18 ก.ค. 2023 เวลา 18:11 • การตลาด

Burger King คิดอะไร ทำไมกล้าขายเบอร์เกอร์ ชิ้นละ 10,039 บาท ?

ก่อนหน้านี้ Burger King ได้ออกเมนูสุดครีเอต ที่ไม่มีคนคิดว่าทางร้านจะกล้าทำมาขายจริง ๆ อย่าง “Real Cheese”
เบอร์เกอร์ที่ประกอบไปด้วย “ชีสมากถึง 20 แผ่น” มาวางซ้อนกัน
1
แต่ใครจะคิดว่า เบอร์เกอร์ที่แปลกขนาดนี้ จะสามารถสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย
จนบางสาขา ต้องปิดรับออร์เดอร์กันให้เห็นมาแล้ว
เรื่องนี้ถ้ามองดี ๆ ก็ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เพราะทาง Burger King อาจจะไม่ได้ตั้งใจทำเบอร์เกอร์สุดแปลกนี้ มาเพื่อเพิ่มยอดขายให้ทะลุเป้าแต่อย่างใด
แต่ทำไปเพื่อสร้างกระแสสังคม หวังให้ได้พื้นที่สื่อไปแบบฟรี ๆ และเนรมิตสร้าง “Brand Awareness” มากกว่า
3
เพราะเมนูแปลก ๆ แบบนี้ มักจะตกเป็นเป้าของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์, สื่อ และบุคคลมีชื่อเสียง ที่มักชื่นชอบในการทำคอนเทนต์อยู่แล้ว
3
แถมด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 109 บาท ก็ยังทำให้บุคคลทั่วไปสามารถซื้อเมนูนี้ไปถ่ายลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ ได้ไม่ยาก
ซึ่งหมายความว่า Burger King จะถูกพูดถึงและได้คอนเทนต์โปรโมตแบรนด์ในวงกว้าง ไปอย่างฟรี ๆ โดยแทบไม่ต้องใช้เงินโฆษณาเลยสักบาท
แถมเมนูที่คิดมาใหม่ ก็ไม่ต้องใช้ต้นทุนในการพัฒนาเลย
แค่นำวัตถุดิบที่มีอยู่ในร้านอยู่แล้ว มารวมกันเป็นเมนูใหม่เท่านั้น..
2
แล้วเมนู Real Cheese นี้ ก็กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ได้จริง ๆ ตั้งแต่วันแรกเปิดตัว
เห็นได้จากในช่วงที่เมนูดังกล่าวเปิดตัวนั้น ยอดคำค้นหาคำว่า “เบอร์เกอร์คิง” สามารถขึ้นไปติดอันดับ 4 ของคำที่ผู้คนค้นหามากที่สุดบน Google ได้สำเร็จ
1
นอกจากนี้ เบอร์เกอร์ Real Cheese ยังโด่งดังจนสื่อต่างชาติหลายสำนัก นำข่าวไปเล่นจนกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกอีกด้วย..
อย่างไรก็ดี เมื่อกระแสมันจุดติด Burger King ก็ได้ตัดสินใจต่อยอดความสำเร็จครั้งนี้ออกไป
ด้วยการออกเมนูใหม่ที่สุดกว่าเดิม.. นั่นก็คือ “The Real Meat Burger”
เบอร์เกอร์ที่มีส่วนประกอบแค่สองอย่างนั่นคือ “ขนมปัง” และ “เนื้อ” ที่วางซ้อนกันคล้ายกับเมนู Real Cheese
โดยทีเด็ดของเมนูนี้ จะอยู่ที่ตัวเนื้อจะซ้อนกันได้ตั้งแต่ 3 ชั้นในราคา 339 บาท
และสามารถเพิ่มได้ไปจนถึง 100 ชั้น ที่ราคา 10,039 บาท..
2
และก็แน่นอนว่า เมนูดังกล่าวก็ได้กลายเป็นกระแสอีกครั้ง
เห็นได้จากโพสต์ต้นทางที่เพจ Burger King Thailand มียอดแชร์รวมกันแล้วกว่า 16,000 ครั้ง
2
และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์หลายคน ก็เริ่มนำเบอร์เกอร์ดังกล่าว
มาทำคอนเทนต์ลงบนสื่อโซเชียลอย่าง TikTok และ Facebook กันบ้างแล้ว
2
ทำให้แบรนด์ได้พื้นที่สื่อไปฟรี ๆ อีกครั้ง.. โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย
แค่เอาเนื้อกับขนมปัง ที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ร้านต้องสต็อกเอาไว้อยู่แล้ว มาเรียงซ้อนกัน แล้วสร้างเป็นเมนูใหม่เหมือนเดิม
แถมยังสามารถนำมาประยุกต์ขายได้กับทุกสาขาทั่วประเทศ
1
สุดท้ายนี้ ถ้าใครอยากรู้ว่าเบอร์เกอร์ที่มีเนื้อซ้อนกัน 100 ชั้น
ของจริง จะมีหน้าตาเป็นยังไง ?
ก็สามารถกำเงิน 10,039 บาท
แล้วไปสั่งได้เลยที่ Burger King ทุกสาขา..
2
โฆษณา