Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Travel Heart
•
ติดตาม
4 ส.ค. 2023 เวลา 05:08 • กีฬา
Hoshino Resorts TOMAMU ski area
สโนว์บอร์ดครั้งแรก
การเดินทางเริ่มด้วยความอยาก
การเดินทาง…..เริ่มด้วยความอยากเล่นตั้งแต่เด็ก
หลายคนอาจมีความฝันและความอยากแตกต่างกันไป เราเป็นหนึ่งคนที่อยากไปเล่นสโนว์บอร์ดมาตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว จะมีสักกี่คนที่จะได้เดินทางไปเล่นละ ประเทศไทยก็ไม่มีหิมะ ตั๋วเครื่องบินสำหรับคนฐานะพอกินพอใช้ยังเรียกว่าแพง พ่อแม่พูดภาษาได้เฉพาะไทยกับจีน กีฬาประเภทนี้จึงเป็นเรื่องไกลตัวและเป็นได้แค่ความอยากในใจว่าสักวันเราต้องได้มีโอกาสไปเล่นสักครั้งให้ได้รู้ว่าเป็นอย่างไร
เมื่อโอกาสมาถึง โลกแคบลงวัน ทุกอย่างมีในอินเตอร์เน็ต เราจะรออะไร เงินก็หาเองได้แล้ว อายุก็เข้าเลข 4 แล้ว จะให้รอเลข 5 ก็คงไม่รู้จะไปไหวไหม? ทักเจ้าแรกไป…เงียบ เอาไงดีละ! ลองอีกเจ้าดูซิ…ดีใจมาก !! เราได้รับการตอบกลับและขอคุยต่อทาง Line ทุกอย่างดูเป็นไปตามแผน ทางผู้จัดอนุญาตที่จะให้เราเดินทางไปถึงตอนเช้าและจะแวะรับเราที่สนามบินได้เยี่ยมเลย!! เพราะเราไม่ต้องลางานมากเกินไป ทุกอย่างเกือบราบรื่นจะมีก็เรื่องตั๋วเครื่องบินที่เราต้องใช้เสียงสองนิดหน่อย สุดท้ายก็ลงตัว
ความตื่นเต้นทำให้เราซื้ออุปกรณ์เกือบทุกอย่างจนลืมว่าจะมีโอกาสได้เล่นอีกสักกี่ครั้งก็ไม่รู้แล้วจะรีบซื้อทำไม แต่อุปกรณ์ครบไว้ก่อนดีกว่าขาด ขาดแค่รองเท้ากับแผ่นสโนว์บอร์ดเท่านั้นที่เพื่อนเบรคไว้ พอกลับมาถึงไทยการหาที่เก็บก็เป็นเรื่องใหญ่เพราะไม่รู้ว่าจะได้ใช้อีกเมื่อไหร่
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเพราะเดินทางคนเดียว เผื่อเสื้อผ้าไปจนถ้ามีรอบหน้าจะเผื่อน้อยลงหน่อย ขนไปขนกลับแบบไม่ได้ใช้เปลืองทั้งแรงจัดและแรงแบกจริงๆ แต่ถ้าไม่เคยไปแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือการเผื่อมากไป
การเดินทางราบรื่นดี เกี๊ยวน้ำที่เลานจ์การบินไทยยังอร่อยเหมือนเมื่อก่อน อาหารมีให้เลือกมากมาย การบริการดี ที่สำคัญการเดินทางด้วยการบินไทยก็ยังสร้างความมั่นใจให้เรามากกว่าสายการบินอื่น และเหมาะกับคนที่อ่อนแอด้านภาษาอย่างเรา (ถ้าเผื่อผู้บริหารการบินไทยได้อ่าน รบกวนช่วยลดค่าตั๋วให้คนไทยเข้าถึงได้มากขึ้นอีก จะขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง)
การเดินทางเริ่มด้วยมิตรภาพ
การเดินทาง…..เริ่มด้วยมิตรภาพที่ดีแสนดีตั้งแต่ต้นจนจบ
เราถึงญี่ปุ่นและเดินตามทางเพื่อผ่าน ตม. แบบใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ กลัวฟังไม่ออกและตอบคำถามไม่ได้ ขอบคุณที่ผ่านมาได้อย่างเรียบร้อย ระหว่างเดินเพื่อไปรอรับกระเป๋า แซนวิชที่นำลงมาจากเครื่องเผื่อหิวมีอันต้องคืนใส่ถุงเพื่อทิ้งเพราะเค้าไม่ให้นำอาหารเข้าประเทศ หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน สิ่งแรกที่รีบทำคือ ทัก Line กลุ่มเพื่อสอบถามว่าจะเจอเพื่อนร่วมทริปได้อย่างไร คำตอบบอกถึงจุดนัดหมายทำให้ใจชื้นขึ้น รีบรับกระเป๋าแล้วไปยังจุดหมาย
คนแรกที่เราได้เจอคือน้องผู้หญิงที่มาเรียนและทำงานที่ญี่ปุ่น และยังเล่นสโนว์บอร์ดมาหลายปี มีอุปกรณ์มาครบ มีความเป็นกันเองทำให้สนิทด้วยง่าย น้องเค้ามากับเพื่อนและเพื่อนจะตามมาที่หลัง น้องเป็นทั้งครู ตากล้อง และเพื่อนที่แสนดียามที่เรามีปัญหาในการเดินทางครั้งนี้เลย
คนที่สองต้องร้องอ้าว! คนที่นั่งมาบนเครื่องข้างๆ เราเองนี่หว่า โลกกลมดี เขาคือคนที่เราติดต่อตั้งแต่แรกเลย คุยกันผ่าน Line ซึ่งใน Line ก็มีรูปนะ แต่เราขอยอมแพ้เรื่องจำหน้าคน ในใจแอบกังวลเล็กน้อยเพราะตอนอยู่บนเครื่องดันไปยุ่งเรื่องของเขาไม่รู้เค้าจะชอบหน้าเราอะป่าว แต่เอาเถอะเขาเป็นผู้จัดทริปและเราเป็นผู้ซื้อ เลยคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงเมตตาเราและตลอดเวลาที่อยู่ในทริปเราได้รับการดูแลเป็นอย่างดีก็ต้องขอบคุณมิตรภาพที่มอบให้กันมาตั้งแต่ต้นจนจบมา ณ ที่นี้
เพื่อนร่วมแก๊งของเรามีด้วยกัน 6 คน มาด้วยกันแบบคู่ 2 คู่ และมาเดี่ยว 2 คน ทริปของเราเค้าจัดให้เรากับพี่ที่มาคนเดียวนอนห้องเดียวกัน พี่เค้ามีทักคุยกับเราทาง Line ก่อนไปเจอกันที่ญี่ปุ่นทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยตั้งแต่อยู่เมืองไทย เป็นมิตรภาพที่ควรจดจำและขอบคุณที่ทำให้น้องคนนี้มั่นใจว่าอายุเลข 4 แล้วก็ยังเล่นสโนว์บอร์ดได้
อีก 2 คู่ ที่อยู่ในแก๊งเป็นรุ่นน้องที่ร่าเริง หนึ่งในนั้นก็คือน้องที่เราเจอเป็นคนแรกที่สนามบิน ที่เหลืออีก 3 เป็นน้องที่เรียกเสียงหัวเราะได้เสมอเมื่อรวมแก๊งและขอขอบคุณที่คอยดูแลพี่คนนี้เป็นอย่างดี ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเล่นสโนว์บอร์ดกับแก๊งเดิมอีกครั้ง
อีกหนึ่งมิตรภาพที่ลืมไม่ได้เลย คือพี่ชายที่แสนดีอีกคนที่ช่วยเหลือในการติดต่อกับประกันภัยในยามที่เพื่อนร่วมห้องของเรามีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุทางศรีษะตอนเล่นสโนว์บอร์ดแล้วมีอาการอาเจียนหลายรอบ จนคุณหมอที่ร่วมเดินทางไปด้วยให้ความเห็นว่าควรไป CT Scan ที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย เราในฐานะเพื่อนร่วมห้อง รู้หน้าที่ทันทีเรื่องช่วยดูแลทรัพย์สินและไปเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล
แต่เอ๊ะ!!! เราอ่อนทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น เราต้องหาผู้ช่วยและคนที่เราไปปลุกเพื่อให้ช่วยคือน้องที่เจอคนแรก น้องเค้าก็เต็มใจไปกับเราด้วย ขอบคุณอีกร้อยรอบเราก็ยังอยากขอบคุณ และอีกคนที่อาสาไปด้วยก็คือพี่ชายใจดี ช่วยนั่งรถ Ambulance และช่วยเตือนเรื่องเอกสารเพื่อใช้เบิกประกันอีกด้วย
เราขอขอบคุณอีกครั้งจากใจ ทั้งน้องสาวและพี่ชายร่วมชาติที่อยู่เป็นเพื่อนเรากับพี่ร่วมห้องจนเกือบเช้ากว่าจะได้นอนอีกครั้งคือตี 5 ถ้าไม่ได้ทั้ง 2 ท่าน เราแย่แน่ เราเหมือนผู้ดูแลทรัพย์สินเท่านั้นจริงๆ อย่างอื่นได้แต่ยืนฟังและเป็นกำลังใจให้เท่านั้น โชคดีมากที่พี่ร่วมห้องยังปลอดภัยไม่มีอะไรร้ายแรงและที่สำคัญคือค่ารักษาที่ญี่ปุ่นไม่แพงอย่างที่คิดไว้ ขอบคุณทุกอย่างที่ผ่านไปได้ด้วยดี ขอบคุณกับประสบการณ์ครั้งแรกกับโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ
ใครที่คิดว่าการบริการของโรงพยาบาลที่ไทยช้าแล้ว เราขอบอกว่าที่ญี่ปุ่นก็ใช้เวลาใกล้ๆ กันเราไปถึงโรงพยาบาลตอนเกือบตีหนึ่ง กว่าจะเรียบร้อยก็เกือบตีสี่ พอกลับมาถึงไทยการรอคอยกับการบริการของโรงพยาบาลในไทยทำให้เราหงุดหงิดน้อยลงได้เยอะ แอบคิดในใจว่าคงเหมือนกันทั่วโลก (อันนี้แค่ขำๆ อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังนะ)
การเดินทางเริ่มด้วยความรู้น้อย
การเดินทาง…..เริ่มด้วยความรู้เกี่ยวกับรถไฟที่ญี่ปุ่นน้อยมาก
รถไฟจากซับโปโร ไป สนามบินนิวชิโตเซะ สร้างประสบการณ์ครั้งแรกของการนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่นด้วยตัวเองคนเดียวที่น่าจดจำ น้องๆ ในทริปพาเราไปซื้อตั๋วและส่งเราเข้าสถานีรถไฟโดยยังพอเหลือเวลาให้เราเดินไปขึ้นรถไฟขบวนที่ซื้อตั๋วไว้ยังทัน แต่พอเราเข้าไปในสถานีกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ไหนละ! เราต้องขึ้นรถไฟตรงไหน? ทำไงดี ดูนาฬิกาก็ใกล้เวลารถไฟออกเข้าไปทุกที ถามใครดี? แล้วถามอย่างไรดี? สายตาเริ่มมองหา นั่นไง น้องผู้ชายคนนั้นน่าจะช่วยเราได้ ภาษาอังกฤษที่อ่อนอยู่แล้วเลือนหายไปจากสมองอีกตามเคย
ตัดสินใจให้น้องชาวญี่ปุ่นดูตั๋วแล้วถามได้แค่ Where Station? เขาพาเราเดินไปถามที่เคาน์เตอร์ พอเจ้าหน้าที่ตอบมาเราก็ทำหน้า งง อีก เค้าจึงตัดสินใจพาเราขึ้นบันไดเลื่อนไปส่งถึงหน้าประตูรถไฟที่กำลังจะออก เราขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ส่วนเค้าดูเราขึ้นรถไฟแล้วจึงเดินจากไป (หลังจากขึ้นรถไฟและหมดความกังวลใจ จึงเริ่มเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องหนุ่มหล่อที่แสนดีคนนั้นไว้)
ขึ้นรถแล้วก็ใช่ว่าจะหมดความกังวล เราได้ที่นั่งในโบกี้ที่มีคนนั่งอยู่เพียงไม่กี่คน นั่งไปสักพักโดยดู Google Maps ด้วยความคิดว่าอาจจะเหมือนที่สวิสเซอร์แลนด์ที่ Google Maps บอกสถานีตรงแป๊ะ เราพยายามเข้าออก App หลายรอบก็ไม่ช่วยอะไร งง มาก ทำไงดี? ความกังวลกลับมาอีกครั้ง น้องผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ด้านหลังน่าจะช่วยเราได้ ความตื่นเต้นทำให้ลืมภาษาอังกฤษอีกแล้ว
เอาไงดี! น้องเขาดู งง กับคำถามของเรา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกและเมื่อสติมาปัญญาเกิด นึกขึ้นมาได้ Google Translate น่าจะช่วยของเราได้ เรารีบพิมพ์ภาษาไทยแปลเป็นญี่ปุ่น ส่วนน้องเขาพิมพ์ญี่ปุ่นแปลเป็นภาษาอังกฤษ สื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ ทำให้มั่นใจว่าเรานั่งถูกรถไฟถูกขบวนแน่ๆ เรากล่าวขอบคุณแล้วนั่งรถไฟด้วยความสบายใจขึ้นเยอะ
ผ่านไปหลายสถานีคนลงรถไปเรื่อยๆ หันไปมองอีกครั้งน้องชาวญี่ปุ่นกำลังจะลงรถ ทั้งโบกี้กำลังจะเหลือแค่เรา ความกลัวเกิดขึ้นมาทันที รีบถามว่าอีกกี่สถานีถึง น้องเขาตอบว่าสถานีสุดท้าย เรากล่าวขอบคุณแล้วน้องเขาก็ลงรถไป เรามองไปโบกี้ด้านหลัง ไม่มีคนนั่งแล้ว เดินไปดูโบกี้ด้านหน้าก็ไม่มีคนนั่งแล้ว ทั้ง 3 โบกี้เหลือเราคนเดียว สร้างความรู้สึกให้เหมือนรถไฟวิ่งช้ามาก กว่าจะผ่านไปแต่ละสถานี เวลาดูยาวนาน ในที่สุดเราก็ถึงจนได้ ขณะที่เรารอลงก็เห็นผู้คนยืนรอเพื่อขึ้นช่วยทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้มากเลยทีเดียว
รอบหน้าจะศึกษาการใช้รถไฟที่ญี่ปุ่นไปเพิ่มเติมจะได้เดินทางด้วยความมั่นใจกว่าที่ผ่านมา
การเดินทางเริ่มด้วยความเงียบสงบ
การเดินทาง…..เริ่มด้วยความเงียบของสนามบิน
โรงแรมที่เราพักเป็นโรงแรมที่อยู่ในสนามบิน เรารู้ตั้งแต่แรกเพราะอยากพักใกล้สนามบินที่สุดจะได้มั่นใจเรื่องเดินทางกลับไทย หลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราจึงเริ่มเดินสำรวจสนามบินในช่วงเวลา 11:00 PM ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว เหลือบ้างที่กำลังปิด ถ่ายคลิปเก็บไว้ดูเพราะเป็นครั้งแรกสร้างความเพลิดเพลินได้ดี เพราะแต่ละเส้นทางเงียบมาก เดินสำรวจได้สักพักนึกขึ้นได้ว่าควรซื้อน้ำเพิ่มจึงเดินไปกดตู้น้ำดื่ม เจ้าหน้าที่เห็นจึงเดินเข้ามาแจ้งว่าสนามบินใกล้ปิดแล้ว
เขาคงเริ่มสงสัยว่าเหตุใดเราจึงมาเดินคนเดียวตอนใกล้เวลาปิดของสนามบิน เราจึงบอกว่าพักในโรงแรมจากนั้นสอบถามเส้นทางที่จะเดินไปฝั่งระหว่างประเทศแล้วจึงกลับเข้าที่พักและเข้านอน
การเดินทางเรื่มด้วยเสียง
การเดินทาง……เริ่มด้วยเสียงนาฬิกาปลุก
เสียงนาฬิกาปลุกดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อคืนตั้งไว้หลายรอบมากด้วยกังวลว่าจะไม่ตื่น เราจึงตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ทานอาหารเช้าของโรงแรมที่ดูเรียบง่ายจากนั้นเช็คเอาท์ และเดินตามทางไปตามที่ได้สอบถามไว้เมื่อคืน ระหว่างเดินไปเพื่อต่อแถวเช็คอินสายการบิน เราพบกับเพื่อนร่วมทริปที่ใจดีพาเราเข้าช่องทางพิเศษและยังให้บัตรเข้าเลานจ์ที่สนามบินด้วย จากนั้นเราจึงเดินแยกกลับไปยังฝั่งในประเทศเพื่อซื้อของฝาก
ตลอดทางที่ผ่าน ตม.ของญี่ปุ่นจนถึงสถานที่นั่งรอเครื่อง สร้างความตื่นเต้นให้เราได้พอสมควรเพราะไม่มีเพื่อนเดินข้างๆ ไม่รู้จะคุยกับใคร แต่กังวลน้อยกว่าขาเข้าญี่ปุ่น สิ่งที่กังวลเหมือนเดิมเลย คือ กลัวเจ้าหน้าที่ถามแล้วเราฟังไม่ออก แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากหาซื้อของชิ้นสุดท้ายได้ในร้านขายยาที่เปิดเป็นร้านสุดท้ายบริเวณรอขึ้นเครื่อง ดูนาฬิกายังพอมีเวลาเราจึงตัดสินใจขึ้นไปสำรวจเลานจ์การบินไทยที่ฮอกไกโด ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริปอีกครั้ง ถ้าไม่เจอเพื่อนก็คงไม่มีโอกาสได้เข้า เมื่อมีโอกาสแล้วจะรออะไรละ เข้าสักหน่อย บรรยากาศภายในดูดีเลยทีเดียว แบ่งสัดส่วนเป็นมุมต่างๆ แบบนั่งเป็นกลุ่มเพื่อพูดคุย มุมเงียบสงบเพื่อพักผ่อน สรุปโดยรวมเรียกว่าใช้ได้เลย แต่ถ้าต้องเสียเงินก็ขอคิดดูก่อนเพราะอาหารฝั่งสนามบินในประเทศมีร้านให้เลือกมากมายและดูน่ากินกว่าในเลานจ์
และแล้วเครื่องบินก็พร้อมออกเดินทางจากญี่ปุ่นกลับไทย เรานั่งคุยไปกับเพื่อนร่วมทริปหลายเรื่อง หลับบ้าง ดูหนังบ้าง จนเครื่องบินพร้อมลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งที่เห็นบนท้องฟ้าบอกถึงความแตกต่างกันของอากาศได้มากระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ฝั่งญี่ปุ่นฟ้าใสเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า มองเห็นวิวด้านล่างชัดเจน ส่วนไทยนั่นคำว่า PM2.5 เป็นอย่างไร… มีคำตอบที่ชัดเจนมาก คือ ท้องฟ้าที่กรุงเทพฯ ปกคุลมไปด้วยหมอกสีเทา มองเกือบไม่เห็นด้านล่าง เห็นแล้วบอกได้เลยว่า “เราจะพยายามทำร้ายอากาศให้น้อยลง เพื่ออนาคตของฟ้าไทย”
การกล่าวคำอำลาไปลามาไหว้เป็นสิ่งดีๆ ที่แสดงถึงการขอบคุณเพื่อนร่วมทางได้เสมอ ขอขอบคุณน้ำใจที่ได้รับจากเพื่อนร่วมทริปและร่วมชาติที่เป็นที่พึ่งให้เราได้ในทุกเวลาตลอดการเดินทางคนเดียวกับการเล่นสโนว์บอร์ด กีฬาที่อยากเล่นมานานและพึ่งได้มีโอกาสมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในครั้งนี้ เราจะไม่ลืมมิตรภาพที่เกิดขึ้นตลอด 5 วันในญี่ปุ่น มีเรื่องราวมากมายที่อยากนำมาเล่าแต่เพราะการเขียนเพื่อเล่าเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงทำได้แค่นำมาเขียนเพื่อเตือนความทรงจำในบางเรื่องก็เท่านั้นเอง
ขอบคุณมิตรภาพที่เกิดขึ้นได้เสมอ และขอบคุณการเดินทางที่สร้างมิตรภาพให้เราได้จดจำไปอีกนานแสนนาน
ขอบคุณสโนว์บอร์ดที่ฮอกไกโด
ฟ้าสวย
รูปจากตากล้องประจำ Trip
ภาพจากห้องนอน
เรียนสโนว์บอร์ดวันแรก ครูดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
วิวที่พัก
วิวตอนกำลังขึ้นไปเล่น Night Snowboard
เห็นแล้วอยากมีบ้านแบบนี้บ้างจัง
มิตรภาพที่กินได้ฟรีตลอด
อาหารเช้าที่ชื่นชอบ
อาหารเช้าที่เรียบง่าย
ไอติมที่แสนอร่อย
มื้อแรกที่ถึงฮอกไกโด
สังสรรค์กับแก๊ง
มื้อก่อนนั่งรถไฟกลับคนเดียว
รถไฟที่ญี่ปุ่นยามที่มีแต่เรา
สนามบินตอนใกล้ปิด
ที่พักในสนามบิน
อยากได้กลับบ้าน
อยู่ๆ เท้าก็บวม ขอเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก
ท่องเที่ยว
ลาออกไปเช็กอิน
บันเทิง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย