17 ก.ค. 2023 เวลา 11:00 • การเมือง

"เวลาอยู่ข้างเรา" การเป็นฝ่ายค้านไม่ได้แย่อย่างที่คิด

13 กรกฎาคม 2566 เป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์สำหรับประเทศไทย การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ครั้งที่ 1 โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีเพียงหนึ่งเดียวคือ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
แน่นอน ต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย การอภิปรายก่อนจะมีการโหวตลงคะแนนเป็นไปด้วยความดุเดือด ทั้งการโจมตีการแก้ไข ม. 112 ทั้งการโจมตีคุณสมบัติของคุณพิธา และการโจมตีอื่นๆ จริงบ้าง เท็จบ้าง เป็นเกมการเมืองในรัฐสภาตามปกติ
แต่ประเด็นหลักที่ถูกโจมตีอย่างหนักคือ เรื่อง มาตรา 112 ที่ สส และ สว ทุกคนที่ลุกขึ้นมาอภิปรายต้องพูดและพูดไปในทิศทางเดียวกัน มีความพยายามต้องการจัดวางให้ก้าวไกลอยู่ตรงไหนในความมั่นคงของประเทศไทย
แต่เราต้องยอมรับความจริง การจะเสนอแก้ไขกฎหมายสักมาตราหนึ่ง ต้องผ่านด่านมากมายกว่าจะสามารถแก้ไขได้สำเร็จ สว ท่านหนึ่งกล่าวไว้ ประมาณ 8-9 ด่านด้วยซ้ำ ต้องผ่านการพูดคุยและถกเถียงกันอย่างมีวุฒิภาวะในสภาอยู่ดี ดังนั้นใช่ว่า พิธาเป็นนายกแล้ว ม. 112 จะถูกแก้ไขแน่ๆ มันไม่ใช่แบบนั้น
ดังนั้นเรื่องนี้ จึงเป็นเพียงข้ออ้างในการที่จะไม่โหวตพิฑาเป็นนายกเท่านั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่มีน้ำหนักที่สุด
ถ้าถามว่า แล้วทำเพื่อใคร พิธาเป็นนายกแล้วใครจะเดือดร้อน อะไรจะมีปัญหา ขัดแย้งผลประโยชน์กับใคร
สิ่งที่สะท้อนเรื่องราวนี้ออกมาได้มากที่สุด คงเป็นตลาดหลักทรัพย์ครับ 😁
ภาคธุรกิจใดที่ขัดแย้งผลประโยชน์กับพรรคก้าวไกล ตอนนี้หุ้นขึ้นกันรัวๆ ขออนุญาตไม่บอกในโพสต์นี้ เดี๋ยวโดนฟ้อง 5555 ลองเปิดดูตลาดหุ้นจะพบคำตอบได้ไม่ยากครับ
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลมาจนถึงวันนี้ก็ถือว่ามาไกลเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนเลือกตั้งค่อนข้างมาก
วันนั้นไม่มีใครเชื่อที่คุณชัยธวัชพูดว่า ก้าวไกลจะได้ 150 ที่นั่ง...มาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เชื่อ 😂 และสมาชิกพรรคหลายๆคนยังอายุน้อย ถ้ายังยึดหลักการและตั้งใจทำงานไม่ยึดโยงกับผลประโยชน์ เชื่อว่า สมัยหน้ายังมีอีกแน่นอน
การเป็นเบอร์ 2 ในรัฐบาลหรือการเป็นฝ่ายค้านไม่ได้แย่เลยสำหรับพรรคก้าวไกล แถมเป็นการโยนไพ่ไปให้เพื่อไทยเป็นคนเล่น ซึ่งไพ่ใบนี้ถ้าเล่นไม่ดี “เจ้า” กินหมดนะครับ
โฆษณา