12 ก.ค. 2023 เวลา 10:36 • ปรัชญา
คนเราเมื่อตื่นมา มันก็มีอารมณ์นึกคิด เรื่องนั่นเรื่องนี้ แล้วก็มีกิริยา ของกาย เดินไปหยิกวัตถุสิ่งของ ตามที่อารมณ์นึกคิดเกิดขึ้น ไปนั่งทำงาน ก็มีอารมณ์นึกคิด ยืนก็มีอารมณ์ ยืนด่าเค้า ว่าเค้าติดเตียน ยืนรอกระสับกระส่าย แม้แต่จะนอน อารมณ์ก็มารบกวน อารมณ์ค้างคาเรื่องนั่นเรื่องนี้ กิริยาของกาย เดิน ยืน นั่น นอน ..นั่นก็ล้วนมีแต่งอารมณ์ที่ปรุงแต่ง ..ยืนเดินนั่งนอน .ล้วนมีแต่เรื่องอารมณ์นึกคิด ..วุ่นวาย ลุกลี้ลุกลน ..นั่นเค้าเรียกว่าเป็นเวลาที่เราอยู่กับโลก โลกเค้าก็ปรุงแต่กายด้วยอารมณ์
1
คราวนี้..เราพักเรื่องราวของโลก พักอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดชั่วขณะหนึ่ง ปลดปล่อยเรื่องของอารมณ์ เราก็นำกายที่พ่อแม่ให้มา มาเดินมายืนนั่ง (นอนอย่าไปทำหลับแน่นอน) เราเอาแค่สามกิริยานี้ นำกายนี้มาอยู่ในรอยของพระ ยืน เดิน นั่ง..เราก็เอาจิต มาอยู่กับ คำภาวนา พุทโธ เพียงสองคำ ก่อนทำก็ควร สำรวยตัวเองบอกตัวเอง ว่าเราจะมาฝึกหัด นำกายมา นั่ง มายืน เดิน ทำกายนิ่ง จิตนิ่งเฉยๆ ภาวนาพุทโธ ขาดคำว่า พุทโธ ก็แสดงว่า เราขาดสติ จิตไปอยู่กับอารมณ์นึกคิดแล้ว
เราเอากาย มาฝึกหัด มาอยู่ในกิริยานี้ ยืนเดินนั่ง ..ไม่มีอารมณ์ ไปติเตียนใคร ไปว่าใคร ไปเบียดเบียนใคร เพราะเราก็เดินยืนนั่งของเราเฉย ไม่ได้มีกิริยากายวาจาใจไปสร้างกรรม .เราก็พักกายพักจิตของเรา ฝึกหัด หยุดยั้งอารมณ์ อารมณ์นึดคิดอะไรเข้า เราก็บอกตัวเอง นั่นคือ อารมณ์ ตอนนี้เราไม่เอา เราจะยินเดินนั่ง ฟังเสียงของเราอยู่กับคำว่าพุทโธ เราทำบ่อยๆ เราจะเข้าใจ..ในคำว่าสติสัมปชัญญะเป็นอย่างไร
..ก่อนที่จะทำ ก็หัดกราบพระ ทำด้วยความนอบน้อม ควรฝึกหัด เดินสมาธิ ..เรื่องราวของการทำสมาธิ มันต้องเตรียมตัว เตรียมใจ ตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนทำสมาธิ ..มิใช่อยู่ ก็ไปเดินเลย ..การเตรียมตัวเตรียม ใจ ก็ต้องมีการ บอกกล่าว ..บอกจิตของตัวเองให้รับรู้ว่า เราจะทำอะไร พอปกติของจิต มันต้องอาศัยวิญญาณหู สื่อเข้าไป ให้รับรู้ เราก็พูดให้วิญญาณหูเราได้ยิน ..จิตจะได้ตื่นรับรู้ขึ้นมา ..เรื่องพวกนี้ ก็มีความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติ .
การที่เรามาฝึกหัด เดินในลักษณะนี้ ก็เพื่อให้จิตของเรา มีสติเข้มแข็งขึ้น .เมื่อจิตเราดี..นิ่งได้ .ไม่มีอารมณ์นึกคิดอะไร เราก็สังเกต เรือนกายที่เดิน เราก็ควบคุมกิริยากาย เดินนิ่งจิตนิ่ง (เรื่องนี้มันต้องใช้เวลา ฝึกหัด )
..เมื่อเราฝึกหัดไป ..เราก็ไปสังเกต อารมณ์โกรธ หงุดหงิด ไม่พอใจ เรื่องนั้นเรื่องนี้ มันก็จะค่อยๆเบาบางลงไป พออารมณ์พวกนี้ มันเบาบางลงไป ชีวิตปกติประจำวัน ของเราก็จะไม่ค่อยไม่มีอารมณ์ไม่พอใจ ไม่ได้ดังใจ หงุดหงิด กระสับกระส่าย มันจะค่อนจางคลายไป จิตเราก็สงบขึ้น ทำการทำงาน ..อารมณ์หงุดหงิด ลุกลี้ลุกลน เร่าร้อน ไม่ค่ิอยเกิดขึ้นกับ เรา ..เราก็ทำอะไรได้ยาวนานขึ้น ไม่วอกแวก..หันไปเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ ..เข้ามาสู่กายสูจิต จะคิดนึกอะไร..มันก็มีสติอยู่กับตัวเราเอง
โฆษณา