จับตา ‘Threads’ แอปฯใหม่ Meta เกิดมาเพื่อฆ่า ‘Twitter’ ?
ทุกวันนี้ Twitter แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียแบบไมโครบล็อกชื่อดัง อาจไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนกับเมื่อหลายปีที่แล้ว หลังจาก “อีลอน มัสก์” (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 1.54 ล้านล้านบาท
บริษัท Twitter ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจากการที่มัสก์สั่งปลดพนักงานออกกว่า 50% เพื่อลดต้นทุนบริษัท เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่าง ๆ ในปัจจุบัน รวมถึง “จำกัดการมองเห็นข้อความทวีต” ของผู้ใช้งานในแต่ละวัน โดยไม่มีกำหนด ดังนี้
- บัญชียืนยันตัวตนอ่านได้ 10,000 โพสต์/วัน
- บัญชีที่ไม่ยืนยันตัวตนอ่านได้ 1,000 โพสต์/วัน
- บัญชีใหม่ที่ไม่ยืนยันตัวตนอ่านได้ 500 โพสต์/วัน
สำหรับการยืนยันตัวตนของ Twitter เป็นบริการที่ต้องเสียค่าสมาชิก โดยผู้ใช้ทั่วไปมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 275 บาท และรายปีอยู่ที่ 2,900 บาท เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษมี “เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า” ว่ายืนยันตัวตนแล้ว สามารถทวีตข้อความจากเดิม 280 ตัวอักษร เป็น 4,000 ตัวอักษร และสามารถแก้ไขทวีตของตัวเองได้ 5 ครั้งในระยะเวลา 30 นาทีหลังจากทวีต
ขณะที่ผู้ใช้ประเภทบัญชีธุรกิจ บริษัท Twitter มีแผนเก็บค่าบริการ 34,100 บาทต่อเดือน (บวกภาษีที่เกี่ยวข้อง) แลกกับการรักษาเครื่องหมายติ๊กถูกสีทองหลังชื่อไว้ และเก็บเงินเพิ่มอีก 1,710 บาทต่อชื่อเรียกต่อเดือน (บวกภาษีที่เกี่ยวข้อง)
ระเบียบใหม่นี้ส่งผลให้ผู้ขายสินค้าผ่าน Twitter และสื่อมวลชนต่าง ๆ ที่ใช้ช่องทางนี้ ต่างเผชิญการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่ลดลง และที่สำคัญกว่านั้นคือ สาวก Twitter เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่การติดตามข่าวสารในทวีตถูกจำกัด ไม่อิสระเหมือนแต่เดิม
ด้วยเหตุนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท Meta Platforms ซึ่งเป็นเจ้าของโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook และ Instagram จึงหวังใช้โอกาสนี้ดึงดูดผู้ใช้ Twitter เข้ามา ด้วยการเปิดตัวแอปฯใหม่ที่ชื่อว่า “Threads” คล้าย Twitter จึงน่าสนใจว่าแอปฯ นี้มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
Threads หวังชิงฐานผู้ใช้จาก Twitter
แอปพลิเคชัน Threads ที่คล้าย Twitter มีชื่อโค้ดว่า “Project 92” และขณะนี้อยู่ใน App Store แล้ว คาดว่าพร้อมเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลดได้ในวันที่ 6 ก.ค.นี้แล้ว จากกำหนดเดิมในปลายเดือน ก.ค.
ข้อมูลบน App Store ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับแอปฯ Threads ว่า เป็นชุมชนที่มารวมตัวกัน เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่ประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจในวันนี้ ไปจนถึงเรื่องที่จะกลายเป็นเทรนด์ในวันพรุ่งนี้
เมื่อดูหน้าตาของแอปฯ จะเห็นปุ่มชอบ (หัวใจ) ช่องแสดงความเห็น ปุ่มคล้ายรีทวีต และปุ่มแชร์ ซึ่งใช้ไอคอนแบบเดียวกับ Instagram จนมีองค์ประกอบรวมคล้าย Twitter อีกทั้งแอปฯนี้ยังเปิดให้ผู้ใช้งาน Instagram สามารถโอนข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ติดตามมายังแอปฯ Threads ได้
สิ่งนี้อาจถือเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่น ๆ จากการที่ Instagram มีจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 2,000 ล้านคนต่อเดือนในปี 2566 จึงสามารถเข้ามาเป็นฐานเครือข่าย Threads ให้ขยายฐานผู้ใช้อย่างกว้างขวางได้ อีกทั้งไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ เจ้าของ Facebook อาจเปิดให้โอนข้อมูลและผู้ติดตามจาก Facebook มาด้วยก็เป็นได้ และทำให้ทั้ง 3 แอปฯโดยเจ้าของเดียวกัน ทั้ง Facebook Instagram และ Threads เชื่อมโยงถึงกัน ครองส่วนแบ่งตลาดโซเชียลมีเดียมากที่สุด
คริส คอกซ์ (Chris Cox) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท Meta ระบุว่า สำหรับการโต้ตอบ Twitter ทางบริษัทจึงเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ในชื่อโค้ดว่า Project 92 และชื่อสำหรับการเปิดตัวสาธารณะคือ Threads เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องจากผู้สร้างคอนเทนต์ และบุคคลสาธารณะต่าง ๆ ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่ทำงานอย่างปกติ และเชื่อถือได้
สำหรับเป้าหมายของบริษัทสำหรับแอปฯ Threads คือ “ปลอดภัย ใช้งานง่าย และน่าเชื่อถือ”
คอกซ์ยังเสริมอีกว่า ตอนนี้มีบุคคลดังสนใจใช้งานแอปนี้แล้ว คือ DJ Slime ศิลปินชาวอเมริกัน และบริษัทกำลังหารือกับคนดังอื่น ๆ รวมถึงโอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) พิธีกรชื่อดังรายการทอล์คโชว์ The Oprah Winfrey Show และทะไลลามะ (Dalai Lama) ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต
ขณะที่ ไลอา ฮาเบอร์แมน (Lia Haberman) ที่ปรึกษาธุรกิจบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Yahoo, AT&T, Viral Nation ฯลฯ ระบุว่า แอปฯ Threads สามารถพิมพ์ตัวหนังสือได้สูงสุด 500 ตัวอักษร
ต้องติดตามกันต่อไปว่า จากการรุกเข้าสู่แพลตฟอร์มที่คล้าย Twitter โดยเจ้าของ Facebook นี้ จะทำให้มัสก์เปลี่ยนใจ ผ่อนคลายระเบียบการมองเห็นทวีตให้กลับสู่สภาพเดิมหรือไม่ เพื่อรักษาฐานผู้ใช้งานที่มีอยู่เดิม อีกทั้ง Twitter ที่มีเครือข่ายผู้ใช้ราว 400 ล้านราย ก็กำลังเผชิญกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Threads โดยเจ้าของ Facebook ที่มีเครือข่ายเกือบ 3,000 ล้านราย และ Instagram มีเครือข่ายมากถึง 2,000 ล้านราย
อ้างอิง:
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
