10 ก.ค. 2023 เวลา 17:03 • ประวัติศาสตร์
เรื่องราวของพุทธศาสนา เป็นเรื่องราว ของการสะสมบุญบารมี รู้จักกรรม แล้วก็หนีกรรม ลองดูเรื่องการสร้างบุญกุศลบารมี ที่มีผู้บอกกล่าวให้ฟัง https://www.blockdit.com/posts/61a7a15f43c77a0c96ed6337
การเกิด..มามีกาย ..ใช้กายไปสร้างอะไร ทำอะไร หากินเบียดเบียนกัน แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ทะเยอทะยานด้วยความอยาก กินน้ำเลือดน้ำหนองผู้อื่นมาหล่อเลี้ยงกายตน เอร็ดอร่อย ผู้อื่นเค้าก็มีกรรม ..หากินเหน็ดเหนื่อย..ก็ไปกินเวรกรรมของเค้ามาสู่เรือนกาย กินแล้วให้กายแข็งแรง ..กายแข็งแรง ส่งเสริมให้เกิดอะไรมากขึ้นไป ..ไปเที่ยวหากรรม เข้ามาสะสมเงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์ ..ต้องใช้อารมณ์ต่างๆที่เป็นกรรม มามากมายก่ายกอง มีกิริยากายวาจาใจเป็นอย่างไร มีความดีความชั่วอะไรสะสมภายในกายในจิต ..ก็ไม่เคยคำนึงนึกถึง
..กายเค้าเกิดขึ้นมาให้จิตอาศัย..ต้องเป็นไปตามสภาพของเค้า กินมากก็เจ็บป่วน กินน้ำเลือดน้ำหนอง..ของเค้า ..สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ..เราก็กินกรรมของเค้าเข้าไปทุกวัน คำว่ากรรม มันมองไม่เห็น ..วันหนึ่ง ..สิ่งที่เราเจ็บ ฟอกซ้ำ น้ำเลือดน้ำหนองที่เรากินของเค้าเข้าไป เค้าก็แสดงฤทธิ์ขึ้นมาบ้าง ..กินอวัยวะภายใน เจ็บป่วยเรื่ิองนั้นเรื่องนี้ .ก็เนื่องด้วยกรรม
..กายที่มีอาการครบสามสิบสอง ..มันไม่แข็งแรง..ค่อยถูกกัดกิน..ด้วยน้ำเลือดน้ำหนองที่ตัวเอง กลืนกินเข้าไปบำรุงบำเรอกาย ..กรรมก็จะค่อยบันดาล..ให้กายที่อาศัย ให้จิตรองรับทุกข์ ทุกข์กายทุกข์ใจ ..กายที่เสื่อมไม่ปกติ..อวัยวะภายในไม่ปกติ บ้างก็ให้เค้าเอาเข็มมาแทง เอามีดมาเฉือน.เฉือนไปเรื่อย บ้างรักษาหาย บ้างลุกลาม บ้างต้องเอาอะไรไปใส่ ..แต่ไม่เคยใส่ใจตัวเอง เกิดมาทั้งทีจิตตัวเอง ได้อะไรจากการเกิด .หาคำว่าบุญกุศลบารมีไม่มีเลย
แล้วจะไปขึ้นที่สูงด้วยจิตที่เบาบางจากอกุศลกรรมได้อย่างไร เมื่อจิตสะสมกรรมมา สะสมอารมณ์ไปสร้างกรรม จิตออกจากเรือน มันก็หนักเป็นธาตุเวรกรรม ..จิตหนักแบกของหนัก มันก็มีแต่ล่วงหล่นจมธรณี ..หนักด้วยสิ่งที่ตนทำเองสะสมเอง สะสมอะไรไว้ ก็ไปสู่ที่เค้าเรียกว่า อบายภูมิให้อาศัย นรก สัตว์ เปรต อสุรกาย ก็เป็นที่พักพิงของจิตผู้มีกรรม
ไม่มีจิตดวงใด..ยิ่งใหญ่ กว่ากรรมไปได้เลย เป็นไปตามกฏเกณฑ์ ที่ว่า ทำดีก็ได้ดี ทำแต่เรื่องชั่วๆ ดินฟ้าอากาศ ก็จะส่งเสริมบันดาลให้เป็นไปตามกรรมตามที่อยากปรารถนา ..เกิดจากการใช้กายวาจาใจของตนเอง
แล้วเรื่องของการปฏิบัติ.ที่เจ้าชายสิทธัตถะ ไปอยู่ในป่า..นั่นจะเป็นคำตอบ..ในรายละเอียดละออ ที่จิตเข้าเรียนรู้จัก เรื่องราวของธาตุนะโม ธาตุพ่อแม่ จิตที่มีพระคุณพ่อแม่ จิตที่ไม่รู้จักความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ เรื่องเวรกรรม เรื่องราวอะไรมากมายก่ายกอง เรื่องวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเราไม่ได้ศึกษาตามรอยท่านไป .มันก็ยากที่จะเกิดสิ่งหนึ่งที่เค้าเรียกว่า ปัญญาธรรมของจิต บ้างก็ว่าจิตพุทธ จิตเป็นธรรม กายเป็นธรรม จึงเป็นสิ่งที่ยากที่หาผู้ที่กระทำได้ .
เพราะกรรมนั่นแหละ ที่ปกปิดจิตเป็นอวิชชาจนไม่รู้จักจิตของตนเอง ขยุ้มเป็นกงเล็บ ขยุ้มกาย ..ขยุ้มในคำว่าขันธ์ห้า ..จิตอาศัยในกาย .ก็มืดมิดเกิดๆตายๆ ปกปิดด้วยอารมณ์กรรมตัวกระทำ ..มันปกปิดด้วยตัณหาราคะ ปกปิดด้วยอารมณ์โลภโกรธหลง ทะเยอทะยาน..พูดคำว่าอารมณ์ได้ ..แต่ยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ ..จิตกับอารมณ์มันผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน .จึงได้แต่รู้จดจำที่มีตาดีหูดี..มันก็เลยไม่สามารถเข้าไปถึงคำว่าอารมณ์..ที่แท้จริงเป็นอย่างไร..
จิตใดก็แล้วแต่ มาศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศลบารมีขึ้นมา ตามรอยองค์พระสิทธัตถะพระเวสสันดร จิตนั้นก็จะค่อยๆ รู้จักคำว่าบุญกุศล รู้จักคำว่า กรรม รู้จักว่า กรรมสะสมที่ไหน เป็นมาอย่างไร ทำไมมีกรรม แล้วจะหนีกรรม ต้องทำให้เกิดสิ่งใด ละสิ่งใด ในขณเที่อาศัยเรือนกายนี้อยู่ ..บันทึกเรื่องราวอะไรให้แก่จิตของตัวเองบ้าง ลดละกรรม หรือ เพิ่มเติมกรรม หรือ บ้างก็ไม่รู้เลย เรื่องเวรกรรม บุญกุศลบารมี
..ที่สุดแล้วกายนี้ก็ตายเหมือนๆกัน..เป็นของอาศัย กายนี้ตั้งอยู่แล้วดับไป กายดับจิตไม่ดับไปตามกาย ต้องไปหาสังขารใหม่เท่านั้นเอง
โฆษณา