20 ก.ค. 2023 เวลา 06:49 • กีฬา

วันแรกในการเป็นกัปตันของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจอความเครียด ไม่สวยงามเหมือนที่เห็น

ถ้ามองในวันนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือยอดกัปตันของลิเวอร์พูล ที่พาทีมคว้าแชมป์ทุกอย่างที่มี แต่ถ้าย้อนกลับไปในวันแรกที่เขาถูกแต่งตั้ง เจ้าตัวกดดันมาก เพราะถูกถากทางว่าไม่ดีพอ ที่จะสานต่อตำแหน่งของสตีเว่น เจอร์ราร์ด
1
ตั้งแต่ย้ายมาจากซันเดอร์แลนด์ ในปี 2011 เฮนเดอร์สันโดนวิจารณ์หนักในช่วงแรก ว่าไม่คู่ควรกับราคา 20 ล้านปอนด์ จนเกือบโดนขายทิ้งในปีเดียว แต่เขาก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองเรื่อยๆ และมีการเปลี่ยนตำแหน่งหลายครั้ง จากเคยยืนปีกขวา ก็ขยับมาเล่นเป็นมิดฟิลด์คอยขับเคลื่อนตรงกลางสนาม
1
วันที่ 15 กันยายน 2014 หลังจากอยู่สโมสรมา 3 ปี เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แต่งตั้งเฮนเดอร์สันเป็นรองกัปตันทีม แทนที่แดเนียล แอกเกอร์ ที่ย้ายออกไป โดยให้เหตุผลว่า "เฮนเดอร์สันเป็นคนที่อุทิศตัวอย่างมาก ทั้งในการซ้อม และการแข่งขัน"
2
จุดเด่นของเฮนเดอร์สันที่มีมาตลอด คือความเป็นมืออาชีพ ซ้อมหนัก ไม่เคยงอแง และไม่เคยมีปัญหาในห้องแต่งตัวเลย ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่ใช้ได้ ในการเป็นรองกัปตันทีม
2
ฤดูกาล 2014-15 เป็นปีสุดท้ายของเจอร์ราร์ดกับหงส์แดง มีหลายนัดที่เขาลงไม่ได้เพราะบาดเจ็บ ดังนั้นเฮนเดอร์สัน จึงได้ทดลองเป็นกัปตันทีมในบางนัด และทำหน้าที่ได้โอเค จนร็อดเจอร์ส รู้สึกประทับใจมากขึ้น
1
ในเดือนกรกฎาคม 2015 หลังจากเจอร์ราร์ดย้ายไปแอลเอ แกแล็กซี่แล้ว ร็อดเจอร์สเรียกเฮนเดอร์สันมาคุยที่ออฟฟิศของเขาในเมลวู้ด และแจ้งว่า เฮนเดอร์สัน จะกลายเป็นกัปตันทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล
1
เฮนเดอร์สันดีใจมากที่ร็อดเจอร์สไว้ใจ นี่คือก้าวกระโดดที่สำคัญมากในอาชีพนักฟุตบอลของเขา เพราะเพิ่งจะอายุ 25 ปี แต่ได้เป็นกัปตันทีมของหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
1
แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ตัวเฮนเดอร์สันไม่มั่นใจเลยว่า เขาดีพอจริงๆ กับการเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบทอดตำแหน่งต่อจาก Legend อย่างเจอร์ราร์ด
1
วันที่ลิเวอร์พูลแต่งตั้งเฮนเดอร์สันเป็นกัปตัน เขาไปขอสโมสรว่า "อย่าประกาศข่าวนี้แบบเอิกเริก" ขอร้องว่าอย่ามีวีดีโอ พรีเซนเตชั่น หรือมีกราฟฟิกหวือหวา อยากให้มีแค่รูป กับ Quote คำพูดนิดหน่อยเท่านั้นก็พอแล้ว
1
เฮนเดอร์สันกล่าวว่า "การเปิดตัวหวือหวา ไม่มีประโยชน์ แค่ผมต้องทำให้ทุกคนต้องยอมรับ ว่าจะมาแทนสตีวี่ในฐานะกัปตัน ก็เป็นงานที่สาหัสมากอยู่แล้ว"
2
"คือผมรู้นะ ว่าในสายตาของแฟนบอลทั่วไป เมื่อคิดถึงสตีเว่น เจอร์ราร์ด จะคิดถึงกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในสีเสื้อลิเวอร์พูล และเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดด้วย แล้วพอตำแหน่งกัปตันถูกส่งต่อให้ นักเตะชื่อจอร์แดน เฮนเดอร์สัน คำพูดของแฟนบอลคือ 'นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ยะ' หรือไม่ก็ 'นี่ สโมสรแค่ปั่นเล่นๆ หรือเปล่า' คือลึกๆ แล้วผมยังเชื่อนะ ว่าตัวเองจะนำพาทีมนี้ได้ แต่ในฉากหน้า ผมรู้สึกไม่สบายใจ และกระอักกระอ่วนทุกๆ ครั้ง ที่ยืนบนสนามพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีม"
ถ้าเรื่องความเป็นผู้นำนั้น เฮนเดอร์สันเคยเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษชุด u-21 มาก่อน และเคยเป็นกัปตันทีมเยาวชนซันเดอร์แลนด์ด้วย แต่การมาเป็นกัปตันทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูล มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย
เข้าสู่ฤดูกาล 2015-16 ปีแรกของเฮนเดอร์สันกับการเป็นกัปตันทีม ไม่ทันจะได้โชว์สกิลความเป็นผู้นำ เฮนเดอร์สันก็บาดเจ็บ กระดูกเท้าหัก ลงเล่นไม่ได้ 3 เดือน
ขณะที่ฟอร์มการเล่นของทีมนั้น หงส์แดงลงเล่น 8 เกมแรก ชนะแค่ 3 นัด ทำให้เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดนไล่ออกจากตำแหน่ง
1
เฮนเดอร์สันเองก็เบลอไปเลย เพราะผู้จัดการทีมที่แต่งตั้งเขาเป็นกัปตัน โดนเด้งไปซะแล้ว
ไม่กี่วันต่อจากนั้น ลิเวอร์พูลเลือกเจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เรื่องนี้สร้างความกังวลใจให้เฮนเดอร์สันอย่างยิ่ง "ผมตื่นเต้นนะ ที่สโมสรเราได้เจอร์เก้น แต่ผมก็กังวลใจด้วย เพราะผมบาดเจ็บอยู่ ไม่สามารถทำให้เขาประทับใจในฟอร์มการเล่นได้ทันที และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะคิดยังไงกับผู้เล่นอย่างผม"
1
"อาการบาดเจ็บตอนนั้น มาในโมเมนต์ที่แย่ที่สุด ผมไม่รู้ว่าเขาอยากให้ผมเป็นกัปตันอยู่อีกไหม และที่สำคัญ ผมไม่รู้ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงในใจของเขาหรือเปล่าด้วย"
เฮนเดอร์สันยังหวั่นใจอยู่ตลอดว่า เขาจะโดนริบตำแหน่งกัปตันทีมหรือไม่ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะดีพอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เฮนเดอร์สันทำโดยธรรมชาติ ทำให้คล็อปป์รู้สึกดีขึ้นมา
ในแมตช์เดย์แรก ที่คล็อปป์คุมทีม ลิเวอร์พูลไปเยือนไวท์ ฮาร์ท เลน ของสเปอร์ส เฮนเดอร์สันไปขอคล็อปป์ว่า "ขอเดินทางร่วมไปกับทีมด้วยได้ไหม" คือแค่อยากไปเชียร์ทีมเฉยๆ
1
คล็อปป์แปลกใจและถามกลับมาว่า "แต่ตามกำหนดการ นายต้องไปทำกายภาพบำบัดเรียกความฟิตนี่?" เฮนเดอร์สันตอบว่า เขาจะนัดทีมแพทย์ เพื่อทำกายภาพบำบัดเร็วขึ้น เมื่อเสร็จแล้วก็จะเดินทางไปพร้อมทีมทันที
1
เฮนเดอร์สันอธิบายเรื่องนี้ในภายหลังว่า "ผมรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของผม ที่จะต้องอยู่กับทีมด้วย และผมก็ต้องการอยู่ใกล้ๆ เพื่อน คือผมเพิ่งได้เป็นกัปตันทีมใหม่ๆ แค่ไม่กี่เดือน แถมยังบาดเจ็บยาวจนแทบไม่ได้ลงเล่น แต่แม้จะไม่ได้ลงเล่น ผมก็อยากฟังว่าผู้จัดการทีมพูดอะไรบ้างในช่วงทีมทอล์ก ผมอยากได้ยิน และอยากรู้ว่าผู้จัดการทีมต้องการอะไร และเมื่อผมกลับมาฟิตเมื่อไหร่ ผมจะได้เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสาร และที่สำคัญผมไม่อยากให้ผู้จัดการทีมลืมหน้าผมด้วย"
2
และการไปดูเพื่อนแข่งขัน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ลงเล่นด้วย กลายเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ทีมหงส์แดงจะกระทำกันในเวลาต่อมา
1
อีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้คล็อปป์ประทับใจเฮนเดอร์สัน คือ ตอนคล็อปป์มาคุมทีมใหม่ๆ ได้มีการปรับตารางเวลาการซ้อม จากเดิมเริ่มซ้อมเที่ยง เลิก 14.30 แต่คล็อปป์เปลี่ยนเวลา มาเริ่มซ้อม 14.30 น. แทน
นักเตะหลายคนไม่คุ้นเคยกับเวลาใหม่ บางคนต้องไปอยู่กับครอบครัว ไปรับลูกจากโรงเรียน ดังนั้นจึงมาบอกเฮนเดอร์สันในฐานะกัปตันว่าให้ไปช่วยคุยกับคล็อปป์ให้หน่อย
เฮนเดอร์สัน เดินไปหาคล็อปป์ที่ห้องทำงานแล้วบอกว่า "บอส มีนักเตะในทีม 2-3 คนที่มีปัญหาเรื่องเวลาการซ้อมที่เย็นเกินไป เป็นไปได้ไหม ที่เราจะซ้อมให้เร็วขึ้นกว่ากำหนด"
คล็อปป์ชักสีหน้า มีความไม่พอใจซ่อนอยู่ เพราะตารางการซ้อมคำนวณมาอย่างดีแล้ว ก่อนจะถามกลับไปว่า "นักเตะคนไหนที่ไม่แฮปปี้หรอ"
วันนั้น เฮนเดอร์สัน ตัดสินใจไม่บอกชื่อ คนที่มีปัญหา เขาตอบว่า "มีจำนวนหนึ่ง นั่นคือเหตุผลที่ผมจึงต้องมาถามคุณด้วยตัวเอง"
2
คล็อปป์ตอบกลับไปว่า "ไปบอกนักเตะคนที่มีปัญหา ว่าให้เข้ามาคุยกับผมโดยตรงได้เลย"
สุดท้ายไม่มีใครกล้าไปคุยกับคล็อปป์ และการซ้อมก็เริ่มต้น 14.30 ตามที่คล็อปป์ต้องการ แต่สิ่งที่ทำให้คล็อปป์รู้สึกดีกับเฮนเดอร์สันคือ กัปตันคนนี้ ไม่ยอมขายเพื่อน บอกชื่อคนที่มีปัญหาเพื่อเอาตัวรอด
1
การเป็นกัปตันของทีมที่ยอดเยี่ยม คุณไม่จำเป็นต้องเป็น ผู้เล่นที่เก่งที่สุดในทีมนั้นก็ได้ ขอแค่คุณเป็นผู้นำที่ดี ได้รับการยอมรับจากคนรอบตัว ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีเกินพอแล้ว และเฮนเดอร์สัน ก็มีสิ่งนั้นอยู่
1
แต่ถามว่าเฮนเดอร์สันชนะใจคล็อปป์ได้เลยไหม คำตอบคือ ยังไม่ได้ ณ เวลานั้น ทั้งคู่เคยมีข่าวคลางแคลงใจกัน ในช่วงเดือนธันวาคม 2015 เฮนเดอร์สันตกเป็นข่าวอย่างหนักว่า จะย้ายไปสเปอร์ส
ในห้องแถลงข่าว นักข่าวยกประเด็นนี้ขึ้นมา คล็อปป์ตอบว่า "ผมไม่ออกความเห็นเรื่องข่าวลือ แต่ผู้เล่นคนไหนก็ตามที่ไม่อยากอยู่กับสโมสรต่อ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่" จึงมีการเชื่อมโยงกันว่า คล็อปป์พร้อมจะปล่อยเฮนเดอร์สัน และไม่ได้การันตีการเป็นกัปตันให้เขาด้วย
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมาก ในความรู้สึกของคล็อปป์ คือวันที่ 23 มกราคม 2016 เมื่อลิเวอร์พูลไปเยือนนอริช ที่แคร์โรว โร้ด ทีมหงส์แดง โดนนำ 3-1 ในนาทีที่ 54 ส่อแววว่าจะแพ้แน่ๆ
ในขณะที่นักเตะคนอื่นๆ ดูหมดหวังกันแล้ว แต่เฮนเดอร์สันที่เป็นกัปตันทีมนัดนั้น วิ่งพล่านเป็นหมาบ้า เขาดันจากมิดฟิลด์ไปยืนในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงไล่มาเป็น 3-2 ให้ทีมในนาทีที่ 55
1
จากนั้นรีบคว้าบอลเอามาตั้งจุดกลางสนามเพื่อเล่นต่อ ลิเวอร์พูลตีเสมอได้ 3-3 นาที 63 และ ยิงแซง 4-3 นาทีที่ 75
เกมนั้นลิเวอร์พูลชนะ 5-4 จากประตูชัยของอดัม ลัลลาน่า หลายคนน่าจะจำได้ ในช็อตที่กอดกันเฮ จนคล็อปป์แว่นหัก แต่คนที่เป็นฮีโร่อย่างแท้จริงในนัดนั้น คือเฮนเดอร์สัน นี่เป็นเกมที่เขาแสดงคาแรคเตอร์ของผู้นำ ในการกระตุ้นให้เพื่อนไม่ยอมแพ้
1
นั่นคือเกมแรกจริงๆ ที่คล็อปป์ออกมาเจาะจงพูดชื่อเฮนเดอร์สันหลังเกม เขากล่าวว่า "สิ่งหนึ่งในเกมนอริชที่ผมอยากจะพูด คือผลงานของกัปตันทีมของเรา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือพอเกมจบด้วยการชนะทดเจ็บ และการฉลองบ้าคลั่ง ทำให้เราอาจจะไม่ได้นึกถึงในสิ่งที่เขาทำ"
2
"การเป็นกัปตันทีม คุณต้องทำให้ทุกคนเห็นในสนาม ต้องเป็นตัวอย่างให้เพื่อนดู ว่าต้องสู้ตายอย่างไร ถึงจะคัมแบ็กกลับมาจากสถานการณ์เลวร้ายได้ ประตูของเขา แน่นอน มันสำคัญมาก เพราะมันเป็นโมเมนต์ที่พลิกเกมให้เรายังไม่แพ้ แต่สิ่งที่เหนือกว่าประตู คือการเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม นี่คือเหตุผลที่เขา เป็นหนึ่งในผู้นำทีมที่โดดเด่นที่สุดของเรา"
1
จากวันนั้นมา คล็อปป์ก็ชัดเจนแล้วว่า เฮนเดอร์สัน จะเป็นกัปตันของทีมชุดนี้ ในเกมที่หงส์แดงแพ้เบิร์นลีย์ 2-0 ที่เทิร์ฟ มัวร์ นักข่าววิจารณ์ยับว่าเฮนเดอร์สันทำทีมพัง
สื่อหลายสำนักด่ากระจุย เช่น This is Anfield เขียนบทความว่า "ตอนที่เขาได้ปลอกแขนกัปตันทีม ไม่มีใครคาดหวังว่าเฮนเดอร์สันจะแทนที่ผลงานอันยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ดได้ แต่ถ้าเขายังอยากอยู่ในทีมชุดใหญ่ต่อไป ในฐานะกัปตันทีมด้วย เขาต้องยกระดับผลงานมากกว่นี้ ให้เข้าใกล้ผู้ชายที่เขารับตำแหน่งต่อ อีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี"
แต่คล็อปป์ออกมาปกป้องว่า "ถ้าผมสงสัยในตัวเขาแม้แต่นิดเดียว เขาคงจะไม่ได้อยู่กับทีมนี้แน่นอน"
คล็อปป์มีความมั่นใจ ตรงกันข้ามกับเฮนเดอร์สัน ที่มักจะคิดว่าตัวเองไม่ดีพออยู่เสมอ โดยเฉพาะปลายฤดูกาล 2015-16 เขาได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง คราวนี้ที่หัวเข่า ต้องพักยาว 1 เดือน พอเขาหายกลับมาปั๊บ ลิเวอร์พูลมีโปรแกรมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศยูโรป้าลีก กับเซบีญ่า ที่บาเซิล
เกมนั้นคล็อปป์เลือกใช้ เอ็มเร่ ชาน, เจมส์ มิลเนอร์ และ อดัม ลัลลาน่า ยืนเป็นสามกองกลาง ส่วนเฮนเดอร์สันเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น และไม่ได้ลงเล่นเลยตลอด 90 นาที
ในวันนั้น เขาผิดหวังมาก ที่ไม่มีส่วนกับนัดชิงชนะเลิศ และเกิดความคลางแคลงใจ ว่าตัวเองอยู่ในแผนของคล็อปป์จริงๆ หรือเปล่า เฮนเดอร์สันกล่าวว่า "เมื่อคุณไม่ได้ลงเล่น มันยากนะ ที่จะคิดว่าคุณเป็นผู้นำของทีมนี้"
หลังจบเกมที่บาเซิล เฮนเดอร์สันต้องการรู้สิ่งที่อยู่ในใจของคล็อปป์ ว่าเขายังอยู่ในแผนหรือไม่ บอกมาตรงๆ ได้เลยเขารับได้
"ผมอยากจะคุยกับเจอร์เก้น แต่หาจังหวะไม่ได้ ตอนเราบินกลับจากบาเซิล มาถึงสนามบินลิเวอร์พูล ทุกคนก็จะขึ้นรถบัส เพื่อไปเอารถของตัวเองที่จอดไว้ที่เมลวู้ด ซึ่งพอไปเอารถแล้ว เราจะแยกย้ายกันไป แล้วเจอกันอีกทีในฤดูกาลหน้า ซึ่งความคิดก็วนเวียนในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าผู้จัดการทีมคิดกับผมแบบไหน ผมอยากรู้ความแน่ชัดวันนี้เลย ไม่งั้นผมต้องบ้าแน่ๆ ในช่วงปิดฤดูกาล"
"เมื่อถึงเมลวู้ด ผมรีบไปหาเจอร์เก้น แล้วบอกว่า ขอเวลาคุยกันส่วนตัว 10 นาทีได้ไหม ที่ออฟฟิศของเขา เมื่อผมเดินเข้าไป ผมก็ระบายทุกสิ่งออกมา มีความโกรธผสมอยู่ด้วย เพราะฟุตบอลและสโมสรลิเวอร์พูลคือชีวิตของผม สิ่งที่ผมวันนั้นคือวันแตกหักเลย ว่าผมจะอยู่หรือย้ายไปจากทีม"
1
"จริงๆ ความเครียดของผม ถูกสั่งสมมานานหลายเดือนแล้ว ผมต้องสู้กับอาการบาดเจ็บ และมีแต่คนคลางแคลงใจในความสามารถ ผมบอกเจอร์เก้นว่า เขายังไม่ได้เห็นผมในช่วงฟอร์มดีที่สุด แต่ถ้าเขาไม่ต้องการผมแล้วก็บอกมาตรงๆ ได้เลย ผมแค่อยากรู้ว่า ผมยังอยู่ในแผนของสโมสรหรือเปล่าในฤดูกาลหน้า"
เจอร์เก้น คล็อปป์ ฟังทุกอย่างจนจบอย่างเยือกเย็น แล้วตอบกลับมาแค่ 3 คำเท่านั้น คือ "Yes, You are" (ใช่สิ นายอยู่ในแผนของเรา)
1
เฮนเดอร์สันในปีแรก แบกรับแรงกดดันอย่างมากในฐานะกัปตันทีม เขาโดนเอาไปเปรียบเทียบกับเจอร์ราร์ดตลอดเวลา ร่างกายก็บาดเจ็บบ่อย แถมพอลงเล่น ก็เล่นไม่ออกซะหลายเกม นั่นทำให้เขาเครียดมาก จนฟุ้งซ่าน เวิ่นเว้อ มองข้ามข้อดีของตัวเอง
แต่ทุกอย่างก็สงบได้ ด้วยคำพูดสามคำของคล็อปป์ และจากวันนั้นมา เฮนเดอร์สันก็ตั้งสติได้ กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และเริ่มเข้าใจบทบาทของการเป็นกัปตันทีมดีขึ้นกว่าเดิมอีกนิด
1
เฮนเดอร์สัน เริ่มรู้ว่า อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เขาต้องมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และเป็นกัปตันในรูปแบบของตัวเอง
1
"ผมรู้ว่า ผมไม่สามารถแทนที่สตีวี่ได้ เขาคือผู้เล่นเบอร์หนึ่งของทีม เขาสามารถสร้างความแตกต่างในสนามได้ แต่นั่นไม่ใช่แนวทางของผม สิ่งสำคัญคือผมต้องไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใคร"
1
การเป็นกัปตันทีมมีหลายแบบ บางทีมจะมอบให้คนที่เก่งกาจที่สุดเป็นกัปตัน ซึ่งเฮนเดอร์สัน รู้ว่าเขาไม่ใช่คนนั้น
1
"ผมไม่ใช่หลุยส์ ซัวเรซ, ไม่ใช่สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไม่ใช่เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ ไม่ใช่ โม ซาลาห์ ความสำเร็จของทีม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองแค่นั้นเอง ผมไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราชนะ ถ้าผมไม่ใช่กัปตัน ถ้าผมไม่ได้อยู่กับลิเวอร์พูล ทุกคนก็จะพาทีมคว้าแชมป์อยู่ดี"
1
แต่สิ่งที่เขาเป็นได้ คือแบบอย่างที่ดี เป็นคนที่เพื่อนร่วมทีมเชื่อใจได้ และเป็นคนที่จะดึงเอาศักยภาพของทุกคนออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนบทบาทฮีโร่ เป็นหน้าที่ของผู้เล่นคนอื่นได้เลย ไม่มีปัญหา
1
"ผมอยากช่วยเพื่อนร่วมทีม อยากจะอยู่ตรงนั้นเสมอ ถ้าพวกเขาต้องการ ถ้าใครมีอะไรกวนใจ ผมจะช่วยเคลียร์ปัญหาให้ ผมพร้อมอุทิศตนเพื่อเพื่อนร่วมทีมได้ทุกเรื่อง"
1
"ผมไม่ต้องการสิทธิพิเศษในฐานะกัปตันทีม ผมแค่ต้องการรวมกลุ่มผู้คนเข้าไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และทำให้พวกเราแข็งแรงจนใครก็มาหักโค่นไม่ได้ ผมอยากให้เพื่อนๆ มองผม และรู้ว่า 'ใช่ เราเชื่อใจ จอร์แดนได้ เราจะยอมตายเพื่อเขา เพราะเขาก็จะยอมตายเพื่อเราเหมือนกัน' ผมต้องการสร้างสายสัมพันธ์แบบนั้นขึ้นมา นั่นคือวิธีที่ผมอยากจะเป็นผู้นำของทีมนี้"
1
หลังจากผ่านวิกฤติชีวิตในปีแรกของคล็อปป์มาได้ เฮนเดอร์สัน กลายเป็นขุนพลคู่ใจของเจอร์เก้น คล็อปป์มาโดยตลอด จนได้รับการแซวว่าเป็น Mini-Manager คอยช่วยบอสจัดแจงทุกอย่างใน Squad
1
เรื่องในสนามเขาเล่นดี แม้จะไม่เด่นที่สุด แต่จุดแข็งจริงๆ คือเรื่องนอกสนาม โดยเป๊ป ไลน์เดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเคยกล่าวไว้ว่า "นิยามของเฮนเดอร์สันในพจนานุกรม คือ 'ความมุ่งมั่น' เขามีพลังที่จะขับเคลื่อนทีมนี้ เขาพร้อมนำพาทุกคนไปสู่ระดับที่พวกเราไม่คาดคิดว่าจะไปถึงได้ เขาคือหัวหน้าหน่วยรบของกองพัน"
2
ในทีมฟุตบอล ถ้าคุณอยากไปถึงจุดสูงสุดได้ คุณต้องมีนักเตะแบบนี้อยู่ในทีม Fighter และ Leader ซึ่งเมื่อคล็อปป์เจอมันในตัวเฮนเดอร์สัน เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนตำแหน่งกัปตันทีมอีกเลย
1
แม้คุณจะไม่ใช่คนเก่งที่สุดในทีม แต่ถ้าคุณดึงศักยภาพของทุกคนออกมาให้เล่นดีที่สุดได้ นั่นล่ะ คือนิยามของกัปตันในฝันของคล็อปป์แล้ว
1
[ จบ : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ep. 1 ]
โฆษณา