17 ก.ค. 2023 เวลา 08:50 • ความคิดเห็น
เป็นคำถามที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ความกลัวทรงพลังและยิ่งใหญ่ เปรียบเทียบที่มาจากความดำมืด ความสยดสยอง คล้ายกับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ยอมศิโรราบ ยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อมเพื่อให้ตัวเองนั้นปลอดภัยภายใต้ความกลัว
แต่เดี๋ยวก่อนครับ
ความกลัวนั้นทรงพลังก็จริง มีอำนาจปนความลึกลับซับซ้อน แต่ทว่าความหวังนั้นแค่เพียงเศษเสี้ยวเดียวหรือแค่เพียงเล็กน้อย ที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจของมนุษย์ มนุษย์ก็พร้อมที่จะท้าทายทุกตรรกะ ทำทั้งๆที่ยังกลัว ยอมวัดดวง ยอมเสี่ยงภัยทั้งๆที่ยังกังวล แค่เพียงมีเศษเสี้ยวของความหวัง น่าแปลกใจไหมครับ
2
มนุษย์เสี่ยงภัยอันตรายมากมาย กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ มนุษย์ท้าทายกฎฟิสิกส์ของโลก แค่มีข้อผิดพลาดแค่เพียงเล็กน้อยที่ต้องแลกด้วยชีวิตจากการออกไปนอกโลก สร้างยานอวกาศจนไปถึงดวงจันทร์ มนุษย์ก็ยอมทำตามความหวังทั้งที่ยังกลัว มนุษย์กล้าหาญได้อย่างไร เพราะมนุษย์มีความหวังใช่หรือไม่ เพราะมนุษย์ใฝ่ฝันและจินตนาการ ถูกไหม
2
นี่คือภาพของสมองส่วนที่เรียกว่า Reptilian Brain รับผิดชอบในเรื่องของ “สัญชาตญาณ”
สมองส่วนนี้เรียกอีกอย่างว่า Old Brain เป็นสมองส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ ซึ่งชื่อของมันมีที่มาจากสัตว์เลื้อยคลาน
3
มนุษย์คือ ความสำเร็จระหว่างดวงดาวครับ
มนุษย์คือเทคโนโลยีชีวภาพที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในกาแล็กซี่ หนึ่งเดียวในมหาอนันตะจักรวาล ที่ไม่มีที่ใดเหมือนอีกแล้ว ผู้ใดที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นโชคดีที่สุดและมีน้อยที่สุดที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ สิ่งมีชีวิตต่างภพภูมิหรือมิติอื่น ต่างพากันอิจฉา ต่างยกย่อง ที่มนุษย์มีความกลัว ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็มีความกล้า แม้แต่เทวดาก็ยังต้องสรรเสริญ และปรารถนาในความเป็นมนุษย์
2
ผู้สร้างมนุษย์ ได้ใส่ทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการไว้ในตัวมนุษย์หมดแล้ว เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด เท่าที่ galaxy universe นี้ จะเคยมีมาก็ว่าได้
1
มนุษย์คือส่วนผสมจากการลองผิดลองถูกของ galaxy นี้ ที่ใช้เวลานานนับอสงไขย พัฒนาจนประสบความสำเร็จมาเป็นมนุษย์
1
สมองส่วน Reptilian Brain มีความพิเศษเป็นอย่างมากที่ทำให้มนุษย์ชนะความกลัว แม้เพียงแค่มีความหวังแค่เศษเสี้ยวเดียวก็ตาม เป็นสมองที่ควบคุมสัญชาตญาณ ที่อยู่ในสัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้ งูกิ้งก่า เป็นต้น
3
Reptilian Brain ถูกใส่ไว้ในสมองมนุษย์ ด้วยเหตุผลบางประการ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์นั้นเอาชนะความกลัวได้ เป็นส่วนประกอบของผู้ที่สร้างเราได้จงใจใส่ไว้ให้เราครับ
1
นี่คือภาพต่อมไพเนียล
ถ้าหากเราผ่าสมองตรงต่อมไพเนียล จะมีลักษณะคล้ายดวงตา ซึ่งตรงกับภาพผนังอียิปต์ที่ถูกสลักไว้
4
แล้วถ้าเรามองภาพแบบเอกซเรย์
เราจะเห็นว่าต่อมไพเนียล
จะมีลักษณะเป็นรูป PINE CONE เป็นปุ่มๆเหมือนกับรูปปั้นพระพุทธรูป ตรงส่วนหัวของพระพุทธเจ้า
1
รูปปั้นเก่าแก่โบราณทั่วทุกมุมโลก จะเป็นในลักษณะของรูป PINE CONE ของต่อมไพเนียล แทบทุกที่ทั่วโลก
3
และนี่คือภาพเปรียบเทียบรูป PINE CONE เมื่อเราเทียบกับคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง จะมีลักษณะคล้ายกัน เหมือนกับต่อมไพเนียล
4
ซึ่งหมายความว่ามนุษย์นั้นสามารถมีความกล้าหาญภายใต้ความกลัวได้ และมีสัญชาตญาณเอาตัวรอดเพื่อปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่าง และมันถูกซุกซ่อนไว้อยู่ในตัวมนุษย์เสมอมา
3
และในขณะเดียวกัน สมองของมนุษย์สามารถยกระดับความถี่ของคลื่นสมอง ให้อยู่ในรูปของคลื่นเสียงที่คล้ายกับต่อมไพเนียลได้ เป็นลักษณะของสมองที่ได้รับการปลดปล่อย เปรียบเทียบคล้ายกับอยู่ในสภาวะนิพพาน
1
ต่อมไพเนียล มีความลึกลับซับซ้อน ที่มนุษย์โบราณได้จารึกผ่านรูปปั้น และร่องรอยการแกะสลักไว้มาตั้งแต่โบราณ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยและค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อเทียบกับกายวิภาคจากคณะแพทย์จากการผ่าสมอง
2
และทำการวิจัยกับคลื่นสมองของนักบวช ซึ่งผมจำไม่ได้แล้ว เนื้อหายาวมาก ต้องลองไปเปิด google หาอีกทีนะครับ ซึ่งนักวิจัยค้นพบว่าคลื่นสมองของคนที่มีความสงบและมีความสุข จะมีความถี่คล้ายกับต่อมไพเนียล
1
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกหลายคนเชื่อว่า ต่อมไพเนียลเปรียบเสมือนเสาสัญญาณ ที่จูนระหว่างตัวตนของเราไปสู่สิ่งอื่นที่เราต้องการได้ ซึ่งตรงกับนักบวชบางท่านที่อธิบายว่าเปรียบเสมือนคล้ายกับอัญมณีที่ส่องแสงสว่าง สามารถล่วงรู้ในสิ่งลึกลับซับซ้อน
2
โฆษณา