9 ก.ค. 2023 เวลา 08:07 • ท่องเที่ยว
ญี่ปุ่น

การเดินทางข้ามปี ญี่ปุ่น EP 1 : เต็มตา จุใจ กับการขับรถวนรอบภูเขาไฟฟูจิ

ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2019 ก่อนหน้าที่โลกใบนี้จะได้รู้จักเจ้า COVID-19 เพียงไม่กี่วัน ครอบครัวเราออกเดินทางไกลไปส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึงแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศในดวงใจของใครหลายๆ คน… ญี่ปุ่น, Japan
ในทุกๆ ปี ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม โรงเรียนของเด็กๆ เขาจะปิดกลางภาค 1 สัปดาห์เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและต่อด้วยเทศกาลปีใหม่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่พ่อกับแม่จะได้ยื่นใบลาออก… เฮ้ย!!! ใบลาพักผ่อน พ่วงกับวันหยุดยาวเพื่อพาลูกๆ ไปผจญภัยในต่างแดน และในทริปนี้เราเลือกประเทศ ญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เที่ยวง่าย สะดวก ตั๋วถูก และเป็นประเทศที่สวยน่าเที่ยวในทุกฤดู
เที่ยวแบบครอบครัว ในสไตล์ กลางสายทาง
การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันที่ 23 ธันวาคม โดยออกเดินทางในไฟล์ทเช้าของสายการบินไทย กับพี่เบิ้ม A380 ทำให้เด็กๆ ที่ชอบเครื่องบินเป็นทุนเดิมตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้นั่งเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่ถึงขนาดมี 2 ชั้น เด็กๆ อยากนั่งชั้นบน แต่ในขาไปจองไม่ทัน เลยนั่งชั้นล่างไปก่อน ขากลับถึงจะได้นั่งชั้นบนสมใจ
บินสบายไปกับสายการบินไทย
ป้าม่วงลำโตพาเรามาถึงสนามบินนาริตะ ในช่วงบ่ายของวัน หลังจากผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อย เราก็ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟสาย Narita Express (N'EX) เพื่อเดินทางเข้า Tokyo แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้ลงที่สถานี Tokyo นะ เพราะเราจองโรงแรมไว้ที่ Yokohama ซึ่งต้องนั่งเลย Tokyo ไปอีก
เราใช้ โรงแรม Hotel Plumm ที่เดินชั่วอึดใจจากสถานี Yokohama เป็นโรงแรมหลักในทริปนี้ เพราะเราแบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเราจะล่องลงใต้ ไปแถบภูมิภาค Chubu และ Kinki ส่วนครึ่งหลังเราจะขึ้นเหนือไปเที่ยวแถบ Tohoku เพราะฉะนั้นโรงแรมใน Yokohama จะถือเป็น Hub ในการฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และเป็นที่พักเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง
Hotel Plumm, Yokohama (ภาพจากเว็บไซต์โรงแรม)
เช้า 24 ธันวาคม เราตื่นแต่เช้า แบ่งเสื้อผ้าและสัมภาระใส่กระเป๋าเดินทางใบกลางและใบเล็กแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนใบใหญ่เราลากมาฝากไว้กับโรงแรมตอนเช็คเอาท์ แล้วออกเดินไปที่สถานี Yokohama อากาศเช้านี้หนาวและลมแรงกว่าเมื่อเย็นวาน แต่เสื้อผ้า อุปกรณ์กันหนาวของทุกคนเอาอยู่ เพราะทริปนี้เราลงทุนกับเครื่องแต่งกายมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องมาเจออากาศหนาวที่นี่ เลยไม่อยากให้ต้องมาเจ็บป่วยในต่างแดน
จากสถานี Yokohama เรานั่งรถไฟ มาที่ Shin Yokohama เพื่อขึ้น Shinkansen ไปลงที่ Shizuoka โดยทริปนี้เราใช้ JR Pass เพื่อนั่งรถไฟไปยังหัวเมืองใหญ่ และเช่ารถขับไปเที่ยวในที่ต่างๆ และวันนี้เราจะเที่ยวแบบ Road Trip รอบภูเขาไฟฟูจิ โดยจะเช่ารถขับจาก Shizuoka วนรอบฟูจิ โดยมีแพลนพัก 1 คืนที่ Lake Yamanaka ก่อนจะวนมาคืนรถที่เดิม
นั่งรถไฟไป Shizuoka
วันนี้ฟ้าใส อากาศเป็นใจมาก เรามองเห็นฟูจิตั้งแต่รถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากชานเมือง แล้วเราก็เลือกที่นั่งถูกด้าน คือฝั่งขวาตามการวิ่งของรถไฟ เด็กๆ ก็จัดโมเดลรถไฟเป็นของที่ระลึกตั้งแต่ชินคันเซ็นขบวนแรกที่ขึ้นนั่ง คือมากับลูกๆ ที่ชอบรถไฟเอย เครื่องบินเอย ต้องทำใจและเตรียมงบเผื่อไว้เลยสำหรับของเล่นพวกนี้ คิดซะว่าจะได้ช่วยเติมเต็มจินตนาการของพวกเขา และจะได้ไม่กลับบ้านมือเปล่า ต้องมีของที่ระลึกกลับไปด้วย
ถึง Shizuoka ก็ต่อด้วยการเช่ารถขับ เราใช้รถคันเล็กกะทัดรัด พ่อขับ แม่นั่งดูทาง สองหนุ่ม มัชฌิ มัชฌิม นั่งหลัง แต่รัดเข็มขัดและใช้คาร์ซีทตามกฏหมายญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด จุดหมายแรกที่ตั้งบน GPS คือ การจิบกาแฟร้านดังชมวิวฟูจิที่ Starbucks Coffee - Fujikawa Service Area ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่แวะจอดที่นี่ วิวดีมากๆ เลย
Fujikawa Service Area
จากนั้นรถเราก็เคลื่อนวนตามเข็มนาฬิการอบภูเขาไฟฟูจิ ไปตามที่ปักหมุดเอาไว้ใน Map เริ่มจาก น้ำตก Shiraitonotaki ต่อไปที่ Lake Tanuki , Lake Motosuko, Lake Shoji, Lake Saiko และ Lake Kawaguchi อยากแวะตรงไหนแวะ อยากจอดตรงไหนจอด (ถ้าไม่ผิดกฏหมายนะ) ส่วนมื้อเที่ยงก็ร้านสะดวกซื้อ แล้วกินกันตรงจุดที่ว่าวิวสวยๆ ฟูจิวันนี้ใจดีมาก เพราะเผยตัวให้เห็นตลอดทั้งวัน มีเมฆบังบ้างแต่ก็ไม่นาน เรียกได้ว่าการมาเยือนภูเขาไฟฟูจิรอบนี้จุใจมากๆ
น้ำตก Shiraitonotaki
Lake Tanuki
Lake Motosuko
Lake Saiko
หิมะเริ่มตกบ้างแล้วบางจุด ระหว่างขับรถเที่ยวไปก็มีหิมะกองให้เห็นสองข้างทางบ้างแล้ว เรามาใช้เวลาในช่วงบ่ายกันอยู่ที่ Lake Kawaguchi นานหน่อย เพราะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่และมีจุดให้แวะถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ และถือว่าเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ด้วย เพราะจะมีรถบัสประจำทางวิ่งวนรอบทะเลสาบ ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวก
Lake Kawaguchi
ขับรถเที่ยวจนคล้อยบ่ายก็วนมาถึง Lake Yamanaka เราก็แวะเข้าเช็คอินเข้าที่พักที่ Hotel Mount Fuji เป็นโรงแรมบนเขาที่มองเห็นวิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตามาก ห้องพักทุกห้องมีระเบียงที่สามารถออกมายืนดูวิว ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศได้ตลอดทั้งวัน และเราจองห้องครอบครัวเอาไว้ ห้องไม่ใหญ่มาก แต่น่านอนสุดๆ โรงแรมมีออนเซนด้วยนะ แต่วันนี้ขอบายก่อน ขออกไปหาของกินด้านนอก แต่สุดท้ายก็จบที่การเข้าซูเปอร์มาเก็ต แล้วซื้อมาทานที่ห้อง
วิวจากระเบียงห้องพัก Hotel Mount Fuji ตั้งแต่ตอนกลางคืนจนถึงเช้า
ตื่นเช้าอีกวัน 25 ธันวาคม ที่ระเบียงห้องต้อนรับวันคริสต์มาสด้วยวิวหิมะหนาฟู และคุณฟูจิที่ยังอวดโฉมให้ถ่ายรูปอยู่ตลอด เราลงมาทานมื้อเช้าที่ห้องอาหาร แล้วก็ได้มีโอกาสให้เด็กๆ ได้ออกมาสัมผัสหิมะด้านนอกด้วย สนุกสนานกันจนลืมหนาวกับหิมะที่ลานข้างห้องอาหารของโรงแรม วันนี้ก็เลยไม่รีบร้อนเดินทางอะไร ปล่อยให้เด็กๆ ได้เอนจอยเต็มที่ เพราะหิมะแบบนี้ เมืองไทยบ้านเราไม่มีแน่นอน
เล่นหิมะที่สวนของโรงแรม
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เราก็ขับรถวนขึ้นเขาทางฝั่งตะวันออกของ Lake Yamanaka มายังจุดชมวิว Yamanakako Panorama-dai ซึงเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบแบบ Panorama สมชื่อจริงๆ เราจอดถ่ายรูปกันซักพัก ก่อนจะเคลื่อนรถต่อ เป้าหมายคือ Gotemba Premium Outlets ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้แพลนว่าจะไปตั้งแต่แรก แต่ด้วยคิดว่าอยากหารองเท้ากันหนาวกันหิมะให้มัชฌิมซักคู่ เพราะเป็นคนเดียวที่ใส่รองเท้าผ้าใบบางๆ ธรรมดา เห็นแล้วก็สงสาร ก็เลยต้องหาซื้อให้ซะหน่อย อีกอย่างจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินชอปปิงด้วย
ชมวิวที่ Yamanakako Panorama-dai
เรามาถึง Gotemba Premium Outlets ก่อนเที่ยง คนยังไม่เยอะมาก ได้เดินดู เดินชอป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย แม้แต่รองเท้าของมัชฌิม ก็เลยนั่งพักแล้วหาซื้ออะไรมาทานเป็นมื้อเที่ยงแทน อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อ โดยปักหมุดที่สถานี Shizuoka ไว้ก่อน เพราะเราจองรถไฟไปต่อไว้แล้ว ขับไปเรื่อยๆ แล้วค่อยดูเวลาดูสถานการณ์อีกที่ว่าจะแวะจอดตรงไหนได้บ้าง
Gotemba Premium Outlets
สุดท้ายแล้วก็ขับรถกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับวิวฟูจิมาตลอด 1 วันเต็ม เราก็ตัดสินใจไม่แวะที่ไหนอีกแล้ว แต่จะไปให้ถึงสถานี Shizuoka ก่อนเวลารถไฟพอสมควร เผื่อว่าจะได้คืนรถเช่า แล้วมีเวลาเตรียมตัวเพื่อขึ้นรถไฟต่อ ซึ่งเย็นนี้เราต้องไปพักที่ Nagoya เพราะแพลนของเราในวันถัดไปคือการขึ้นไปที่ Tayama และต่อด้วยการไปนอนที่ Shirakawa
รถไฟ Shinkansen พาเรามาถึง Nagoya ในช่วงเย็นๆ เราจองที่พักไว้ที่ Hotel Wing International Nagoya ซึ่งตอนแรกก็ลังเลว่าจะเดินลากกระเป๋าไป หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินไปดี แต่แน่นอนว่าพอให้โหวต เสียงส่วนใหญ่คือนั่งรถไฟ ก็เลยลำบากพ่อที่ต้องหาข้อมูลด่วนๆ ณ ตอนนั้นเลยว่าต้องนั่งรถไฟสายอะไร ไปลงที่สถานีไหน
Hotel Wing International Nagoya (ภาพจากเว็บไซต์โรงแรม)
เปิด Map เปิด App อยู่สักพักก็ได้ความว่า เราต้องนั่งรถไฟใต้ดินไป โดยที่ต้องซื้อตั๋วใหม่ เพราะ JR Pass ที่ถืออยู่ใช้ไม่ได้ ก็ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงแรม เข้าเช็คอิน เก็บสัมภาระเรียบร้อย เราก็ตัดสินใจออกมาเดินชมเมืองยามค่ำคืน และเผื่อได้เดินชอปปิง หารองเท้าให้มัชฌิมด้วย
เราตัดสินใจมากันที่ Oasis 21 ใกล้ๆ กับ Mirai Tower แลนด์มาร์ค สำคัญของเมือง Nagoya เราเดินเล่น ถ่ายรูป เก็บภาพบรรยากาศการประดับไฟฤดูหนาวจนหนำใจ ก็วนกลับมาที่สถานี Nagoya เพื่อหามื้อเย็นทาน และแล้วก็มาได้รองเท้าบูทกันหนาว กันหิมะให้กับคุณมัชฌิม ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วอีกหนึ่งภารกิจ
บรรยากาศ Nagoya ยามค่ำคืน
เรานอนที่ Nagoya หนึ่งคืน ก่อนที่พรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางต่อขึ้นเหนือไปที่ Takayama และ Shirakawa ซึ่งโปรดติดตามในตอนต่อไป...
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่เพจนี้ และ
โฆษณา