที่ทำให้เราไม่พอใจ เช่น มาเอาเปรียบเรา แบบนี้ เราอาจจะนึกไม่ออกว่า แล้วเราจะเอาพลังนั้นมาทำอะไรต่อ ให้ลองเหวี่ยงพลังนั้นไปยังคนที่เราชอบมากกว่า เช่น พอโดนคนเอาเปรียบ ลองคิดถึงคนที่คอยช่วยเหลือเราเยอะ ๆ และให้รู้สึกขอบคุณเขามาก ๆ เราจะรู้เลยว่า คนดี ๆ แบบนี้ยังมีอยู่
ส่วนตัวผมก็เคยเจอครับ เคยขอความช่วยเหลือที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย และคาดว่าเขาน่าจะพอช่วยได้ไม่ลำบากนัก แต่ก็โดนปฏิเสธแบบที่คิดไม่ถึง ก็พยายามเข้าใจเขา เอาจริง ๆ ไม่ถึงกับโกรธหรอก แต่ก็ยอมรับว่าผิดหวัง แต่ผมก็กลับมาคิดถึงคนที่เขาช่วยเราอย่างเต็มที่ซึ่งมีจำนวนมากกว่าอีก รู้สึกขอบคุณเขามากจริง ๆ
เวลาคิดแบบนี้แล้วมันรู้สึกดีต่อใจ พลังลบมันเหมือนกลายเป็นพลังบวก คือเราแค่เปลี่ยนโฟกัสของพลังนั้นเท่านั้น เลยอยากจะนำมาเล่าให้ฟังเผื่อจะลองนำไปปรับใช้กันได้นะครับ
โฆษณา