15 ก.ค. 2023 เวลา 13:36 • ไลฟ์สไตล์
ชลบุรี

และแล้ว.. ผมก็เริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

ผมเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามาก ๆ เลยครับ
กีฬาที่ผมชอบส่วนมากจะเป็นกีฬาที่ต้องเล่นแข่งกับผู้อื่น
ผมไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผม "ชอบเล่นกีฬา" หรือแค่ "ชอบเอาชนะ" กันแน่
กีฬาที่ผมชอบที่สุดคือ "บาสเกตบอล"
เป็นกีฬาที่เหนื่อยมาก ๆ เลยนะครับ ต้องขยับตัวตลอดต้องวิ่งไปวิ่งมาอยู่ตลอด
ซึ่งผมเล่นมันได้อย่างบ้าคลั่ง เล่นเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย
แต่กลับกัน.. "ผมไม่ชอบวิ่งเลยครับ"
การวิ่งที่ผมหมายถึง คือการวิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่งไปเรื่อย ๆ วิ่งในสวนสาธารณะ อะไรเทือกนี้
ผมวิ่งไปแป๊บ ๆ ผมก็รู้สึกเหนื่อยหอบแล้ว ที่จริงผมอาจไม่ได้เหนื่อยก็ได้
ผมแค่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปต่อทำไม วิ่งไปก็ไม่เห็นจะสนุกสักนิดเลย
แต่ชีวิตก็พลิกผัน . . . .
ทบ.1 ผลัด 1
เสียงกล่าวที่ดังก้องไปทั่วหอประชุมในขณะที่ผมคัดเลือกทหาร
ผมต้องเข้าไปฝึกทหารในกรมกองอยู่ถึง 2 เดือนเต็ม ๆ (ห้วงการฝึก)
การวิ่งถือเป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวันโดยเลี่ยงไม่ได้
ตื่นเช้าก็จะเริ่มวิ่งประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงเย็นอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
วิ่งไปร้องเพลงไป แหกปากตะโกนเหมือนคนบ้า
แต่แปลกแฮะ... ตอนนั้นผมวิ่งได้ดีมาก ไม่เหนื่อย แถมยังแอบนึกสนุกในใจ
หลังจากผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน
ในตอนนี้พ่อหนุ่ม "นักกีฬา" ในช่วง ม.ปลาย
กลายเป็น "นักเขียนอ้วน ๆ" ที่มีน้ำหนักมากถึง 100 กิโล
โอ้วววว แม้เจ้า ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผมจะมาถึงจุดนี้
ผมลองไปเล่นกีฬาบาสเกตบอลที่ผมชื่นชอบ เพื่อออกกำลังกายแล้ว
ผลสรุปแย่กว่าที่คิด ผมใช้ระยะเวลาแค่ไม่ถึง 3 นาทีในสนาม
จากนั้นก็เหนื่อยหอบเหมือนคนกำลังจะตาย
แถมยังไม่สามารถเล่นได้อย่างที่เคยทำ
เป็นความหงุดหงิด ขี้แพ้ น่าโมโห ที่สุดในชีวิตของผมคนนี้เลย
นอกจากจะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ด้วยวัยที่เริ่มเข้าใกล้เลข 3 ไปทุกที
ผมเริ่มมีความกังวลว่า "โรคภัย" ต่าง ๆ จะเริ่มมากระซิบข้างหูผมเสียแล้ว
และทันใดนั้น ผมก็เริ่มต้นวางแผนการลดน้ำหนักในทันที !!!
การเดินในสวนสาธารณะคือสิ่งที่ผมเลือก
ให้ตายสิ ! แค่เดินไปเรื่อย ๆ ผมยังเหนื่อยเลย แถมยังปวดร้าวไปทั่วทั้งขา
ในใจก็โทษตัวเองว่า "กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย !!"
แต่ผมก็ยังมุมานะ พยายามเดินเรื่อย ๆ จนร่างกายเริ่มปรับตัว
และแล้ว ผมก็เริ่มวิ่ง . . . . . .
ผมเริ่มค่อย ๆ วิ่งด้วยความเร็วเหมือนเต่าคลาน
เนื่องจากน้ำหนักที่มากของผม การวิ่งทำได้ยากมาก
นอกจากความเหนื่อยที่เหมือนหัวใจจะระเบิดออกจากอก
ขาก็ปวดร้าวเหมือนกับไม่ใช่ขาของตัวผมเอง มันทรมานมาก ๆ พับผ่าสิ !!
หลังจากเริ่มโฟกัสกับการลดน้ำหนัก
ผมเริ่มมีแผนที่ต้องบังคับตนเองออกมาวิ่งในทุกวันที่ทำได้่
ผมไม่ได้ชอบการวิ่งเลยยยยย ผมยังทำได้แย่เช่นเดิม (แม้จะดีขึ้นบ้าง ก็นะ)
แต่การวิ่งตามลำพังของผม กลับทำให้ผมคิดอะไรใหม่ ๆ ได้ขึ้นมา . .
สาเหตุที่ผมไม่ชอบการวิ่ง เพราะว่ามันไม่ได้แข่งกับใคร . . .
ผมไม่ชอบทำอะไรตัวคนเดียว การวิ่งจ๊อกกิ้งมันไม่สามารถวิ่งแซงคนอื่น
แล้วหันหลังกลับไปบอกเขาว่า "โทษทีว่ะน้อง พี่เร็วกว่า"
ทุกกีฬาที่ผมชอบเล่นมันต่างมี "ผลแพ้-ชนะ"
นี่สินะสิ่งที่ทำให้ผมไม่ชอบวิ่งมาโดยตลอด
การออกวิ่งอย่างบ้าคลั่งของผมในตอนนี้
ผมไม่ได้แข่งกับใครอื่นเลยทั้งสิ้น
สิ่งที่ผมแข่งมีเพียงสิ่งเดียวคือ "ตัวผมเอง"
ผมออกวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก ผมออกวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดี
ผมออกวิ่งเพื่อ "เอาชนะ" ความเกียจคร้าน ที่เกาะกินตามร่างกาย
สุดท้ายนี้บทเรียนที่ผมได้รับจากการ "ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง" คือ . . .
การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ไม่จำเป็นต้องดีเด่นกว่าคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับใคร
ไม่ต้องน้อยใจเวลาใครเด่นกว่า
เราแค่ทำเพื่อตนเองก็เพียงพอแล้ว
การแข่งขันไม่ได้จำเป็นสักนิดเลย . . .
แม้ในตอนนี้ ผมก็ไม่ได้สนุกกับการวิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมแค่พอใจที่จะวิ่งมากยิ่งขึ้น
นิสัยรักการเอาชนะของผม มันคงเกินเยียวยาไปเสียแล้ว
ดังนั้นผมจึงวิ่งเพื่อ "เอาชนะใจของตนเอง"
ในเมื่อแก้ไม่หาย ก็เอามันมาเป็นแรงผลักดันเสียเลย !!!!
ภาพโดย David Mark จาก Pixabay
โฆษณา