13 ก.ค. 2023 เวลา 04:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์ ชี้! วันนี้ยังไม่ได้นายก

เหตุ “พิธา” มีอุปสรรคกดดัน
มองการประท้วงฉุดเม็ดเงินต่างชาติชะลอ
1
ประเด็นใหญ่ของประเทศไทยวันนี้ คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล แต่ล่าสุด กกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น
2
รวมทั้งยังมีประเด็นที่ศาลฯ รับคำร้องวินิจฉัยกรณีนายพิธา และพรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้งด้วยการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
3
อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการโหวตเลือกนายกฯ แต่จะรู้ผลหลังปิดตลาดไปแล้ว ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า นักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อดูความชัดเจน โดยหากนายพิธา ได้ผลโหวตถึง 376 เสียง และเป็นนายกฯ มองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก แต่หากผลโหวตไม่ถึง 376 เสียง คาดว่าจะเกิดการประท้วงลงถนน มองจะกระทบต่อตลาดหุ้น มีความผันผวนต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อ จนกว่าจะได้นายกฯ และหากมีการประท้วงจะกระทบต่อเศรษฐกิจอีกด้วย
3
เริ่มที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีที่ พรรคก้าวไกล นำประเด็น เรื่องการแก้ไข/ยกเลิก ม.112 ของ ป.อาญา ไว้พิจารณา ขณะที่ กกต. มีมติกรณี Candidate นายกฯ จากก้าวไกล ถือหุ้นสื่อว่ามีมูล และให้ส่งเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ซึ่งคาดว่าศาลฯ จะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้าว่าจะรับหรือไม่รับ เรื่องไว้พิจารณา และหากรับแล้วจะสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. หรือไม่
3
ในอีกทางหนึ่งเริ่มเห็นการจัดกิจกรรมทางการเมืองนอกสภา โดยมีการนัดหมาย กันในหลายจังหวัด ภายใต้ภาวะดังกล่าวน่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความเสียงมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งหากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา วันนี้ ไม่มีข้อสรุป ภาวะแวดล้อมดังกล่าวน่าจะทำให้นักลงทุน Wait & See
1
อย่างไรก็ตามการโหวตนายกฯ ยังมีหลายประเด็นที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับ นายพิธา จากพรรคก้าวไกล เช่น กรณีที่พรรคก้าวไกลชูนโยบายหาเสียง แก้/ยกเลิก ม.112 มีประเด็นว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ ม.49 วรรคหนึ่ง หรือไม่?
ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยแล้ว โดยแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ฝั่งผู้ร้อง และพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน และเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาให้แจ้งอัยการสูงสุดว่าหากอัยการสูงสุดได้รับพยานหลักฐานใดเพิ่มเติม ให้จัดส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว
กรณีการถือหุ้นสื่อ (itv) ของ นายพิธา ล่าสุด กกต. มีมติ 4 ต่อ 1 เห็นว่า มีมูล โดยอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) จึงมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 19 ก.ค.66 คาดว่าจะมีความคืบหน้าของประเด็นดังกล่าว
ดังนั้นสรุปว่าแม้วันนี้เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้น ถือได้ว่ามีความไม่แน่นอนสูง และอาจทำให้การโหวตนายกฯ ครั้งแรกยังไม่ได้ข้อสรุป และอาจต้องติดตามการโหวตครั้งถัดไปในวันที่ 19-20 ก.ค.66
ฝ่ายวิจัยฯ เห็นว่าประเด็นการเมืองจะยังคงผันผวนไม่รู้ผลลัพธ์ที่แน่นอน ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวน ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อไป จนกว่าจะเห็นความชัดเจน และเชื่อว่า Fund Flow ต่างชาติยังคงไม่ไหลเข้ามาสะสมในเร็ววัน โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในกรอบ 1,475-1,500 จุด
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินการเมืองไทยเป็นประเด็นหลักของตลาดตอนนี้ คาดวันนี้มีโอกาสสูงที่การโหวต จะยังไม่ได้นายกฯ (โหวตครั้งต่อไป 19 ก.ค.) และมีการประท้วงเกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลง จากความไม่แน่นอนทาง การเมือง .. แม้ “เพื่อไทย” โอกาสในการตั้งรัฐบาลจะสูงขึ้น และต้องรอให้ผลลัพธ์ออกมาก่อน หรือเมื่ออยู่ในจุดที่ทำนายผลได้หุ้นที่จะได้ ประโยชน์หาก “เพื่อไทย” เป็นแกนนำ คือ GULF , TRUE
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินประเด็นเลือกนายกฯ แต่จะรู้ผลหลังปิดตลาดไปแล้ว จึงเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อดูความชัดเจน (รู้ผลเลยหรือเลื่อนโหวต) ทำให้มูลค่าการซื้อขายระหว่างวันจะยังเบาบาง
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ประเมินประเด็น การโหวตนายกฯ กระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้น? ซึ่งได้วิเคราะห์ใน 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกฯ และผลโหวตถึง 376 เสียง มองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว และไม่มีความเสี่ยงการประท้วงลงถนน แต่หลังจากนี้คาดว่าระหว่างทางจะมีอุปสรรค เนื่องจากหลายนโยบายของก้าวไกลมีความเสี่ยง ทั้งประเด็นเกี่ยวกับสถาบันฯ และนโยบายไม่เอื้อต่อระบบทุนนิยม อาจทำให้รัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน หรือขาดเสถียรภาพได้
กรณีที่ 2 : เสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกฯ และผลโหวตไม่ถึง 376 เสียง มองว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นภาพนี้ และคาดว่าจะเกิดการประท้วงลงถนน ซึ่งเริ่มมีสัญญาณการเตรียมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม หากผลโหวตไม่ถึงมองจะกระทบต่อตลาดหุ้นแกว่งผันผวนต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่ยืดเยื้อจนกว่าจะได้นายกฯ และหากมีการประท้วงจะกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง ERW CENTEL รวมไปถึงจะยิ่งทำให้เงินทุนต่างชาติชะลอการไหลเข้า SET
โดย Timeline หากเสนอชื่อนายพิธา ไม่ผ่าน จะมีการโหวตใหม่ในครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค. และ 20 ก.ค.ซึ่งตามกฎหมายไม่มีข้อจำกัดว่าจะกำหนดวันเลือกนายกฯ กี่ครั้ง แต่คาดว่าไม่น่ายืดเยื้อเกินเดือน ส.ค. ซึ่งหากเสนอชื่อนายพิธาหลายครั้งแล้วไม่ผ่าน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อ candidate คนอื่นและเพื่อไทยอาจเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทน
2.1 แกนนำเพื่อไทย รวมกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน SET เกิด Relief Rally นโยบายเอื้อต่อระบบทุนนิยม เป็นบวกต่อตลาดและหุ้นกลุ่มที่โดนกดดันก่อนหน้านี้ อย่าง PTT CPALL GULF
2.2 แกนนำเพื่อไทย รวมก้าวไกล ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาล แต่อาจน้อยกว่า 2.1 เนื่องจากมีความเสี่ยงเสถียรภาพของรัฐบาล และนโยบายไม่เอื้อต่อระบบทุนนิยม รวมถึงตลาดหุ้น
โฆษณา