16 ก.ค. 2023 เวลา 14:05 • ศิลปะ & ออกแบบ

หนุ่มน้อยเดวิด ผู้แปลงร่างได้อย่างพิศดาร

คิดว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงรู้จักประติมากรรมชายที่ชื่อว่าเดวิด (David) มาบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดวิดพ่อรูปหล่อของไมเคิลแองเจโล ใช่ไหม
จะใช่หรือไม่ใช่ก็แล้วแต่ วันนี้ขอบอกว่าเดวิดที่จะพาท่านมาชมวันนี้คือก็เดวิดคนเดียวกันแหละ แต่เป็นเดวิดของแบร์นินี่ (Bernini) ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน แต่มีลักษณะคนละแบบกันไปเลย
1
อ้อถ้าใครยังไม่รู้จักประติมากรรมเดวิดของแองเจลโลก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวตามผมไปที่ฟลอเรนซ์จะพาไปพบ แต่วันนี้ขอเอารูปเขามาลงให้ระลึกถึงหน่อย (ดูหน้าคุ้นๆใช่ไหม คริคริ)
เดวิด ของไมเคิลแองเจโล
แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าชายในตำนานที่ชื่อเดวิดคือใคร ก็ขอเล่าให้ฟังแป๊บนึง (ใครรู้แล้วก็ผ่านตรงนี้ไปได้เลย)
เดวิดเป็นเด็กเลี้ยงแกะชาวยิวตัวน้อยๆที่อาสาต่อกษัตริย์ว่าจะขอต่อสู้กับยักษ์ที่ชื่อโกไลแอตซึ่งชอบมารุกรานรังแกชาวเมืองอยู่บ่อยๆ
กษัตริย์ซาอูลก็เลยมอบโล่และดาบและเสื้อเกราะมาให้ใช้ในการต่อสู้ แต่พอไปถึงเขาก็ไม่ได้ใช้หรอกเพราะไม่ถนัด ก็เลยใช้อาวุธคู่ชีพที่เขาคุ้นเคย ซึ่งก็คือลูกหินกับหนังสติ๊กยิงเข้าไปที่ดวงตาของโกไลแอตซึ่งก็ได้ผล เจ้ายักษ์ล้มลง เดวิดก็เอาดาบเชือดคอเจ้ายักษ์สิ้นใจสยบลงใต้ฝ่าเท้า หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นทหารคู่ใจของกษัตริย์ซาอูล จนตอนหลังก็ได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล และมีลูกหลาน วงศ์วานสืบต่อกันมายาวนาน
ใครอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ก็ไปอ่านพระคัมภีร์เก่า (Old Testament) ละกันนะ สนุกดี ขอบอก
กลับมาที่ประติมากรรมเดวิดกันต่อ ตอนที่ไมเคิลแองเจลโลสร้างเดวิดเมื่อปี 1500 กว่าๆนั้น งานศิลปะของยุโรปอยู่ในยุคเรเนอซองท์ ซึ่งน้อมรับอารยธรรมกรีกโรมันมาเป็นคุณครูใหญ่ เดวิดจึงได้เปลือยกายโชว์สัดส่วนคลาสสิกสมบูรณ์ให้เราได้เห็นตามแนวทางบรมครูที่ได้วางไว้ แบรีนี่ก็คงรู้ว่าเขาคงทำอะไรให้สวยไปกว่านั้นไม่ได้อีกแล้วละ ก็เลยสร้างเดวิดที่น่าสนใจไปอีกแบบ ขณะที่เดวิดของเองเจอโลยืนทำท่าเท่ๆกำก้อนหินแน่นๆจ้องเล็งไปที่ยักษ์ แบร์นินี่ก็ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวตอนต่อไป โดยใช้ประติมากรรมชิ้นนี้ออกมาแสดงให้เราได้ชม
และนี่ก็มาสถิตย์อยู่ในหอศิลป์ Borgese แห่งนี้แล้ว ตามที่เราได้เห็น
เดวิดทรงพลัง ของแบรีนี่ ที่หอศิลป์ Borgese
ดูแล้วคงเห็นใช่ไหมว่ามันทรงพลังแรงแค่ไหน
เดวิดสู้กับยักษ์โกไลแอทด้วยพลังที่สุดกำลัง ไม่ใช่แค่เพียงท่าทางเท่านั้นที่แสดงให้เราเห็น ถ้าไปดูใกล้ๆจะเห็นว่าใบหน้าของเขานั้นแสดงพลังสุดแรงเกิดเหมือนกัน จนเรารู้สึกกลัวว่าจะโดนลูกหินยิงเข้ามากระแทกตาเรา
และถ้าเราไปดูรายละเอียดจะพบว่าตรงเท้าของเขามีโล่และเสื้อเกราะวางอยู่ตรงเท้า เป็นเพราะว่าตอนที่เขาอาสากษัตริย์ซามูเอลจะไปฆ่ายักษ์โกไลแอธนั้น เขาได้รับมอบเกราะและดาบมา แต่ก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่ใช่อาวุธที่คุ้นเคย เลยใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆสะพายถุงใส่ลูกหินแบบเด็กเลี้ยงแกะทั่วไปดังที่เห็น นอกจากนั้นถ้าดูตรงใกล้มือจะพบว่าเชือกหนังที่ใช้ดีดลูกหินนั้นทำออกมาเป็นเส้นได้เหมือนจริง จนไม่น่าเชื่อว่าจะแกะหินออกมาเป็นเส้นได้แบบนั้น
ไม่ต้องบรรยายมากเลย เราคงได้รู้สึกถึงพลังแรงๆของเขาอย่างจัง ลองชมมาชมเดวิดของแบร์นินี่ในแต่ละมุมมองกัน เห็นพลังกันมะ
ใบหน้าตึงเครียด เม้มปาก ขมวดคิ้ว อย่างหมายมั่น
ที่สะพายด้านขวา คือถุงลูกหิน ทำจากหนังแกะ ด้านซ้ายคือหนังสะติ๊กที่กำลังถูกเหนี่ยวเตรียมยิง
ตรงหน้ามีเสื้อเกราะจากพระราชา และลองสังเกตดู จะพบว่า แม้แต่เท้าจนถึงนิ้วเท้ายังมีลักษณะเกร็งเครียด พร้อมจะสังหารเจ้ายักษ์ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
แต่ยังไม่หมดเพียงแต่นี้นะ ขอบอกท่านๆว่าวันนี้เป็นวันแห่งโปรโมชั่น เพราะนอกเหนือจากเดวิดของแองเจโลและของแบร์นินี่แล้ว ข้าพเจ้าก็แจกของแถมต่อไปด้วยการเล่าถึงเดวิดคนอื่นๆเพิ่มมาอีกสองคน ซึ่งรวมกันแล้วก็จะได้พบเจอกับเดวิดจากงานชิ้นอื่นๆจากศิลปินเอก 4 ท่านด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนที่จะนำเสนอเป็นศิลปินเอกโด่งดังทั้งนั้นนะ
นั่นหมายความว่าประติมากรรมเดวิดนั้นก็คือสนามประลองยุทธของบรรดาศิลปินให้มาประชันฝีมือแข่งกันในยุคสมัยต่างๆนั้นเอง เป็นตัวอย่างที่ดีของการมองโลก และตีความคนดังในพระคัมภีร์คนนี้ได้หลายแบบ ซึ่งศิลปินบางคนก็ดูเหมือนกับจะสับสนในชีวิต เพศ และวัยของเดวิดมากเกิ๊น
เดวิดของโดนาเตลโล
ลองมาดูเดวิดของโดนาเตลโล (Donatello) ซึ่งถูกสร้างก่อนเดวิดของไมเคิลแองเจโลประมาณ 90 กว่าปีกันหน่อย ดูแล้วไม่รู้จะมีคนคิดแบบผมไหมว่า เดวิดผิดเพศ? คริคริ นอกจากจะเห็นผมยาวสลวยแล้วยังสวมหมวกปีกประดับดอกไม้เลื้อยพร้อมรองเท้าบู๊ทสุดเปรี้ยว โพสต์ท่าถือดาบก๋ากั่น อุ๊ย
แต่อันที่จริงพอผมได้ไปเปิดดูข้อมูลก็พบว่ายังมีฝรั่งส่วนหนึ่งสงสัยแบบเดียวกับเราว่าตัวศิลปินแอบเอารสนิยมส่วนตัวใส่ลงไปรึเปล่า บางคนก็บอกว่ามันมีความเป็น Homo-Erotic อยู่ในงาน มีความ sensual young (หมายถึงของโดนาเตลโลนะ) และถ้าดูงานของ เขาให้ดีจะเห็นส่วนประดับหมวกของยักษ์รูปขนนกกำลังแตะชิดอยู่กับปลายขาเดวิด ซึ่งมีคนตีความว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเร้าอารมณ์ทางเพศ
โอ๊ย...ใครหนอทำไมช่างคิดกันนัก พวกนักประวัติศาสตร์ศิลป์นี่ก้อนะ
ส่วนขา เห็นขนนกของยักษ์ทอดไล้ไปบนขาของเขาไหม
อย่างไรก็ตาม แต่อย่าลืมนะ ว่าตอนนี้เรากำลังมองดูงานศิลปะต่างยุคต่างสมัย ในวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นหลายร้อยปีมาแล้ว คนในยุคนั้นอาจมีความคิดและการรับรู้ไปคนละแบบกับเรา
ฝรั่งหลายคนเขาก็ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่พากันวิจารณ์ว่านี่คือฮีโร่ผู้สง่างามแสดงชัยชนะอย่างภาคภูมิ เดวิดของโดนาเตลโลนั้นเกิดในยุคเรเนอซองท์ตอนต้น ซึ่งได้กำลังยืนแสดงท่า Contrapposto (ท่ายืนแบบหย่อนเข่าลงข้างหนึ่ง แสดงความสมดุลของการลงน้ำหนักร่างกายอย่างผ่อนคลายไม่แข็งทื่อ) ซึ่งเป็นท่าสวยคลาสสิกของกรีกตามแบบแผนโบราณ ตรงด้านล่างคือศีรษะของยักษ์โกไลแอธ ซึ่งถูกปาดคอหลังจากที่ถูกก้อนหินฟาดตาจนตาย
รูปร่างของเดวิดนั้นอ้อนแอ้นผอมบาง ไม่ได้กำยำล่ำสันแบบของแองเจโล เพราะตามคัมภีร์นั้นเดวิดยังเป็นเด็กอายุน้อยๆตัวเล็กๆบางๆอยู่เลย แต่การยืนเท้าสะเอวถือดาบปักลงไปยังด้านล่างซึ่งมีหัวยักษ์อยู่ ทำให้เกิดท่วงท่าที่แสดงถึงวีรกรรมชายหนุ่มที่แสนจะเป็นวีรบุรุษ
1
ใครจะมองเห็นเป็นอย่างไรก็ตามชวนมองกันต่อละกัน แต่ตอนนี้ขอผ่านไปยังเดวิดคนต่อไป นั่นคือ เดวิดหินอ่อน ที่ดูแล้วเป็นคุณป้าคนนึงในชุดกระโปรงยาว
เดวิดหินอ่อนของโดนาเตลโล สร้างก่อนอันแรกหลายปี
ว๊าว ใครหนอมาทำกับเดวิดของเราแบบนี้หนอ คุณอาจจะสงสัยแบบนี้ แต่ก็คงบอกว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ศิลปินที่สร้างคุณป้าคนนี้มีชื่อว่า โดนาเตลโล เจ้าค่ะ
1
ใช่แล้วแหล่ะ โดนาเตลโล คนเดียวกันกับที่สร้างเดวิดสาวน้อยคนเมื่อกี้นี้แหละ แต่ขอบอกว่าคุณป้าคนนี้แกเกิดมาก่อนแม่สาวนั่นตั้ง 20-30 ปีนะ สมัยที่โดนาเตลโลยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ เขาก็จินตนาการเดวิดไปแบบนี้ พอแก่ตัวลงมาก็ได้สำนึกผิดปั้นพ่อหนุ่มเดวิดมาใหม่ให้ดูสวยขึ้นและสาวขึ้น
ดูไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อเนอะว่าคนทำเป็นคนเดียวกัน เพราะมันราวกับคนละยุคสมัย ซึ่งนี่ก็มีเหตุผลอยู่เพราะมันแสดงถึงพัฒนาการที่ก้าวไกลของศิลปิน จากสไตล์ของงานศิลปะรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่งได้ในเวลาแค่ครึ่งช่วงอายุคน
โดนาเตลโลนี้เป็นศิลปินที่ถือว่าอยู่ในยุคคาบเกี่ยวระหว่างศิลปะแบบโกธิค (Gothic) ที่สร้างประติมากรรมแบบแข็งทื่อไร้ชีวิตจิตใจ มาสู่สมัยเรเนซองส์ ซึ่งดูมีความเป็นมนุษย์ เป็นธรรมชาติแสดงอารมณ์มากขึ้น
ลองเปรียบเทียบดูจะเห็นว่าท่าทางคุณป้ายืนเท้าสะเอวแบบแข็ง ๆ เทียบกับสาวน้อยเดวิดที่ดูผ่อนคลายสบายกว่า และเมื่อซูมไปที่ใบหน้าจะว่าคุณป้าดูไร้อารมณ์มาก ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าเธอเพิ่งจะเริ่มคลี่คลายตัวมาจากยุคโกธิคมาไม่นานนัก
1
ใบหน้าแบบไม่มองอะไรเสียเลย แถมยังตาบอดซะอีก อ้าว
อ้อ อย่าลืมดูที่ปลายเท้า มีศีรษะของยักษ์โกไลแอตเช่นเคย แต่มีคนวิจารณ์ว่าผมและเคราของเจ้ายักษ์และก็ใบหน้าดูดีกว่าเดวิดเยอะ เพราะหลับตาพริ้มสบายและเหมือนจะมียิ้มบางๆอยู่ด้วยนะ ส่วนเคราก็สยายสลวยอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับเดวิดเลย และมีคนบอกว่ายักษ์โกไลแอตนี่แหล่ะคือตัวบ่งบอกว่าศิลปินเริ่มจะได้รับอิทธิพลจากยุคโรมันดั้งเดิมบ้างแล้ว ซึ่งมันจะส่งผลขยายอิทธิพลต่อไปในยุคเรเนซองส์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเราได้เห็นไปแล้วในงานชิ้นก่อนที่นำมาให้ดูแล้ว
หัวยักษ์โกไลแอต ตรงเท้าของเดวิด
รายต่อไปก็คือ เดวิดของแวร์รอกกีโอ (Verrocchio) ซึ่งทำออกมาได้ละอ่อนเช่นกัน แต่ละอ่อนจนดูเหมือนหนูน้อยยิ่งกว่าของโดนาเตลโลซะอีก แต่ก็ไม่ได้แก้ผ้าแบบสไตล์กรีก แล้วก็ไม่ได้ยืนท่าคลาสสิกแบบนั้น
เดวิด ของแวร์รอกกีโอ
อย่างไรก็ตามหัวยักษ์ที่ด้านล่างและการท้าวสะเอวก็ยังแสดงถึงความภูมิใจแห่งชัยชนะได้เช่นกัน ใบหน้าหนูน้อยนี้สังเกตดีๆจะเห็นรอยยิ้มละไมจากการได้ชัยชนะ แต่ถ้าดูดีๆอีกทีจะเห็นแววกังวลอยู่ที่สายตาและริมฝีปากที่เม้มอยู่ ซึ่งมีคนตีความว่านี่คือสิ่งบ่งบอกถึงภาระอันหนักหน่วงที่เขาจะต้องได้รับในอนาคต ซึ่งก็คือการได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลในเวลาต่อไป
ดูแล้วเป็นไงบ้างฮะ มีใครคิดไหมว่าเดวิดของโดนาเตลโลและแวร์รอกกีโอแลดูมีคาแรกเตอร์คล้ายกันไหม คือแลดูเป็นสาวน้อยกับแม่หนูน้อยมากกว่า โดยเฉพาะของแวร์รอกกีโอนั้น แม่หนูดัดผมเป็นลอนสวยงามแถมนุ่งกระโปรงน่ารักมีลายประดับขอบกระจุ๋มกระจิ๋ม (ใช้เทคนิคการฝังทองด้วยนะ) กระนั้นก็ตามแม้จะดูบอบบางน่ารักขนาดนั้นแต่ก็มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชาย แถมมีเส้นเลือดบนแขนอีก (แต่ถ้าได้ไปดูเดวิดของโดนาเตลโลใกล้ๆก็มีกล้ามไม่แพ้กัน)
เท่านั้นยังไม่พอ เกร็ดน่ารู้อีกเรื่องก็คือแวร์รอกกีโอนี้ถือได้ว่าเป็นครูคนหนึ่งของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้วาดภาพโมนาลิซ่า โดยเลโอนาร์โดนั้นได้เคยไปฝึกงานกับแวร์รอกกีโออยู่พักหนึ่ง จึงมีนักคิดวิตถารบางคนให้ข้อสันนิษฐานว่าแวร์รอกกีโออาจนำเอาเลโอนาร์โดมาเป็นแบบในการปั้นเดวิดก็ได้ เพราะดูแล้วตอนที่เขากำลังไปฝึกงานกับแวร์รอกกีโอ เลโอฯก็มีอายุประมาณนี้แหละ
อุ๊ย ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาคิด แต่ถ้าเป็นงั้นจริงเลโอฯตอนหนุ่มก็สวยไม่น้อยอยู่นะ
นอกจากนั้นก็ยังมีคนสังเกตอีกว่าศิลปินที่ชอบสร้างประติมากรรมเดวิดมักจะมาจากฟลอเรนซ์ อาจเป็นเพราะฟลอเรนซ์เป็นเมืองเล็ก มีประชากรน้อยเมื่อเทียบกับแคว้นอื่น การทำรูปเดวิดอาจเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าแม้จะเล็กแต่ก็มีกำลังและความสามารถพร้อมจะเอาชนะคนอื่นที่ใหญ่กว่าได้ เช่นเดียวกับ เดวิดในพระคัมภีร์คนนี้
1
ตีความกันไปได้มากขนาดนี้ก็สนุกดี เอาละ วันนี้นอกจากเราได้มาชมเดวิดพ่อหนุ่มจอมพลังของแบรีนี่แล้ว ยังพาเตลิดไปดูเดวิดอีกหลายเวอร์ชั่น หลายสมัย จริงๆยังมีศิลปินอีกหลายๆคนมากสร้างเดวิดในสไลต์ของตนเองนะ ไว้วันหลังจะพาไปเจอต่อไป แต่ขออุบไว้ไปเล่าทีหลัง รวมทั้งเดวิดรูปหล่อของแองเจโลซึ่งเราจะได้ไปเยี่ยมเยือนตอนไปฟลอเรนซ์แล้วกันนะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา