3 ก.ค. 2023 เวลา 08:25 • ประวัติศาสตร์

"สาธุ ซันดาร์ ซิงห์ (Sadhu Sundar Singh)" มิชชันนารีแห่งเทือกเขาหิมาลัย

"สาธุ ซันดาร์ ซิงห์ (Sadhu Sundar Singh)" เกิดในปีค.ศ.1889 (พ.ศ.2432) ที่อินเดีย ในครอบครัวชาวซิกข์ที่ร่ำรวย
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ขณะที่ซิงห์ยังเป็นเด็ก มารดาผู้เคร่งศาสนาของเขาก็ได้พาซิงห์ไปพบกับนักบวชผู้ซึ่งหลีกหนีจากความวุ่นวาย ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาความจริงของชีวิต
การได้พบกับนักบวชครั้งนั้นได้จุดประกายในใจของซิงห์ และทำให้ในเวลาต่อมา ตัวของซิงห์เองก็ได้หาทางพบพระเจ้าตามแนวทางของตนเช่นกัน
สาธุ ซันดาร์ ซิงห์ (Sadhu Sundar Singh)
ต่อมา มารดาของซิงห์ได้เสียชีวิตขณะซิงห์มีอายุได้ 14 ปี และซิงห์ก็ได้หันเหความโศกเศร้าไปยังความเกลียดชัง โดยเขาเกลียดชังและต่อต้านเหล่ามิชชันนารีที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์ในอินเดีย และเกลียดชังถึงขนาดขว้างหินใส่เหล่านักบวชศาสนาคริสต์ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในอินเดีย
ครั้งหนึ่ง ซิงห์ได้ชูคัมภีร์ไบเบิ้ลเหนือศีรษะ ก่อนจะใช้ไบเบิ้ลนี้พัดไปทางเหล่ามิชชันนารี และจุดไฟเผา
หลังจากนั้นสามวัน ซิงห์ก็ได้สวดมนต์ตลอดทั้งคืนโดยหวังว่าจะได้เห็น "สัญญาณจากพระเจ้าที่แท้จริง"
จากบันทึกของซิงห์ ซิงห์ได้เห็นนิมิตของ "พระเยซู (Jesus)" ซึ่งนิมิตพระเยซูได้ตรัสกับซิงห์ว่า "เจ้าจะข่มเหงข้าอีกนานแค่ไหน? ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า เจ้าสวดมนต์เพื่อที่จะได้พบทางที่ถูก ก็รับไปสิ"
พระเยซู (Jesus)
จากนั้นภาพนิมิตนี้ก็หายไป ทิ้งให้ซิงห์ตกตะลึงในสิ่งที่ได้พบ
ซิงห์มองสำรวจบริเวณที่ตนเห็นพระเยซู และทราบได้ทันทีว่าตนนั้นต้องเผยแพร่คำสอนของศาสนาคริสต์ที่ตนเคยเกลียดชัง
ในปีค.ศ.1905 (พ.ศ.2448) ซิงห์ได้หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายแองกลิคัน และได้ลองบวช หากแต่ก็พบว่านิกายนี้มีลักษณะที่เป็นธรรมเนียมนิยมมากเกินไป ไม่เข้ากับวัฒนธรรมของอินเดีย และคิดว่าตนนั้นน่าจะเผยแพร่ถ้อยคำของพระเจ้าได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งนิกาย
จากนั้นซิงห์ก็เรียกตนเองว่าเป็น "พราหมณ์ชาวคริสต์" คือผสมทั้งตะวันออกและตะวันตก
จากนั้น ซิงห์ก็ได้เดินทางข้ามเทือกเขาหิมาลัยเพื่อไปเผยแพร่ศาสนา โดยตนนั้นทราบดีว่าการไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนพุทธในเวลานั้นเป็นเรื่องอันตราย แต่ก็ยังไป
2
ในการเดินทางข้ามเทือกเขาครั้งที่สาม ซิงห์ถูกจับกุมและตัดสินให้ประหารโทษฐานที่ล่อลวงให้ประชาชนหันมานับถือคริสต์
1
ในเวลานั้น กฎหมายพุทธในดินแดนนั้นห้ามไม่ให้ผู้นับถือศาสนาพุทธลงมือฆ่าคน จึงหาวิธีการสังหารที่ไม่ใช่สังหารโดยตรงเพื่อให้เลี่ยงกฎ โดยมีการรุมทำร้ายซิงห์ ก่อนจะผลักให้ซิงห์ตกลงไปในบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีน้ำ และปิดฝาบ่อ
2
ซิงห์ตกลงมากระแทกกับศพของเหยื่อคนก่อนที่ถูกสังหาร และกลิ่นเน่าเหม็นของศพก็กระจายไปทั่ว
1
รอบกายซิงห์เต็มไปด้วยความมืด ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเวลาตาย หากอากาศหมดเมื่อไรเขาก็ตาย หรือหากความหิวโหยนั้นมากเกินที่ร่างกายจะทนได้ ซิงห์ก็ต้องตายเช่นกัน
1
ซิงห์นอนรอความตาย โดยเขาภาวนาให้พระเยซูช่วยปัดเป่าความหวาดกลัวให้ตน
ในคืนที่สามหลังจากที่ซิงห์ถูกผลักตกบ่อ เขาก็ได้ยินเสียงกุญแจอยู่ด้านบน ก่อนที่ฝาบ่อจะถูกเปิดออก และมีเสียงตามลงมาว่า
"เกาะเชือกไว้"
1
จากนั้น ก็มีเชือกหย่อนลงมา ซึ่งซิงห์ก็เกาะเชือกไว้และถูกดึงขึ้นมาจากบ่อ แต่เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนได้ ปรากฎว่าสิ่งที่เขาพบคือความว่างเปล่า ไม่ปรากฎร่างผู้ที่ช่วยตน
1
ซิงห์ตระหนักได้ว่าผู้ที่ช่วยตนนั้นคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา จากนั้นตนก็ได้กลับไปยังที่พัก สร้างความตกตะลึงให้ทุกคนที่พบเห็น
ซิงห์ถูกจับกุมอีกครั้งและถูกนำตัวไปเฝ้าหัวหน้าลามะ ซึ่งก็ได้ถามว่าซิงห์ขึ้นมาได้ยังไง และเมื่อซิงห์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง หัวหน้าลามะก็โกรธมาก คิดว่าต้องมีใครแอบไปขโมยกุญแจและไปช่วยซิงห์
หากแต่เมื่อตรวจสอบกุญแจที่แขวน ก็พบว่ากุญแจอยู่ครบ ทำให้หัวหน้าลามะคิดว่านี่ไม่น่าใช่เรื่องธรรมดา จึงออกคำสั่งไล่ให้ซิงห์ออกไปจากทิเบตทันที
จากนั้นซิงห์ก็ได้บันทึกว่าตนได้พบเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อีกหลายครั้ง และได้พบกับฤาษีที่มองเห็นวันสิ้นโลกได้
1
ในยุค 20 (พ.ศ.2463-2472) ซิงห์ได้เดินทางไปอีกหลายประเทศ ทั้งเมียนมาร์ จีน มาเลเซีย อเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป โดยออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วโลก ก่อนที่ในปีค.ศ.1929 (พ.ศ.2472) ซิงห์จะหายตัวไปในเทือกเขาหิมาลัย และไม่มีใครได้พบเจอเขาอีกเลย
โฆษณา