18 ก.ค. 2023 เวลา 01:44 • ท่องเที่ยว

Candi Mendut .. วัดพุทธที่เกาะชวา

Candi Mendut .. Indonesia
Candi Mendut เป็น วัดพุทธศตวรรษที่ 9 ตั้งอยู่ ในหมู่บ้าน Mendut ตำบล Mungkid เขตปกครอง Magelang ชวากลางประเทศอินโดนีเซีย
วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากบุโรพุทโธ ไปทาง ตะวันออก ประมาณสามกิโลเมตร Mendut, Borobudur และ Pawonซึ่งทั้งหมดเป็นวัดในศาสนาพุทธตั้งอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน มีความสัมพันธ์ทางศาสนาร่วมกันระหว่างสามวัดแม้ว่าจะไม่ทราบขั้นตอนพิธีกรรมที่แน่นอน
วัด Mendut สร้างขึ้นในราวต้นศตวรรษที่ 9 และเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในสามวัด .. จารึก Karangtengah กล่าวว่า วัดนี้สร้างและเสร็จในรัชสมัยของ King Indra แห่งราชวงศ์ Sailendra
.. จารึกลงวันที่ 824 AD กล่าวว่า กษัตริย์ Indra of Sailendra ได้สร้างอาคารศักดิ์สิทธิ์ชื่อ Venuvan ซึ่งแปลว่า "ป่าไผ่" .. JG de Casparis นักโบราณคดีชาวดัตช์ได้เชื่อมโยงวิหารที่กล่าวถึงในจารึก Karangtengah กับวิหาร Mendut
ในปี พ.ศ. 2379 วัดถูกค้นพบในสภาพที่เป็นซากปรักหักพังที่ปกคลุมด้วยพุ่มไม้ .. การบูรณะวัดนี้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2440 และเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2468 นักโบราณคดีบางคนที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับวัดนี้ ได้แก่ JG de Casparis, Theodoor van Erp และ Arisatya Yogaswara
สถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมของวัด (Candi) เป็นไปตาม ประเพณี แบบสถาปัตยกรรมฮินดู ทั่วไป โดยเฉพาะใน สมัย ชวากลางได้รวมผังวัดแบบมันดาลา เลียนแบบพระเมรุภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตของทวยเทพ เป็นแบบจำลองของ จักรวาล ฮินดูตามจักรวาลวิทยาของฮินดูและชั้นของโลกะ
แผนผังฐานของวิหาร .. เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านละ 13.7 เมตร ฐานสูงจากพื้น 3.7 เมตร วิหารสูง 26.4 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
โครงสร้างและเลย์เอาต์ของวัด บอกถึงลำดับชั้นต่างๆ ตั้งแต่อาณาจักรที่ศักดิ์สิทธิ์น้อยกว่า ไปจนถึงอาณาจักรที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
สถาปัตยกรรมฮินดู-พุทธตามประเพณีอินดิก มีแนวคิดการจัดองค์ประกอบเป็น 3 ส่วนหรือ 3 องค์ประกอบ โดยทั่วไประบุว่าเป็นเท้า (ฐาน) ร่างกาย (กลาง) และศีรษะ (หลังคา) ทั้ง 3 โซนจัดตามลำดับชั้นของความศักดิ์สิทธิ์
ภูวโลกะ (ในศาสนาพุทธ: รูปะธาตุ ) แดนกลางของผู้ศักดิ์สิทธิ์ ฤๅษี นักพรต และเทพชั้นรองลงมา .. ผู้คนที่นี่เริ่มเห็นแสงสว่างแห่งความจริง ลานตรงกลางและตัววิหารแต่ละแห่งเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรภูวโลกะ
Svarloka (ในศาสนาพุทธ: Arupadhatu ) ดินแดนแห่งเทพเจ้าสูงสุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด หรือที่เรียกว่าsvargaloka ลานภายในและหลังคาของวิหารแต่ละหลังเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรสวาโลกะ
หลังคาของโครงสร้างฮินดูมักจะสวมมงกุฎด้วยรัตนะ ( สันสกฤต : มณี) หรือวัชระหรือในสมัยชวาตะวันออกที่สวมมงกุฎด้วยโครงสร้างลูกบาศก์ ในขณะที่สถูป หรือดาโคบา ทรงกระบอกทำหน้าที่เป็นจุดสุดยอดของชาวพุทธ
บันไดที่ยื่นจากฐานยกพื้นสี่เหลี่ยมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือประดับด้วย รูป “มกร” แต่ละด้าน
มาการะ หรือ มกร เป็นสัตว์ทะเลในตำนาน พาหนะของเทพทะเลวรุณ มักถูกพรรณนาโดยทั่วๆไปว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมครึ่งตัวและปลาครึ่งตัว ในหลายวัด การแสดงภาพอยู่ในรูปปลาครึ่งตัวหรือแมวน้ำที่มีหัวเป็นช้าง นอกจากนี้ยังแสดงหัวและขากรรไกรของจระเข้งวงช้าง งาและหูของสัตว์ป่า หมูป่า ตาที่พุ่งของลิง เกล็ดและลำตัวที่ยืดหยุ่นได้ของปลา และขนหางที่แกว่งไปมาของนกยูง .. ทั้งกะลาและมาการะถูกประยุกต์ใช้เป็นหุ่นป้องกันประตูทางเข้าวัด
ผนังข้างบันได สลักภาพนูนต่ำนิทานอวทานะ ศาตกะชาดก เรื่องสัตว์ในพระพุทธศาสนา
ด้านหน้าทางเข้าวิหารชั้นใน มีภาพสลักนูนต่ำที่ยังคงเหลือให้เห็น และมีความสวยงาม
พระวิหารเดิมมีห้อง 2 ห้อง .. ห้องเล็กอยู่ด้านหน้า และห้องใหญ่อยู่ตรงกลาง หลังคาและผนังห้องด้านหน้าหายไปบางส่วน ส่วนบนสุดของหลังคาหายไป
คาดกันว่า .. น่าจะมี ยอดเจดีย์ที่มีขนาดและรูปแบบน่าจะเหมือนกับที่ วัดโซจิวัน
ผนังด้านในของห้องด้านหน้าประดับด้วยภาพนูนต่ำของนางยักษ์ Hariti ห้อมล้อมด้วยเด็ก ๆ ..
ข้าง ๆ กันมีรูปสลักของ กัลป์ปตะรุ เหล่าเทพบุตรเหาะไปในสวรรค์ด้วย.
มีรูปสลักนูนต่ำ .. ท้าวชมภู-กุเวล หม้อเงิน หม้อทอง
ห้องหลักมีรูปแกะสลักหินขนาดใหญ่ 3 รูป ซึ่งเป็นการผสมผสาน คติปรัชญา บุคคลาธิษฐานผ่านรูปศิลปะ
.. “พระพุทธรูปธยานีไวโรจนะ” สูง 3 เมตร แสดงธรรมจักรมุทรา โปรดแก่เหล่าพระโพธิสัตว์ 80000 องค์ (ผ่าน 8 มหาอัษฎาโพธิสัตว์) เพื่อให้หลุดพ้นจากกรรมทางกาย
.. พระศากยะมุนี โดยปกติควรมีรูปของ นาคนันทะ อุปนันนทะ อยู่ที่ใต้บัวพระบาท แต่กลับไม่มี ด้วยเหตุที่ พุทธศาสนาวัรยานตันตระ ให้ความสำคัญกับปรัชญา ความรู้ ปัญญา คำสอนฯ ที่เป็นความเชื่อ ออกมารูปของสตรี
.. ดังนั้น ผนังด้านหลังของพระศากยะมุนี ซึ่งเป็นรูปของพระนางจุณฑา (บุคคลาธิษฐานของการแสดงธรรม ที่จะสำเร็จ) ได้เอารูปศิลปะของนาคทั้งสองที่ควรอยู่ใต้พระบาทของพระพุทธเจ้าด้านใน เอามาไว้ข้างนอก รองรับรูปของพระนางจุณฑา ในความหมาย “ศักติ” แห่งพระศากยมุนี (รูปศิลปะแบบวุชระยาน จะสร้างรูปเพศหญิงที่เป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปเคารพ) .. พระโพธิสัตว์ข้างพระนางจุณฑาด้านนอก ก็คือรูปเดียวกับรูปลอยตัวด้านใน ทั้งอวโลกิเตศวร และวัชรปราณี
ด้านซ้ายเป็นรูป “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” เพื่อหลุดพ้นจากกรรมวาจา
ด้านขวาเป็น “พระโพธิสัตว์วัชรปาณี” เพื่อหลุดพ้นจากกรรมทางความคิด
ระเบียงสี่เหลี่ยมล้อมรอบตัววัดมีไว้สำหรับประทักษิณา หรือพิธีกรรมเดินเวียนรอบวัดตามเข็มนาฬิกา .. มีรูปสลักนูนต่ำ ท้าวชมภล-กุเวร หม้อเงิน หมือทอง
ผนังด้านนอกประดับด้วยภาพนูนต่ำรูปพระโพธิสัตว์
รูปสมมุติ (บุคคลาธิษฐาน) ของมนตรา “จุณฑาธาริณี” ที่จะช่วยให้บรรลุสิทธิ (เป้าหมายของการบำเพ็ญ) .. รูปนี้อยู่ผนังหลังด้านนอก หลังรูปประธานด้านใน / การวางผัง โดยใช้บุคคลาธิษฐานของศักติแทนคัมภีร์ เป็นความหมายเชิงปรัชญา
ผนังเก็จทางฝั่งทิศเหนือ .. สลักรูป “มหาประติสราอิตถีโพธิสัตว์” .. บุคคลาธิษฐานแห่งความสำเร็จทางโลก
มุมประตูตะวันตก ฝั่งเหนือ คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
อัษฎามหาโพธิสัตว์ .. คือพระโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 8 ตามคติ “มณฑลมันดารา” หรือ Mandara แผนภูมิจักรวาลในพุทธศาสนาแบบวัชระยาน
ผนังเก็จด้านหลังฝั่งตะวันออก .. เป็นรูป “พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” ประทับยืน 4 กร รายล้อมด้วยบริวารทั้งชายและหญิง บุคคลาธิษฐานแห่งความเมตตามหากรุณา
ผนังเก็จด้านหน้าฝั่งตะวันตก ฝั่งเหนือ .. “พระสรรวนิวรณวิษกดัมภินโพธิสัตว” พระหัตถ์ซ้ายแสดงวิตรรกะมุทรา พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว
Photo by EJeab Academy
ผนังเก็จด้านทิศเหนือ ฝั่งตะวันตก .. “พระโพธิสัตว์ไมเตรยะ” มีสถูปประดับบนมงกุฏ พระหัตถ์ขวาแสดงการประทานพร ในพระหัตถ์ซ้ายถือดอกไม้เป็นกลุ่มช่อ
ผนังเก็จด้านทิศเหนือ ฝั่งตะวันออก .. “พระสมันตภัทระโพธิสัตว์” พระหัตถ์ขวาแสดงการประทานพร ในพระหัตถ์ซ้ายถือช่อดอกไม้ 3 ช่อดอก (จินดามณี)
ผนังเก็จด้านทิศตะวันออก ฝั่งเหนือ .. “พระกษิติครรภะโพธิสัตว์” พระหัตถ์ขวาแสดงการประทานพร ในพระหัตถ์ซ้ายถือช่อดอกไม้ 3 ช่อดอก
Photo by EJeab Academy
ผนังเก็จด้านทิศตะวันออก ฝั่งใต้ .. “พระวัชระปราณีโพธิสัตว์” พระหัตถ์ขวาถือวัชระ พระหัตถ์ซ้ายแสดง วิตรรกะมุมรา
ผนังเก็จด้านทิศใต้ ฝั่งตะวันออก .. “พระโฑธิสัตว์มัญชูศรี” พระหัตถ์ขวาแสดงธรรมจักรมุทรา พระหัตถ์ซ้า ยถือดอกบัวขาบ พระโพธิสัตว์พระองค์นี้ เป็นบุคคลาธิษฐานแห่งปัญญาความรู้ (สายมูในไทย นำมาเป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา)
ผนังเก็จด้านทิศใต้ ฝั่งตะวันตก .. “พระโพธิสัตว์อาก่ศครรภะ” พระหัตถ์ซ้ายถือดาบ พระหัตถ์ขวาในม่าแสดงการประทานพร
พิธีกรรม
ในช่วงพระจันทร์เต็มดวงในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนชาวพุทธในอินโดนีเซีย จะร่วมพิธี วิสาขบูชาประจำปีโดยเดินจากเมนดุตผ่านปาวอนไปยังบุโรพุทโธ พิธีกรรมใช้รูปแบบของการสวดมนต์แบบชาวพุทธและ pradakshina (เวียนรอบ) รอบวัด
ผู้ที่เลื่อมใส Kejawen (เวทย์มนต์แบบชวา) หรือชาวพุทธมาสักการะในวัด Mendut และเชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความปรารถนาเช่นการปลดปล่อยจากโรคภัยไข้เจ็บ
รูปนูนต่ำของนางยักษ์ Hariti .. สวดมนต์เพื่อขอเด็ก เนื่องจากในความเชื่อดั้งเดิมของชาวชวา Hariti เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ผู้อุปถัมภ์มารดาและผู้พิทักษ์เด็ก
NOTE : คำว่าCandiเป็นคำนำหน้าภูเขาพระวิหารหลายแห่งในอินโดนีเซียซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเขาพระสุเมรุ แห่งจักรวาล ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศของจักรวาล อย่างไรก็ตาม คำนี้ยังนำไปใช้กับสิ่งก่อสร้างนอกศาสนาหลายแห่งที่มีอายุจากช่วงเวลาเดียวกัน
ขอบคุณเนื่อความบางส่วนจาก EJeab Academy
โฆษณา