18 ก.ค. 2023 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ตราสารหนี้” ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด” ในยุคผันผวน

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนทั่วไป นักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อย ต่างมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกว่าอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
3
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้รายงานว่า ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.00-5.25% ซึ่งนับว่าเป็นการหยุดการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก หลังจากขึ้นติดต่อกันมา 10 ครั้ง
ซึ่งก็ทำให้นักวิเคราะห์หลายท่านมองว่า หรือนี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง วงจรขาขึ้นของดอกเบี้ยนั้นอาจใกล้สิ้นสุดแล้วก็เป็นได้ หรือหากจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็อาจขึ้นราว ๆ เพียง 1-2 ครั้ง เท่านั้น
แต่ปัญหาคือ เราจะยังคงอยู่ในยุคดอกเบี้ยสูงอยู่เช่นนี้ไปอีกสักพัก ซึ่งก็ทำให้การลงทุนในช่วงเวลานี้จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งต้องระมัดระวัง
1
  • คำถามคือ เราควรจะเลือกลงทุนอย่างไรในยุคผันผวน ?
หนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้เปรียบในช่วงเวลานี้ ซึ่งหลายคนก็อาจรู้จักกันดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ “ตราสารหนี้” ซึ่งพอพูดถึง ตราสารหนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไรนัก เนื่องจากสินทรัพย์ชนิดนี้ ให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมาก
แต่ถึงแม้ว่าสินทรัพย์ชนิดนี้จะไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่หวือหวานัก หากแต่มีติดพอร์ตเอาไว้ ก็จะช่วยเฉลี่ยความเสี่ยงราคาของสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ ได้
ลองนึกภาพตาม หากตอนนี้เราลงทุนกับสินทรัพย์ 4 ตัว ซึ่งทุกตัวนั้นมีความเสี่ยงสูง กราฟพอร์ตการลงทุนของเราก็จะค่อนข้างสวิง และมีความผันผวนมาก แต่หากพอร์ตเรามีการลงทุนกับตราสารหนี้ร่วมด้วยนั้น กราฟของเราก็อาจจะสวิงน้อยลงได้ เพราะจะมีตราสารหนี้เป็นตัวช่วยคอยดึงความผันผวนให้ลดน้อยลง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือตัวช่วยเฉลี่ยความเสี่ยงนั่นเอง
ไม่เพียงแต่ ตราสารหนี้ จะเป็นสินทรัพย์ที่ควรจะมีติดพอร์ตในยุคผันผวน แต่สำหรับสถานการณ์ที่กล่าวไปข้างต้น คือ อัตราดอกเบี้ยสูงอาจเข้าใกล้จุดสิ้นสุด ก็ยิ่งทำให้เวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะแก่การเข้าซื้อตราสารหนี้อีกด้วย
โดยเหตุผลก็เป็นเพราะ ราคาตราสารหนี้ มักจะแปรผกผันกับ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่า หากเราลงทุนกับตราสารหนี้ในวันที่ดอกเบี้ยกำลังสูง และในอนาคตดอกเบี้ยนั้นมีการปรับตัวลง ก็จะทำให้ราคาตราสารหนี้ที่เราซื้อไว้ก่อนหน้านั้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย
1
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่บอกได้แล้วว่า ทำไม “ตราสารหนี้” ถึงไม่ใช่ตัวเลือกในการลงทุน แต่เป็น “ทางรอดในการลงทุน” ในยุคผันผวน
1
สำหรับใครที่สนใจลงทุนกับตราสารหนี้ KTAM ก็มีกองทุน KTSTPLUS ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ให้เลือกลงทุนอีกด้วย
โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก และ/หรือตราสารทางการเงิน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร หรือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และ/หรือหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีนโยบายสอดคล้องกับกองทุนฯ
โดยกองทุนอาจพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะจัดการลงทุนเพื่อให้อายุดูเรชั่นเฉลี่ยของตราสารทั้งหมดของกองทุน (Portfolio Duration) ไม่เกิน 1 ปี โดยประมาณ อย่างไรก็ตาม อายุดูเรชั่นเฉลี่ยของตราสารทั้งหมดของกองทุน (Portfolio Duration) ณ ขณะใดขณะหนึ่ง อาจเกิน 1 ปีได้ในบางกรณี
  • กองทุนนี้ มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 4
📌 สำหรับท่านใดที่สนใจ หรือต้องการ Fund Fact Sheet สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- KTSTPLUS : https://rb.gy/hbbwo
หรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่
ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ
บลจ.กรุงไทย โทร. 02 686 6100 กด 9
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย
ดาวน์โหลด :
คำเตือน :
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk) / ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business Risk) / ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk) / ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน (Country Risk) เป็นต้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรืออาจจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
1
References :
โฆษณา