19 ก.ค. 2023 เวลา 09:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เมื่อ “พิธา” ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วเศรษฐกิจไทยจะไปอย่างไรต่อ? 🚨

เหมือนฟ้าผ่ากลางรัฐสภา ในขณะที่ที่ประชุมรัฐสภากำลังพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณีที่ กกต. ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลง พร้อมมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้ พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ในทันที แล้วแบบนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินไปทางไหนต่อ?
แน่นอนว่าผลที่ตามมาทันทีคือ “พิธา” จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. โดยที่ยังไม่สามารถเลื่อน สส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทนได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลฯ และทำให้การเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป พรรคร่วม 8 พรรคจะต้องการเสียงสนับสนุนจาก สว. เพิ่มอีก 1 เสียงเป็น 64 เสียง (จากการโหวตครั้งแรกที่ได้เสียงสนับสนุนจาก สว เพียง 13 เสียง
⚡ #ประเด็นต่อไปคือ แล้ว “พิธา” ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่?
ถ้าเปิดดูข้อกฎหมาย แม้ว่าคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีบางส่วนเหมือนกับคุณสมบัติ สส. รวมถึงการห้ามถือหุ้นสื่อ แต่หากยึดตามคำร้องของกกต. และข้อเท็จจริงว่าในปัจจุบัน พิธา ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น พิธา ควรจะยังสามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้อยู่ และในกรณีที่ได้เป็นายกรัฐมนตรีถึงค่อยยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจัยว่า พิธา ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง
🔍 #มุมมองKKPResearch
KKP Research มองว่า โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำลดน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากพรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวและมีความเสี่ยงจะถูกตัดสิทธิการเป็นนายกรัฐมนตรีจากหลายประเด็น ทั้งเรื่องหุ้นสื่อ คดีล้มล้างการปกครองฯ การไม่ได้รับเสียงรับรองที่เพียงพอจาก สว.
ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะขึ้นมาเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะยังอยู่กับพรรคร่วม 8 พรรคเดิม หรือจะเป็นการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ก็ตาม
ซึ่งการเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย อาจจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจในระยะสั้น ด้วยนโยบายที่เป็นมิตรกับบริษัทขนาดใหญ่และกลุ่มทุนมากกว่า และนโยบายที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภค เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม การเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูง การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองและนำไปสู่การประท้วงและความไม่สงบ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน การท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้
👁‍🗨 #มุมมองการลงทุน
CIO Office มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลยังมีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลในตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงมีความผันผวน แต่หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและทำได้สำเร็จ ก็น่าจะส่งผลดีต่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ได้กล่าวข้างต้น
โดยเรามองว่า หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์และหุ้น Top picks จะเป็นดังนี้...
1. ค้าปลีก - CPALL CPAXT GLOBAL
2. Finance - TIDLOR
3. นิคมอุตสาหกรรม - AMATA WHA
4. โรงแรม - CENTEL ERW AWC
5. โรงไฟฟ้า จากความเสี่ยงในเรื่องการปฏิรูปพลังงานลดลง - GPSC BGRIM
ที่มา: บล. เกียรตินาคินภัทร, ณ วันที่ 19 กรกฏาคม 2566
⚠ คำเตือน : ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยแหล่งข้อมูลสาธารณะ ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนความเห็นหรือประมาณการต่าง ๆ ที่ปรากฏโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาเงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#EDGE #EDGEInvest #หุ้น #กองทุนรวม #ลงทุน #วางแผนลงทุน #KKPResearch
โฆษณา