15 ก.ค. 2023 เวลา 03:46 • ประวัติศาสตร์

"รอธส์ไชลด์ (Rothschild)" หรือ "ร็อกกีเฟลเลอร์ (Rockefeller)" ใครรวยกว่ากัน?

ในโลกนี้ ตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาลนั้นมีอยู่มากมายหลายตระกูล แต่ที่อยู่ในลำดับต้นๆ โดดเด่นยิ่งกว่าตระกูลอื่นๆ เห็นจะหนีไม่พ้น “ตระกูลรอธส์ไชลด์ (Rothschild)" และ “ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ (Rockefeller)"
สองตระกูลนี้มีความร่ำรวยและเรื่องราวที่โดดเด่นออกไปจากตระกูลอื่นๆ และถึงแม้เวลาจะผ่านมานานนับร้อยปี แต่ก็ยังเป็นที่พูดถึงจนถึงทุกวันนี้
1
ตระกูลรอธส์ไชลด์มาจากยุโรป และมั่งคั่งอย่างสุดขีดในสมัยศตวรรษที่ 18 ครอบครองกิจการธนาคาร ก่อนจะขยายไปทั่วยุโรป
ทางด้านตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ เป็นครอบครัวชาวอเมริกันที่สร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจน้ำมันในสมัยศตวรรษที่ 19 ครอบครองกิจการน้ำมันแทบจะทั่วสหรัฐอเมริกา
ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยที่โดดเด่นของทั้งสองตระกูล ทำให้หลายคนสงสัย
1
สองตระกูลนี้ ใครที่มั่งคั่งร่ำรวยมากกว่ากัน?
ลองมาดูกันครับ
เรามาเริ่มจากเรื่องราวของตระกูลรอธส์ไชลด์กันก่อน เรื่องราวของตระกูลรอธส์ไชลด์เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
“เมเยอร์ อัมเชล รอธส์ไชลด์ (Mayer Amschel Rothschild)” พ่อค้าเหรียญหายากชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ได้เริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจธนาคาร
เมเยอร์ อัมเชล รอธส์ไชลด์ (Mayer Amschel Rothschild)
จุดเริ่มต้นของเมเยอร์ก็เป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ หากแต่ด้วยความเฉลียวฉลาดและสายตาที่แหลมคมทำให้ธุรกิจของเมเยอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว
เมเยอร์มีบุตรชายห้าคน ซึ่งเขาก็ส่งบุตรแต่ละคนไปยังเมืองต่างๆ ในยุโรปเพื่อก่อตั้งและบริหารกิจการธนาคารของตระกูลแต่ละสาขา โดยบุตรชายแต่ละคนก็ไปยังเมืองต่างๆ ทั้งลอนดอน ปารีส เวียนนา เนเปิลส์ และแฟรงก์เฟิร์ต
1
กิจการธนาคารที่ขยายไปยังเมืองต่างๆ ในยุโรปภายใต้การบริหารของบุตรชายของเมเยอร์นั้นต่างประสบความสำเร็จอย่างสูง และทำให้ธนาคารของรอธส์ไชลด์นั้นมั่งคั่งจนสามารถให้รัฐบาลกู้ยืมได้ รวมทั้งตระกูลรอธส์ไชลด์ยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ
ในไม่ช้า ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็กลายเป็นตระกูลนายธนาคารที่ทรงอำนาจที่สุดในยุโรป
ยิ่งเวลาผ่านไป อำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็มีแต่จะขยายขึ้นเรื่อยๆ สามารถให้กษัตริย์ดินแดนอื่นและประเทศต่างๆ กู้ยืมเงินได้
ตระกูลรอธส์ไชลด์ช่วยเป็นนายทุนในการทำสงครามต่างๆ สร้างเส้นทางรถไฟ และมีสิทธิที่จะตัดสินใจทางการเมืองอีกด้วย เรียกได้ว่าทรงอำนาจอย่างแท้จริงจนถึงขนาดมีคำกล่าวว่า
“พวกรอธส์ไชลด์ปกครองโลก”
เรียกได้ว่าเครือข่ายการเงินการธนาคารของรอธส์ไชลด์นั้นแผ่ไปทั่วยุโรป ทำให้ตระกูลรอธส์ไชลด์เป็นผู้กุมอำนาจสำคัญต่อเศรษฐกิจยุโรป
1
จนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 200 ปี แต่ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ยังคงมั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ในแวดวงการเงินและธนาคาร อีกทั้งยังมีการขยายการลงทุนเข้าไปยังธุรกิจอื่นๆ โดยรอธส์ไชลด์ในทุกวันนี้ได้ถือครองทรัพย์สินและการลงทุนในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก
ตระกูลรอธส์ไชลด์ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจไร่องุ่น ทำไวน์ โดยมีไร่องุ่นที่โด่งดังอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส และมีชื่อเสียงจากการผลิตไวน์ชั้นเลิศ
1
นอกจากนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ยังครอบครองอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนมากทั่วยุโรป เรียกได้ว่ายังคงทรงอิทธิพลอยู่จนถึงปัจจุบัน
มาที่ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ ซึ่งก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในประวัติศาสตร์
เรื่องราวของตระกูลนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยผู้ที่เริ่มสร้างปฐมบทความยิ่งใหญ่ของตระกูลนี้คือ “จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ ซีเนียร์ (John D. Rockefeller Sr.)” ซึ่งเกิดมาในครอบครัวฐานะธรรมดาหากแต่เปี่ยมไปด้วยความฝัน
ในเวลาต่อมา จอห์นก้าวเข้าสู่ธุรกิจน้ำมัน และเข้ามาได้ถูกจังหวะพอดี
จอห์นเป็นผู้ที่มีความเฉียบแหลมทางธุรกิจ โดยเขาก่อตั้งบริษัท “Standard Oil” ในปีค.ศ.1870 (พ.ศ.2413) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ ซีเนียร์ (John D. Rockefeller Sr.)
จอห์นนั้นมีความสามารถในการเจรจาทางธุรกิจ และยังเก่งในการหาทางลดต้นทุน ทำให้ในไม่ช้า Standard Oil สามารถควบคุมธุรกิจน้ำมันส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาไว้ได้ และทำให้จอห์นกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดลำดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์โลก
แต่ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ธุรกิจน้ำมัน แต่ยังมีการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ โดย “จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ (John D. Rockefeller Jr.)” บุตรชายของจอห์น ซีเนียร์ ได้ซื้อและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากในสหรัฐอเมริกา
ในทุกวันนี้ ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ก็ยังคงมั่งคั่งร่ำรวย ครอบครองอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก และยังคงทรงอำนาจในธุรกิจน้ำมัน โดยมี “ExxonMobil” เป็นบริษัทที่ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ยังคงควบคุมหลังการยกเลิก Standard Oil
1
จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ (John D. Rockefeller Jr.)
มาถึงคำถามที่สำคัญ นั่นก็คือสองตระกูลนี้ ใครมั่งคั่งกว่ากัน?
การจะหาคำตอบคงไม่ง่ายนักเนื่องจากทั้งสองตระกูลก็ร่ำรวยมาเป็นเวลานานนับร้อยปีแล้ว และเงินทองของตระกูลก็กระจัดกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ทั้งสองตระกูลต่างก็ลงทุนในธุรกิจต่างๆ รวมทั้งลงเงินในสินเชื่ออีกมาก ทำให้การหาความมั่งคั่งที่แท้จริงนั้นทำได้ยาก
แต่บางคนก็เชื่อว่ารอธส์ไชลด์นั้นรวยกว่า เนื่องจากตระกูลรอธส์ไชลด์ทำธุรกิจมานานกว่า และเป็นตระกูลนายธนาคารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรปมาจนถึงทุกวันนี้
1
ในอีกด้านหนึ่ง ตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ก็ยิ่งใหญ่ในธุรกิจน้ำมัน และจอห์น ซีเนียร์ก็เคยเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่สำคัญว่าใครจะรวยกว่ากัน เนื่องจากทั้งสองตระกูลต่างก็ร่ำรวยมหาศาลทั้งคู่ และทั้งสองตระกูลก็ใช้ความมั่งคั่งของตนเองช่วยเหลือสังคมอีกด้วย
ตระกูลรอธส์ไชลด์ได้ใช้เงินสร้างห้องสมุดและโรงพยาบาลหลายแห่ง อีกทั้งยังแจกทุนการศึกษาอีกหลายทุน
4
นอกจากนั้นยังมีการบริจาคเงินเพื่อช่วยในการดูแลรักษาสัตว์และสิ่งแวดล้อม โดยตระกูลรอธส์ไชลด์มีแนวคิดว่าเมื่อมีเงินมาก ก็ต้องมีความรับผิดชอบในการใช้เงินนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
ทางด้านร็อกกีเฟลเลอร์ก็ไม่ต่างกันนัก โดยตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ได้บริจาคเงินนับพันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพและการศึกษา ยกระดับชีวิตประชาชน
มีการให้ทุนในงานวิจัยสำคัญเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคต่างๆ รวมทั้งการสร้างอุทยานแห่งชาติ โดยร็อกกีเฟลเลอร์ก็เชื่อในการให้กลับคืนสู่สังคม จึงมีการใช้เงินเพื่อสาธารณะประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
2
และนี่ก็คือเรื่องราวของสองตระกูลที่เรียกได้ว่าร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
โฆษณา