20 ก.ค. 2023 เวลา 10:00 • อสังหาริมทรัพย์
Origin Place Ramkhamhaeng 153 - ออริจิ้น เพลส รามคำแหง 153

"รามคำแหง" ย่านดาวรุ่ง พุ่งแรง จุด Interchange ใหม่ของกรุงเทพฯ

Origin x ลงทุนแมน
1
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว หนึ่งในข่าวที่ทำให้หลาย ๆ คน ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คือการเปิดตัวศูนย์บริการรถยนต์ (Service Center) ของ Tesla แห่งแรกในประเทศไทย
โดยทำเลที่ Tesla เลือกตั้งฐานทัพใหม่ คือ รามคำแหง
นอกจากนี้ รามคำแหง ยังเป็นที่หมายตาของบริษัทชั้นนำ
เพราะไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ และมอเตอร์เวย์สาย 7 สู่ภาคตะวันออก จึงขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก
ปัจจุบัน รามคำแหง กลายมาเป็นทำเลที่น่าจับตามอง
เพราะอยู่ติดกับ New CBD แห่งใหม่อย่างย่านพระราม 9 และเอกมัย-ทองหล่อ
และถนนรามคำแหง ยังเป็นที่ตั้งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม “ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี” ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2567
ซึ่งจะมาเปลี่ยนให้ย่านนี้ กลายมาเป็นจุด Interchange หรือจุดเชื่อมต่อของสถานีรถไฟฟ้า ที่มีจำนวนสถานีมากกว่า 2 สถานีขึ้นไป อย่างสมบูรณ์แบบ
ความน่าสนใจของ รามคำแหง มีอะไรอีกบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถนนรามคำแหง มีความยาวรวมทั้งหมดประมาณ 18 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
- ช่วงจากสี่แยกคลองตัน (สุขุมวิท 71) ถึงแยกลำสาลี
- ช่วงจากแยกลำสาลี ถึงแยกตัดกับถนนสุวินทวงศ์
ปัจจุบัน รามคำแหงเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสำคัญของไทยอย่าง ราชมังคลากีฬาสถาน และสถานศึกษาที่เก่าแก่อันดับต้น ๆ อย่างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และมหาวิทยาลัยรามคำแหง
จากเดิม ถนนรามคำแหง เป็นหนึ่งในถนนที่ประสบปัญหารถติด จากการสร้างสะพานข้ามแยก และการขยายถนน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรองรับโครงการที่จะขยายเพิ่มเติมในอนาคต
แต่รู้หรือไม่ว่า ? ในเวลานี้ ถนนรามคำแหง ถูกขยายให้มีมากถึง 3 เลน มีเกาะกลาง และมีสะพานข้ามแยกต่าง ๆ ที่แล้วเสร็จ ทำให้การสัญจรเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น
- การเดินทางไปยังพระราม 9 หรือย่านเอกมัย-ทองหล่อ โดยใช้สะพานยกระดับรามคำแหง
- การเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หรือเขตปริมณฑล โดยใช้มอเตอร์เวย์
ประกอบกับ ราคาที่ดินของย่านรามคำแหงเติบโต
โดยข้อมูลจากกรมธนารักษ์ ในปี 2566-2569 ถนนรามคำแหง มีราคาประเมินที่ดิน 110,000-170,000 บาทต่อตารางวา เติบโต 6.25-40.12% ในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับปี 2555-2558 ราคาประเมินที่ดินเฉลี่ย 78,500-160,000 บาทต่อตารางวา
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาที่ดินย่านนี้เติบโต คงมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้
1. การคมนาคม พัฒนาไปไกลด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้า
เริ่มต้นจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีระยะทางรวม 22.57 กิโลเมตร และมี 17 สถานี ที่จะทดลองวิ่งเดือนมกราคม 2567 และเปิดใช้จริงเดือนเมษายน 2567
เนื่องจากเป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Heavy Rail Transit System) สามารถขนส่งผู้โดยสารมากกว่า 50,000 คนต่อชั่วโมง ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จึงเกิดการเชื่อมผู้คนจากฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกของเมือง
คล้ายกับสายสีเขียว ที่เชื่อมฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ และวิ่งผ่าใจกลางเมือง
พอเป็นแบบนี้ ผู้คนในย่านรามคำแหง ก็สามารถเดินทางไปยังพระราม 9 ได้อย่างง่ายดาย เพราะมีมากกว่า 13 สถานี ที่ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ แบ่งออกเป็น
- สี่แยกคลองตัน (สุขุมวิท 71) ถึงแยกลำสาลี 5 สถานี
- แยกลำสาลีถึงแยกตัดกับถนนสุวินทวงศ์ 8 สถานี
หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วเสร็จ จะทำให้สถานีแยกลำสาลีกลายมาเป็นจุด Interchange อย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะสถานีแยกลำสาลีเป็นที่ตั้งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ที่เป็นประตูเชื่อมสู่โซนบางนา-สุวรรณภูมิ ที่มี Mega Project ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ สถานีมีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่เป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีส้ม กำลังมีอีกหนึ่งโครงการรถไฟฟ้ามาเชื่อมต่อ คือโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ที่คาดว่าจะเปิดทดลองให้บริการบางส่วนภายในปลายปี 2566 และจะเปิดให้บริการจริงในปี 2567
ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี และผ่านสถานีสำคัญ ๆ อย่างสถานีหลักสี่ และสถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
สรุปง่าย ๆ ว่า ถ้าทุกโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ถนนรามคำแหง เต็มไปด้วยสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถเชื่อมต่อไปทุก ๆ ที่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย
2. ใกล้ New CBD อย่างพระราม 9 และเอกมัย-ทองหล่อ ที่เป็นจุดศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนเมือง
ย่านพระราม 9 คือ New CBD แห่งใหม่ของประเทศไทย และเป็นฐานที่ตั้งของหลาย ๆ บริษัทชั้นนำ
ไม่ว่าจะเป็น ยูนิลีเวอร์, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และอาคารทรู ทาวเวอร์ รัชดา
1
และยังมีสถานทูตของหลายประเทศสำคัญ เช่น สถานทูตจีน และสถานทูตเกาหลี
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของทำเลย่านพระราม 9 ก็คือ New China Town
ด้วยการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้นักธุรกิจชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัย และลงทุนในประเทศไทย
จึงเป็นเหตุผลที่ว่า หากเราไปเดินย่านห้วยขวาง-รัชดาภิเษก ตอนนี้
เราจะเห็นของฝากสำหรับคนจีนเต็มไปหมด
หมายความว่า ถนนสายนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนจีน ไม่ต่างจากย่านทองหล่อ ที่เป็นทำเลของคนญี่ปุ่น
และถ้าพูดถึงทำเลที่อยู่ติดกับรามคำแหง จะไม่พูดถึงย่านเอกมัย-ทองหล่อ ไม่ได้เลย..
รู้หรือไม่ว่า ? จากสี่แยกคลองตัน (สุขุมวิท 71) ถึงแยกลำสาลี ที่เป็นจุดกึ่งกลางของถนนรามคำแหง มีระยะทางห่างกันเพียง 8.7 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น
ปัจจุบัน เอกมัย-ทองหล่อ เป็นแหล่งธุรกิจและไลฟ์สไตล์ที่มีบริการครบวงจร ตั้งแต่สำนักงาน ร้านอาหารชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวตอนกลางคืน ไปจนถึงโรงพยาบาลชั้นนำ
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ รามคำแหง เป็นอีกหนึ่งที่หมายตาของนักลงทุน และผู้อยู่อาศัยชาวไทย และชาวต่างชาติ
3. สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา ศูนย์การค้า และแหล่งงาน
- ด้านสุขภาพ ย่านรามคำแหงล้อมรอบไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลรามคำแหง 1 และ 2, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลสินแพทย์
โดยโรงพยาบาลรามคำแหง 2 ที่สร้างเสร็จภายในปี 2565 รองรับเพิ่ม 560 เตียง รวมจำนวนเตียงของโรงพยาบาลรามคำแหง 1 ที่มี 485 เตียง สามารถรองรับรวมกันได้ถึง 1,045 เตียง
นอกจากนี้ ผู้คนในย่านนี้ยังสามารถออกกำลังกายแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือสวนนวมินทร์ภิรมย์
- ด้านไลฟ์สไตล์ เช่น เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะ พาซิโอ ทาวน์ (รามคำแหง) หรือ Fashion Island เดินทางเพียง 15 นาที จากแยกลำสาลี
โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป กำลังรีแบรนด์ เดอะมอลล์ บางกะปิ กลายมาเป็น เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ด้วยงบลงทุน 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน
1
- ด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์, โรงเรียนนานาชาติแอ๊ดเวนต์รามคำแหง (RAIS) และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
และก็ยังมีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อีกด้วย
ล่าสุด สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เปิดตัวศูนย์วิจัยการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ NIDA Smart Compact City Center (NIDA S2C°) ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนย่านนี้ ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
- พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
- การสัญจรอัจฉริยะ (Smart Mobility) พัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
- สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
- แหล่งงาน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ย่านรามคำแหง เป็นที่ต้องการของผู้เช่า
เพราะอยู่ไม่ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และเป็นที่ตั้งของหลาย ๆ องค์กรชั้นนำ เช่น
- การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จํากัด
- บริษัท ฮานามิ ฟู้ดส์ จํากัด
ทั้งนี้ สำหรับค่าเช่าย่านรามคำแหง ทางโครงการแบรนด์ Origin เปิดเผยว่า
หนึ่งโครงการในย่านนี้อย่าง The Origin Ram 209 Interchange ซึ่งอยู่ติด Interchange 2 สาย สามารถปล่อยเช่าเฉลี่ย 7,500 บาทต่อเดือน (สำหรับห้องขนาด 22 ตารางเมตร) ไปจนถึง 12,000 บาทต่อเดือน (สำหรับห้องขนาด 31 ตารางเมตร) เท่ากับว่า เฉลี่ยราว 340-380 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
แล้วถ้าเราอยากเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมแบรนด์ Origin ในย่านนี้ โครงการไหนน่าสนใจบ้าง ?
- The Origin Triam Nom Station (ดิ ออริจิ้น เตรียมน้อม สเตชั่น)
- ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153
ทั้ง 2 โครงการ ตั้งอยู่ห่างจาก MRT สถานีน้อมเกล้า เพียง 130 เมตร* และอยู่ห่างจากแยกลำสาลี สถานี Interchange ไปยังรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เพียง 5 สถานี
และสถานีมีนบุรี Interchange ไปยังรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพียง 3 สถานี
ซึ่งทั้ง 2 โครงการ มีอาคารแยก Pet Friendly เหมาะสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง
พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับลูกบ้าน ด้วยการแถมประกันสัตว์เลี้ยงโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ให้แบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
และสำหรับลูกค้าที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง ก็จะได้รับประกันอุบัติเหตุ อีกด้วย
ทีนี้เราลองมาดู ความน่าสนใจของโครงการ The Origin Triam Nom Station กันบ้าง
The Origin Triam Nom Station เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร บนที่ดิน 10 ไร่
ดิไซน์ภายใต้แนวคิด “Creative District” หรือพื้นที่สร้างสรรค์ความคิด เพื่อให้ลูกบ้านได้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ในชีวิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ซึ่งทาง Origin ได้จัดเต็มด้วยฟังก์ชันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Water Park / Fitness
- Co-working Space ที่มีห้องประชุมส่วนตัว
- Theater Room / Online Studio
- Pet & Play Room และ I-Vet Service สำหรับการดูแลน้อง ๆ อย่างใกล้ชิด
The Origin Triam Nom Station มีราคาเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท ขนาดห้องเริ่มต้น 24 ตารางเมตร
ซึ่งถ้าใครสามารถปล่อยเช่าได้ตามค่าเฉลี่ยตลาด 340-380 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือราว 8,200-9,000 บาทต่อเดือน อาจได้รับผลตอบแทนราว 5-6% ต่อปี
THE ORIGIN TRIAM NOM STATION
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3rYvyNn
แล้วความน่าสนใจของ ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153 มีอะไรบ้าง ?
ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 18 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 6 ไร่
จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ คือ เป็นโครงการ Mixed-use ที่มีทั้งคอนโดมิเนียม และศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มอลล์ 3 ชั้น อยู่ด้านหน้าโครงการ
และยังจัดเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Sky Lounge
- สระว่ายน้ำ และจากุซซี
- Pool Theater
- Co-working Space ที่มีห้องประชุมส่วนตัว
ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153 ยังเป็นเพียงไม่กี่โครงการในย่านนี้ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา Clubhouse ให้มีพื้นที่แยกจากตัวคอนโดมิเนียม จัดเต็มถึง 3 ชั้น
ทั้งนี้ ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153 มีราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท ขนาดห้องเริ่มต้น 22.4 ตารางเมตร
ซึ่งถ้าใครสามารถปล่อยเช่าได้ตามค่าเฉลี่ยตลาด 340-380 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือราว 8,200-9,000 บาทต่อเดือน อาจได้รับผลตอบแทนราว 5-6% ต่อปี
ORIGIN PLACE RAMKHAMHAENG 153
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/44XvHzr
ทั้ง 2 โครงการของ Origin บนถนนรามคำแหง ไม่เพียงแต่จะคุ้มค่าแก่การอยู่อาศัย แต่ยังมีโอกาสสร้างรายได้จากการปล่อยเช่า ซึ่งเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มพร้อมใช้งาน โครงการก็จะสร้างเสร็จพอดี ราคาที่ดินสูงขึ้น
แล้วถ้าเราสามารถขายคอนโดมิเนียมได้สูงกว่าราคาที่ซื้อมา ก็มีโอกาสรับกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain)
ย่านรามคำแหง จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเพชรเม็ดงาม ที่อาจเข้าตาใครหลาย ๆ คน..
โฆษณา