อาจจะมีบางช่วงที่เส้นเรื่องขยับและขยี้ประเด็นเรื่อง what if และ what might have been อยู่บ้างว่า ถ้าเธอไม่ย้ายประเทศ ฉันกับเธอจะได้คบกันไหม ถ้าฉันไม่ยุติความสัมพันธ์ วันนี้เราจะอยู่ในสถานะไหน และอีก ฯลฯ ความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้
หนังไม่ได้ละเมียดละไมในการเดินเรื่องที่ดูแล้วลื่นไหลและใจฟู และมีชะตากรรมของตัวละครที่พลิกไปพลิกมาเหมือนใน Comrads, Almost A Love Story หรือ เถียนมีมี่ งานเก่าของ Peter Chan ที่ส่วนหนึ่งของเรื่องดำเนินอยู่ในนิวยอร์กเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้นึกถึงและต้องพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะงานภาพของ Past Lives นั้น โทนของแสงและสีที่ออกมามันชวนให้คิดถึงงานเก่าชิ้นนี้จริงๆครับ
หนังใช้ตัวละครเดินเรื่องหลักๆอยู่แค่ 2 ตัว คือคู่พระเอกและนางเอก ตัวละครที่เหลือทั้งหมดคือตัวประกอบที่แทบไม่มีบทบาทหรือสร้างผลกระทบอะไรให้กับเส้นเรื่อง เรียกว่าก็ค่อนข้างมีความเป็น indy ผสม art house อยู่หน่อยๆนะเนี่ย
ส่วนประเด็นเรื่อง past lives ของหนังก็คือความเชื่อแบบพุทธที่ว่าด้วยการเวียนว่ายตายเกิดนั่นแหละครับ เราคนไทยสามารถเข้าใจประเด็นนี้ได้ทันที แต่หนังก็คิดเผื่อผู้ชมในระดับสากลไว้แล้วด้วยการให้ตัวละครมีบทสนทนาถึงสิ่งนี้ว่า การที่เราได้มารู้จักกับใครสักคนในชีวิตนี้ ก็เพราะเราเคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมาแต่ชาติก่อนนั่นเอง
หมัดเด็ดที่อยู่ตอนท้ายสุดของเรื่องนั้นมีความรุนแรงต่อความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับตอนจบของ La La Land ถ้าหนังเพลงเรื่องนั้นปิดเรื่องด้วยการเห็นอดีตคนรักมีความสุขกับปัจจุบัน โดยที่ไม่มีตัวฉันอยู่ในปัจจุบันของเธอ ฉันก็มีความสุขกับเธอจากใจจริง