ตามวิธีการเขียนบทภาพยนตร์แล้ว ช่วงของกลางเรื่องจะเป็น Point of no return ของสิ่งที่จะเล่า ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีเหตุการณ์หนึ่งที่สามารถธิบายได้ว่าทำไมองค์ที่สามถึงกินช่วงเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาจจะเป็นการใส่ Macguffin ที่ดูจงใจเกินไปหน่อยสำหรับภาพยนตร์สมัยนี้ แต่เพราะว่าโทนและ art direction ของเนื้อเรื่องจะเป็นการบอกว่าให้ปล่อยใจตามสบายกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปไปเลย เพราะว่านี่คือละครเวทียังไงล่ะ
และสุดท้ายแล้วการสร้าง surprice element ก็เพื่อที่จะทำให้ผู้ชมลุกออกจากโรงภาพยนตร์ได้อย่างรู้สึกคุ้มค่า
แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วก็คงเป็นเพียงหนังอินดี้เรื่องหนึ่งก็เท่านั้น เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีคนจำนวนน้อยที่สามารถรับรู้ถึง จดหมายรัก ที่มอบให้แก่วงการภาพยนตร์และวงการละครเวที เหมือนกับที่ Once upon a time in Hollywood เคยทำไว้