เกมชิงประธานสภาจบลงแล้ว ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้รับเลือกเป็นประธานสภา ไม่ใช่คนของทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย
.
ปรากฏการณ์นี้ถูกมองได้ทั้งสองแง่ แง่หนึ่งมองได้ว่า ส.ส. ในพรรคเพื่อไทยรู้สึกแบบที่ อดิศร เพียงเกษ พูดจริงๆ จึงกลัวคุมลูกพรรคไม่ได้ ถ้าต้องให้เลือกคนของพรรคก้าวไกลก็อาจเสียงแตก และส่งผลเสียต่อพรรคร่วม 8 พรรคมากกว่า
.
แต่อีกแง่หนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นเกมที่พรรคเพื่อไทยวางไว้ เป้าหมายคือไม่ให้คนของพรรคก้าวไกลเป็นประธานสภา
.
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แม้วันนอร์จะเป็นคนกลางหรือคนของใคร การกระทำหลังจากนี้จะบอกทุกสิ่ง ทั้งการโหวตเลือกนายกฯ ว่าจะเปิดโอกาสให้พิธากี่ครั้ง รวมถึงการพิจารณากฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112
.
คำถามที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างก้าวไกล-เพื่อไทยเป็นอย่างไรกันแน่ ไว้วางใจกันแค่ไหน หรือหวาดระแวงกันตลอดเวลา
.
ภารกิจต่อไปที่สำคัญคือการโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ถ้ายังเลือกไม่ได้ ให้เลือกใหม่วันที่ 19 กรกฎาคม ดังนั้นจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือช่วงวันที่ 14-19 กรกฎาคม
.
อย่าลืมว่าพิธาและก้าวไกลมีมวลชนเป็นอาวุธสำคัญ หากผลการลงมติในรัฐสภาไม่ตรงตามมติมหาชน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ามวลชนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
.
เส้นทางสู่นายกฯ ของพิธา ทำให้นึกถึงชื่อภาพยนตร์ Mission Impossible ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วตอนจบของภารกิจนี้ ‘พิธา’ จะเป็นผู้ชนะเหมือนในหนังหรือไม่
.
ต้องติดตาม…