ต้องติดฟิล์มกรองแสง กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะพอดี ?

อย่าปล่อยให้รถคุณมาถึงจุดที่เรียกว่า “ไมโครเวฟเคลื่อนที่” ยิ่งต้องเจอการจราจรที่ติดขัด หัวร้อนกับรถติดเป็นชั่วโมงแล้ว อย่าเพิ่มความหัวร้อนกับความอบอ้าวภายในรถอีกเลย
กลายเป็นปัญหาโลกแตก สำหรับการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ กับคำถามที่ว่า “ติดฟิล์มแบบไหนดี” คนใช้รถบ้านเราปัจจุบันเหมือนกัน มีหลายกลุ่มหลายประเภท กลุ่มคนที่ใช้รถปกติคงมีปัญหาอะไรไม่มาก
กับอีกกลุ่ม คมที่ชอบรถแต่ง ที่จะมองว่า ติดฟิล์มแบบไหนเหมาะกับสีรถ เข้ากับตัวรถ หรือเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่และทุกวันนี้ “ฟิล์มติดรถยนต์” กลายเป็นของแถมยอดนิยมสำหรับผู้ซื้อรถป้ายแดง เมื่อพนักงานขายหรือเซลส์ตามโชว์รูมชอบถามว่าติดฟิล์มรถยนต์กี่เปอร์เซนต์ แบบไหนดี พร้อมกับกางแคตตาล็อกให้เลือก“เอาแบบหน้า 40 รอบคันกระจกหน้าต่าง บานหลัง 60 ดีไหมพี่”
ตัวอย่างเลขที่บอกค่าต่าง ๆ
แล้วตัวเลขที่บอกมันคืออะไรละ?
บอกได้เลยหลายคนยังเข้าใจผิดในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในหลักการเทคนิคของผู้ผลิต และจำหน่ายฟิล์มนั้น มีฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยอดฮิตที่จำหน่ายในบ้านเราอยู่ไม่กี่เบอร์ เช่น 05,20,35 และ 50 แต่ร้านติดฟิล์มกับมาบอกผู้ใช้บริการว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ ทำให้สับสนกันไปใหญ่ เพราะความจริงแล้ว เบอร์ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นเป็นความเข้มของฟิล์มที่แสงสามารถส่องผ่านได้ อย่างเช่น เบอร์ 05 ที่แสงสามารถผ่านได้ 5 เปอร์เซ็นต์ จะมีความเข้มที่ 95 เปอร์เซ็นต์
แต่ร้านจำหน่ายจะบอกลูกค้าว่าฟิล์ม 80 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงฟิล์มเบอร์ 20 ที่ปล่อยแสงผ่านได้ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับความเข้ม 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ในตลาดจะเรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 60 เปอร์เซ็นต์งงไหมละครับ ดังนั้นเมื่อเวลาเราบอกว่าติดฟิล์ม 80% เราจึงได้ฟิล์มที่มีแสงส่องเข้ามาได้แค่ร้อยละ 5 ในขณะที่ความเข้มจริงของฟิล์มสูงถึง 95% เลยทีเดียว
คราวนี้มาดูประเด็นสำคัญของการเลือกติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์กันบ้าง จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศในเมืองไทย ค่ากันความร้อนจากแสงแดด ฟิล์มรถยนต์ที่ดีจะต้องมีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจากแสงแดดเป็นหลัก ไม่ใช่ป้องกันเฉพาะแสงอินฟราเรด และที่สำคัญต้องป้องกันรังสี UV ได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 99 ค่าการสะท้อนแสงของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่กระจกบานหน้าไม่ควรเกิน 10% ถ้าเกินกว่านี้จะรบกวนรถที่สวนทาง รวมทั้งคนภายในที่มองออกไปอาจสะท้อนเงาตัวเองทำให้มองเห็นด้านนอกไม่ชัดเจนจนเกิดอุบัติเหตุได้
คำว่า เมทัลไลช์ คือ ฟิล์มปรอทนั่นเอง แต่คนจะคุ้นหูมากกว่า
มีฟิล์มชนิดหนึ่งที่สามารถกันความร้อนได้ดี “ฟิล์มปรอท” แต่มีข้อเสีย และยังผิดกฎหมาย
แต่มาแจ้งให้ไว้เป็นความรู้แล้วกัน ฟิล์มปรอท เป็นฟิล์มที่สามารถกันความร้อนได้ดี เนื่องจากเป็นฟิล์มติดอาคารที่นำมาติดในรถยนต์ แต่ผลเสียของฟิล์มชนิดนี้คือความเงาแวววาว ทำให้มีค่าสะท้อนแสงที่สูงลิ่ว จึงไม่เหมาะที่จะนำมาติดกับกระจกบานหน้ารถอย่างที่สุด
เพราะฟิล์มปรอทความเข้ม 60% สามารถลดความร้อนได้ 65-80% ก็จริง แต่ค่าสะท้อนแสงปาไปถึง 25-30% เข้าให้แล้ว ในขณะที่ฟิล์มดำจะมีค่าสะท้อนแค่ 8-10% แต่ก็สามารถลดความร้อนได้แค่ 50-60% เช่นกัน
ส่วนหัวข้อนี้ เอาไว้ประกอบข้อมูลในการตัดสินใจแล้วกัน เป็นข้อมูลจากกลุ่มชอบแต่งรถ ถึงฟิล์มกรองแสงรถยนต์กับความสวยงามเข้ากับสีของรถก็เป็นสิ่งจำเป็น รถที่มีสีอ่อนจะเหมาะสมกับฟิล์มที่มีสีเข้มและหลีกเลี่ยงฟิล์มปรอท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถสีขาวเมื่อรวมเข้ากับฟิล์มปรอทหรือฟิล์มที่มีเงาสะท้อนสูงด้วยแล้วยิ่งทำให้รถดูราบเรียบไร้มิติ
ส่วนรถสีเข้มจะสามารถเลือกฟิล์มได้แทบทุกชนิดและง่ายกว่า แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่รสนิยมของเจ้าของรถต่างหากที่เป็นตัวตัดสินว่าพอใจที่จะเลือกแบบไหน มาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจ คือ ยี่ห้อและตัวแทนจำหน่ายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะปล่อยละเลยไปไม่ได้ ตัวฟิล์มต้องมีแหล่งผลิตที่ชัดเจนและมั่นคงมายาวนานเป็นที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งต้องมีการรับประกันคุณภาพฟิล์มที่ไม่ต่ำกว่า 7 ปีเป็นอย่างน้อย
ถ้าไม่แม่นเกี่ยวกับข้อมูลเทคนิคของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ขอแนะนำให้ขอดูตัวอย่างรถที่ติดฟิล์มจากร้านติดตั้ง หรือศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันสามารถหาอ่านได้ในหลากหลายเว็ปไซค์ แต่ถ้าต้องการความมั่นใจ ก็ให้ติดต่อกับพนักงานขายของฟิล์มยี่ห้อนั้นๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของคุณ ไม่เช่นนั้นคุณจะเหมือนตาบอดข้างหนึ่งในเวลาขับรถ
MAXXMA เรามีฟิล์มกรองแสงที่หลากหลาย ที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ในการติดตั้งฟิล์มกรองแสงคอนโด ฟิล์มกรองแสงอาคาร ไม่ว่าจะเป็นการติดฟิล์มโลหะ ติดฟิล์มดำ ติดฟิล์มใสกันร้อน ติดฟิล์มนิรภัย ฟิล์มเซรามิค สติกเกอร์ฝ้า
ฟิล์มตกแต่งภายใน
www.maxxmafilm.com
ชุด DIY kit สำหรับติดอาคารและรถ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา