Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tornrapee
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2023 เวลา 06:47 • ท่องเที่ยว
หลวงพระบาง
แว๊นแพ็คเกอร์ ขี่มอไซค์ไปหลวงพระบาง กับเรื่องเล่าข้างถนน
เป็นทริปกึ่งๆเรื่องเล่าระหว่างทางเมื่อหลายปีก่อน ที่ผมเคยไปเที่ยวลาวมาครับ ไปแบบอยากไปก็ไป ไปแบบไม่ต้องแพลนอะไรเป๊ะๆ ไปเสพธรรมชาติบรรยากาศชีวิตผู้คน และเรื่องราวข้างทางในแบบของผม
สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าหลายๆท่านเป็นไหมครับเวลาจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง จะต้องวางแพลน จะต้องไปที่นี่วันนี้ ต้องไปดูที่นี่ ต้องไปถ่ายรูปที่นี่ ต้องไปกินร้านนี้ แล้วส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเป็นไปแบบที่แพลนไว้ ผมไป วังเวียง-หลวงพระบางมาครับ
วางแผนไว้ ตั้งใจจะไปถ่ายภาพที่วังเวียงให้สวยๆ เพราะเห็นตามรีวิว แต่ส่วนใหญ่เห็นมีแต่คนรีวิว พวกวัด ร้านอาหาร แล้วก็กิจกรรมที่วังเวียง ผมเลยสงสัยครับว่าระหว่างทางมันมีอะไรบ้าง เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าจะเป็นยังไงถ้าเราขี่มอไซค์ไปวังเวียง-หลวงพระบาง จึงเป็นที่มาของการแว๊นในครั้งนี้ครับ
1
ร้านติ่มซำใกล้ที่พักของวันแรก
การเดินทางของผมเริ่มต้นจากขอนแก่นไปข้ามด่านที่หนองคาย โดยอาศัยรถรุ่นพี่ที่มาจาก กทม. เค้าจะไปเที่ยวเวียงจันทน์ด้วยพอดี เราไปถึงเวียงจันทน์ช่วงเย็นๆ พอดีผมมีเพื่อนคนลาวที่เวียงจันทน์ เค้าเลยอาสามารับ และต้อนรับอย่างดีระหว่างที่อยู่เวียงจันทน์ พอข้ามด่านก็เข้าที่พักครับ พักที่ Mixay Paradise Guesthouse คืนนึงประมานแสนสี่หมื่นกีบ หลังจากนั้นต้องไปหาอะไรรองท้องหน่อยครับ ไม่รู้มีใครเคยไปลองร้านนี้หรือเปล่า เพื่อนผมบอกอร่อย คือร้านโต่น หมี่เกี๊ยว อยู่ถนนตัดกับที่พักเดินมาไม่ถึง 100เมตรครับ
คล้ายร้านติ่มซำทั่วไปในบ้านเรา
ทั้งหมดบนโต๊ะสองหมื่นกีบครับ เข่งละห้าพัน ไม่รวมน้ำดื่ม หน้าตาอาจจะไม่สวยงามเท่าที่เมืองไทย แต่รสชาดก็โอเคนะครับคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เข่งนึงไม่ถึงยี่สิบบาท
ตำจอกมาราธอน บนแพของอีกวัน
หลังจากนั้นช่วงหัวค่ำเพื่อนก็จะมารับไปกินข้าวกันครับ ทีแรกผมกะว่าจะพักที่เวียงจันทน์ แล้วตื่นเช้าจะหาเช่ามอเตอร์ไซค์ไปหลวงพระบางเลย แต่แผนแรกก็พังแล้วครับ เดี๋ยวจะได้เห็นในภาพครับว่าพังกันยังไง ทีแรกไปกินข้าวนั่งฟังเพลงชื่อร้าน masso ผมไม่ได้ถ่ายภาพมา อารมณ์เหมือนร้านแถวๆทองหล่อมีดนตรีสด พอเที่ยงคืนเค้าลากไปต่อ Windwest จนถึงตีสาม และเค้าบอกพรุ่งนี้จะพาไปกินเฝ๋อ แล้วเที่ยวล่องแพกินข้าวอีกตามภาพนั่นละครับ
คนที่นี่ดื่มเบียร์กันเก่งมากครับ พี่ผมที่ไปด้วยว่าคอแข็งๆเจอตำจอกๆ ๆ ๆ หมดแก้วทุกๆ 3นาที ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ผมยังเหนื่อยแทน ลากยาวที่แพตั้งแต่ก่อนเที่ยงยันห้าโมงเย็น ตำจอกตลอดเวลาครับ ผมนี่นั่งดูยังเหนื่อยแทน
จุดจบของสายแข็ง
หลังจากตำจอกมาราธอนกันมาเกือบครึ่งวัน นึกว่าจะเอาเราไปส่งโรงแรม เปล่าเล๊ยยยยยยย เค้าพาไปต่อครับ กลายเป็นผมต้องขับรถให้เจ้าถิ่นนั่งแล้วครับสภาพตอนนี้ พอมาถึงร้านสั่งอาหารเสร็จสรรพ ก็อย่างที่เห็น "จุดจบของสายแข็ง" เมาแล้วสั่งกับข้าวมานอนดม กรนให้โต๊ะข้างๆฟังอย่างสบายใจ
เหลือผมนั่งยิ้มให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่เพียงลำพัง
นี่คือรถที่เช่ามานะครับ อันนี้ผมถ่ายตอนขากลับจากหลวงพระบาง
หลังจากวันคืนที่ทรหด กินทั้งวันกระเพาะแทบไม่ได้หยุดพักเลย ผมก็ต้องกลับมาเก็บของ เตรียมตัวแว๊นไปหลวงพระบางครับ เช้าตื่นมากินอาหารเช้าที่โรงแรม แล้วเดินไปเช่ามอไซค์ในซอยเดียวกันที่ติดแคมโขง ตกลงกันได้ที่วันละแปดหมื่นกีบ ผมเช่าไปห้าวัน ถ้าเกินค่อยกลับมาจ่ายเพิ่มได้(น้ำมันเติมเองนะครับ) แล้วก็รอเพื่อนคนลาวมาครับ เค้าจะเอาซิมการ์ดมาให้ไว้โทรติดต่อหรือใช้อินเตอร์เน็ตระหว่างทาง จับมือบอกลาขอบคุณกันที่โรงแรม และแยกย้ายจากรุ่นพี่คนไทย เพราะผมจะแว๊นไปแค่คนเดียวครับ
ลืมบอกไปทีแรกผมบอกเพื่อนครับว่าผมจะขี่มอไซค์ไปนะ มีแต่คนบอกอย่าเลยมันอันตราย ไกล ถนนไม่ดี เหนื่อยนะ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ "จะไป" ใครก็ห้ามไม่ได้
ถนนที่เห็นนี่คือดีแล้วนะครับ
ระยะทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง ใช้ระยะทางประมาน 380 กว่ากิโลเมตรครับ ถ้านั่งรถบัสไปจะใช้เวลาประมาน 10 ชั่วโมง
ผมออกจากเมืองเวียงจันทน์ประมานเกือบ 10 โมงเช้า ใช้ถนนเส้นทางหมายเลย N13 สายเหนือ ตรงอย่างเดียวครับ ตอนนี้ถ้าใครจะไปแบบนี้ต้องดูแผนที่ให้ดีนะครับ เพราะเค้าขับชิดขวา ต้องออกจากเส้นไหนไปเส้นไหนยังไง ทีแรกผมก็คิดว่าตัวเองหลงทางเพราะป้ายบอกทางน้อยมาก แต่พอไปจอดถามไม่หลงครับถูกทางแล้ว
สภาพถนนก็แย่อย่างที่เค้าบอกจริงๆครับ ในภาพนี่ถือว่ายังดีอยู่นะครับ แต่พอหลุดนอกเมืองไปแล้วละพี่น้องเอ้ย ยิ่งกว่าทางตามถนนชนบทบ้านเราอีกครับ
คิดว่าน่าจะเป็นวังเวียงที่อยู่อีกไม่ไกล
ถึงถนนไม่ดี แต่แลกด้วยวิวที่สวยๆก็คุ้มค่าอยู่ครับ
นี่คือวิวข้างทางระหว่างทางไปวังเวียงครับ แม่น้ำที่นี่สีสวย สะอาดมาก
ผมขับต่อมาเรื่อยๆ มาถึงวังเวียงประมานบ่ายโมงครึ่งครับ เกือบเข้าเมืองแล้วอีกนิดเดียว
วิวสวยเกินบรรยาย
ในตอนแรกผมว่าจะแวะพักเที่ยวที่วังเวียงก่อนเลยลองแวะขับเข้าไปในเมืองวังเวียงดู รู้สึกมันวุ่นวาย ไม่ได้สงบน่าอยู่เหมือนที่ดูในรีวิวเท่าไร มีแต่นักท่องเที่ยวเกาหลี ฝรั่ง ไทย รู้สึกคล้ายๆพัทยาสมัยก่อนครับ เลยไม่เอาดีกว่าวัดใจขับไปหลวงพระบางต่อเลย
ไปก่อนนะวังเวียง ขากลับจะแวะมาใหม่
ขอไปหลวงพระบางก่อนนะวังเวียง เดี๋ยวขากลับเจอกันใหม่นะ
ชาวบ้านกลางเขา น่ารักมากๆครับ
เส้นทางที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขานะครับ และสภาพถนนแย่มากจากเวียงจันทน์มาวังเวียง ต้องใช้ทักษะในการขับขี่เยอะพอประมาน ต้องขี่ขึ้นลงเขาหลายลูก ระหว่างทางขับมาเจอเหมือนงานอะไรสักอย่าง มีชิงช้าหมุนให้เด็กเล่นอันเดียว กับปาโป่ง เลยจอดรถแวะถ่ายเลย
เหมือนเป็นงานเทศกาลอะไรสักอย่าง
เด็กๆดูมีความสุขกันง่ายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ
หันกลับไปมองแล้วหายเหนื่อยเลย
หลังจากขับขึ้นเขามาอีกหน่อย จะมีจุดแวะให้จอดข้างทางได้เรื่อยๆครับ มองย้อนลงไปจะเห้นหมู่บ้านที่ผมจอดถ่ายรูปตอนแรก สวยมาก หายเหนื่อยเลยทีเดียว
ถ้าเราขับขึ้นมาจนเกือบสุดยอดเขา จะมีจุดพักรถให้จอดดูวิวอยู่ครับ แต่ยังสร้างไม่เสร็จดีเท่าไร แต่ก็สวยดีครับ
ไม่เคยคิดเลยว่าที่ลาวจะมีวิวแบบนี้
หลังจากนั้น จะเริ่มเปลี่ยนเป็นเส้นทางลงเขาครับ คดเคี้ยวและชันมาก ตรงนี้ผมให้เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย สวยจริงๆผมมาถึงแถวๆนี้ช่วงบ่ายสามโมงหรืออาจจะเลทกว่านั้น แสงกำลังสวยพอดีก็ขับไปจอดถ่ายภาพไปเรื่อยๆ
มาคันเดียวแบบเหงาๆ
พอมาถึงตรงนี้ ผมแทบจะลืมวังเวียงไปแล้วครับแล้วก็ต่อให้ไปถึงหลวงพระบาง แต่ไม่มีอะไรสวยก็ไม่แคร์แล้ว ใจตอนนั้มาเห็นวิวแบบนี้ อากาศเย็นๆ แสงแดดอุ่นๆ มีความสุขแล้วครับ จากทีแรกวางแผนจะถ่ายภาพที่นั่นนี่ พอมาเจอของจริงไม่อยากถ่ายแล้วครับ อยากให้มีคนมาด้วยกัน มาขี่รถรับลม ดูวิวข้างทางด้วยกันก็พอแล้ว ทางมันสวยจริงๆ
ชีวิตของผู้คนในหุบเขา
ให้ธรรมชาติบรรยายความสวยงาม และยิ่งใหญ่ด้วยตัวมัน
หลังจากนั้นขี่ลงไปจะมีหมู่บ้านอยู่ครับ บ้านก็เป็นไม้ๆมาสาน อยู่กันอย่างแบบธรรมชาติจริงๆ
ลงมาข้างล่างก็สวยไม่แพ้ข้างบนเลยครับ ใช้มือถือถ่ายมานิดหน่อยครับ
รอยยิ้มพิมพ์ใจ
ตรงไหนมีอะไรก็จอดถ่ายครับ เป็นชีวิตผู้คนส่วนใหญ่
หลังจากนั้นดูนาฬิกาก็ใกล้จะมืดแล้วครับ ต้องรีบทำเวลาแล้วไม่ได้หยุดจอดถ่ายรูปแล้วกลัวไปถึงหลวงพระบางไม่ทันก่อนค่ำ ผมไปถึงหลวงพระบางประมาน 18.30 ใช้เวลาเดินทางก็น่าจะ 9 ชั่วโมงนิดหน่อย ไปถึงก็เข้าไปหาที่พักในซอยโจมาตามรีวิวอื่นๆครับ รอตื่นเช้ามาชมการใส่บาตรตอนเช้า
หลวงพระบาง
ชาวบ้านใส่บาตรเช้า
หลังจากถ่ายภาพใส่บาตรแล้วผมกลับขึ้นมานอนพักครับ คิดอะไรไปเรื่อยเกี่ยวกับการเดินทาง จนรู้สึกว่าเมืองนี้มันสวย เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร แล้วผมก็เริ่มอิ่มเอมกับบรรยากาศที่นี่ จนไม่ค่อยอยากถ่ายรูปสักเท่าไหร่แล้ว อยากเก็บเมืองนี้ไว้พาใครสักคนมาเที่ยว เพราะถ้าเราไปเที่ยวให้หมดจนครบ ถ่ายภาพที่สวยๆไปหมด ถ้าพาคนอื่นมาครั้งหน้ามันจะไม่รู้สึกถึงความสดใหม่เท่าไหร่ หลังจากนั้นเลยไม่ซีเรียสเรื่องถ่ายภาพเท่าไหร่แล้วครับ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็เดินเล่น หลังจากนั้นสายๆมาหน่อยก็แว๊นไปน้ำตกกวางสีครับ
น้ำตกกวางสี
หลังจากกลับจากน้ำตก ก็มานอนเล่นที่ห้องครับ บ่ายๆออกไปขี่มอไซค์เล่นดูเมือง รอตอนเย็นจะไปขึ้นดูวิวบนภูสีตอนพระอาทิตย์ตก
พระอาทิตย์กำลังจะลับลงหลังเขา
อีกด้านของเมืองหลวงพระบาง
นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ
ด็กบ้านเราเล่นอินเตอร์เน็ต เล่นไอแพด เด็กที่นี่เค้ายังเล่นรีๆข้าวสารอยู่เลยนะครับ
เห็นแล้วนึกถึงตอนตัวเองเป็นเด็กๆ วิ่งเล่นตามลานวัดกันกับเพื่อนๆ
ลงมาก็รอเดินหาอะไรกินตลาดมืดครับ
หลังจากนั้นกินข้าวเย็นในตลาดเสร็จผมก็กลับที่พักครับ คืนนี้ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถกลับไปวังเวียง ตอนเช้าจะไปเดินดูวัดเชียงทอง กับตลาดเช้า แล้วขับรถกลับ
วัดเชียงทอง
ข้อดีของการตื่นเช้านี่คือฟรีครับ ไม่ต้องเสียค่าเข้าเพราะเค้ายังไม่ตื่นมาเก็บเงิน
เฝอร้านดังของที่นี่
ขากลับเดินผ่านร้านเฝอชื่อดังหน้าวัดแสนฯ เลยลองดูสักหน่อยทีแรกว่าจะไปประชานิยม ไม่ไปละขี้เกียจ ผลออกมาคืออร่อยครับ จริงๆแทบไม่ต้องปรุงเลยก็ได้ และหลังจากนั้นก็ไปเดินตลาดเช้าครับเพราะอยู่ใกล้ที่พัก อารมณ์เหมือนตลาดตามต่างจังหวัดเมื่อสิบปีก่อน
เหมือนย้อนเวลาไปเดินตลาดที่ต่างจังหวัดตอนเด็กๆ
สนใจจะรับโปรตีนยามเช้าหน่อยไหมครับ
ปลาแม่น้ำแน่นอน
ข่าวจี่ฮ่อนๆ
หลังจากนั้นผมกลับเข้าที่พักเก็บของครับ ต้องขับไปวังเวียง ตามทางเดิมที่มา
ลาก่อนหลวงพระบาง
พอมาถึงวังเวียงหาที่พักได้ ก็เข้านอนเลยครับ มืดๆก็ออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำแล้วหาข้าวกิน ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง
จนถึงตอนเช้าอีกวันเลยตัดสินใจไปซื้อทัวร์ครับ ไหนๆก็มาแล้วเอาสักหน่อย
ถ้ำช้าง
ทัวร์ที่นี่ก็ไม่มีไรมากครับ ไปถ้ำน้ำ ถ้ำช้าง พายคายัค หรือใครจะไปบลูลากูนต่อก็จ่ายเพิ่มครับ
บัดดี้ทัวร์เป็นโอ้ปป้า
มาคนเดียวก็ต้องไปหาคู่บัดดี้เอาข้างหน้าครับ ได้โอ้ปป้าเกาหลีขาวตี๋ ที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน
วอลเลย์บอลชายเลน
หลังจากนั้นผมก็กลับเข้าที่พักเก็บของแล้วขี่รถไปบลูลากูนครับ ไปโดดน้ำ สักทีให้เหมือนว่ามาถึงแล้ว พอไปถึงนึกว่ามาเที่ยวเกาหลี มีแต่คนเกาหลีทั้งนั้นกับคนไทยนิดหน่อย ไม่มีรูปมานะครับ มาคนเดียวไม่มีใครถ่ายให้ เล่นน้ำก็ไม่มีคนเฝ้าของให้ หลังจากเล่นน้ำเสร็จกลับมาที่พักก็เย็นแล้ว ออกมาเดินเล่นหาอะไรกินกลับไปนอนครับ เพราะตอนเช้าว่าจะตื่นมาถ่ายแสงตอนเช้า แล้วกลับเวียงจันทน์แล้ว
ริมแม่น้ำซองตอนเช้า
เช้ามาก็เดินมาริมน้ำซองครับ
ทัวร์บอลลูน
หลังจากถ่ายภาพริมน้ำเสร็จยังพอมีเวลาเลยขับรถไปบลูลากูนครับ เงียบสงัด
บลูลากูนที่เช้ามกาๆ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมา
จบด้วยถ้ำปูคำ
หลังจากนั้นก็ขับรถกลับเวียงจันทน์เอารถไปคืน แล้วไปขึ้นรถเมกลับไทยครับ
ขากลับแอบซวยทำพาสปอร์ตหายตอนข้ามมาฝั่งไทยแล้ว แล้วก็จบลงครับทริปนี้ ใครมีเวลามีกำลังอยู่ ผมแนะนำให้ไปขับรถเที่ยวยังงี้ดูนะครับ สนุกดี ตื่นเต้นได้ลุ้นตลอดทางไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง
ผมก็เพิ่งเคยขับมอไซค์ไปเที่ยวคนเดียวแบบนี้ครั้งแรก ยอมรับเลยว่าติดใจ ได้เห็นชีวิตและมิตรภาพของผู้คน ธรรมชาติข้างทางที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
เป็นความลำบากนิดๆ ระทึกหน่อยๆ แต่ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆกลับมาจากความคิดบ้าๆในครั้งนี้
สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกสั้นๆว่า ชีวิตนี้ก่อนตายควรไปหลวงพระบางสักครั้งครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
"ผมเองยังไปได้ คุณหรือใครๆก็ไปได้ครับ"
Tornrapee
ลาออกไปเช็กอิน
1 บันทึก
14
4
1
1
14
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย