สมมติว่ามีสินทรัพย์ 2 ตัวคือ A กับ B ให้เลือกลงทุน จากเดิมที่จะวิเคราะห์ทั้ง A และ B เพื่อจะเลือกซื้อตัวใดตัวนึง
แต่ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? (Markowitz ไม่ได้กล่าว)
หลักการ Modern Portfolio Theory คือ เราจะวิเคราะห์ทั้ง A และ B รวมกันเป็นพอร์ตเดียวครับ โดยให้น้ำหนักแต่ละตัวต่างกัน จากนั้นจึงนำมาวิเคราะห์กำไรต่อความเสี่ยงของพอร์ตนั้นๆ
1
มาขยายความตรงนี้กันสักหน่อยครับ โดยใช้ตัวอย่างสินทรัพย์ A และ B เช่นเคย ✍️
ซึ่งค่าที่ว่านี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ยิ่งค่าสหสัมพันธ์ต่ำ ก็มีโอกาสที่ความเสี่ยงโดยรวมจะลดลงได้ครับ เช่น A ลบ แต่ B คงที่ หรือเป็นบวก พอร์ตรวมก็จะติดลบน้อยลงครับ
ทำให้เมื่อ A และ B รวมกันในพอร์ตเดียว กำไรก็จะเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มขึ้นตามเพราะมีเรื่องของ ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) เข้ามาเอี่ยวด้วยนั่นเอง
ดังนั้นหากคุณต้องการตัวช่วยที่จะทำให้ สามารถลงทุนระยะยาวได้แบบสบายใจมากขึ้น ก็ลองนำสูตร Modern Portfolio Theory ไปปรับใช้ตามสไตล์ที่เป็นตัวคุณได้เลยครับ 😁
😘 ลงทุนตามสูตร ง่ายๆ ด้วย Global ETF
5
หรือหากใครต้องการตัวช่วยที่มากกว่านั้น Jitta Wealth ยินดีนำเสนอ นโยบายการลงทุน Global ETF ที่จัดพอร์ตตามหลักการ Modern Portfolio Theory โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ 2 ประเภทคือ หุ้นและตราสารหนี้