8 ก.ค. 2023 เวลา 13:25 • ธุรกิจ
Cybernetics Plus / Thailand

Why we need digital transformation

​​จากข้อมูลของ eMarketer บริษัทวิจัยด้านการตลาดได้ทำการสำรวจว่า ในปี 2020 ที่โลกเจอกับโควิด-19 เต็มรูปแบบครั้งแรก ปรากฎว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก (Retail E-Commerce Sales) มีมูลค่าสูงถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 26% สวนทางกับยอดขายหน้าร้านทั่วโลก (Retail Sales) ที่ติดลบราว 3%
​ขณะที่ในปี 2021 มูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลกจะเติบโตสูงขึ้นไปอีกที่ 17% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปอีกเฉลี่ยปีละ 11% จนถึงปี 2025 เรียกได้ว่า การซื้อสินค้าออนไลน์นับเป็นการค้าขายรูปแบบใหม่ของโลกเลยทีเดียว
​ผู้บริโภคปรับตัวในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการซื้อสินค้า ทำให้บริษัทต้องทำการปรับตัวตามเช่นกัน เพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ การที่บริษัทจะต้องทำการปรับตัวทางเทคโนโลยีนี้หมายถึงการนำมาใช้ซึ่งเครื่องมือและสื่อดิจิทัลที่ปรับให้เข้ากับความต้องการและความต้องการส่วนบุคคล เทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถมีช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าต่างๆได้ง่ายและสะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น เช่น
​ ​ ​Mobile Shopping Apps
​ ​ ​Voice Assistants
​ ​ ​Augmented Reality (AR) and Virtual Reality (VR)
​ ​ ​Personalized Recommendations
​ ​ ​Chatbots and Virtual Assistants
​ ​ ​Social Commerce
​ ​ ​Omni-Channel Experiences
​ ​ ​​ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่สามารถปรับตัวทางธุรกิจ โดยการนำเอา technology เข้ามาปรับใช้กับองค์กรเพื่อประโยชน์ด้านการบริหารจัดการและช่องทางการขายได้ก่อนเป็นบริษัทแรกๆจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าได้สูงกว่าคู่แข่งบริษัทอื่นๆเช่นกัน
digital transformation มี​อะไรบ้าง
โดยรูปแบบสําคัญของการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิตอลหรือ digital transformation ได้แก่
​การนำ digital เข้ามามีส่วนร่วมกับประสบการณ์ของลูกค้า Customer Experience:
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการใช้งานของลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว โดย ใช้ช่องทางดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์มือถือ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อมีส่วนร่วมกับลูกค้า เข้าใจความต้องการ ให้การโต้ตอบที่ราบรื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
​การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน Operational Efficiency:
เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กรให้ทำงานที่ซ้ำซ้อนโดยอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวม ซึ่งรวมถึงการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ซอฟต์แวร์การจัดการซัพพลายเชน และระบบ Robot Process Automation (RPA) เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงานและขจัดปัญหาความไร้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน
​ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล Data-driven Insights:
การเปลี่ยนแปลงแบบดิจิตอลยังรวมไปถึงการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจํานวนมากเพื่อให้องค์กรสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า
ตลอดจนแนวโน้มตลาดและตัวชี้วัดการดําเนินงานเพื่อตัดสินใจอย่างชาญฉลาดค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆและปรับปรุงประสิทธิภาพ
​นวัตกรรมและความว่องไว Innovation and Agility:
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลส่งเสริมวัฒนธรรมนวัตกรรมและความคล่องตัวภายในองค์กร
ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้บริษัทสามารถทดลองแนวคิดใหม่ๆ สร้างต้นแบบและทดสอบสินค้าหรือบริการได้อย่างรวดเร็วและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยีเครื่องจักร automation เข้ามาช่วยในการผลิตสินค้า ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนการผลิต และ ความแม่นยำ รวมถึงคุณภาพสินค้าได้มากขึ้น
​กล่าวโดยสรุป การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ในปัจจุบันถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับองค์กร เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาด เสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ขับเคลื่อนการเติบโต เสริมสร้างความร่วมมือ และลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรจะต้องให้ความสำคัญสำหรับการวางนโยบายบริหารองค์กร ให้ประสบความสำเร็จต่อไป
โฆษณา