21 ก.ค. 2023 เวลา 08:18 • สิ่งแวดล้อม
ยุโรป

ยุโรปลุกเป็นไฟ ด้วยไฟป่าโหมหนัก สถานการณ์คลื่นความร้อนยังวิกฤต

เป็นเวลาราว 1 สัปดาห์แล้ว ที่หลายประเทศในภูมิภาคยุโรปเผชิญกับวิกฤตไฟป่าครั้งใหญ่ที่รุนแรงในระดับที่พบเห็นได้ยากและแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีตัวการสำคัญมาจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงผิดปกติ อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
คลื่นความร้อนดังกล่าวทำให้โปรตุเกสต้องเจอกับอุณหภูมิที่สูงถึง 47 องศาเซลเซียส และในสเปนอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส และก่อให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ ขณะนี้นักผจญเพลิงในโปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส กรีซ และโมร็อกโก ยังคงพยายามต่อสู้กับไฟป่าอยู่
ในโปรตุเกส เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งในมณฑลเลเรีย ซานตาเรม และปอร์ตาเลเกรทางตอนกลางของประเทส ฟาโรทางตอนใต้ของประเทศ และพื้นทื่ทางเหนือบางส่วน
ก่อนหน้านี้มีช่วงที่อุณหภูมิเฉลี่ยโปรตุเกสลดลงมาจาก 47 องศาเซลเซียสเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลานั้นในการดับไฟที่ยังเหลืออยู่ทางตอนเหนือของประเทศ
สถาบันอุตุนิยมวิทยาโปรตุเกส คาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 42 องศาเซลเซียส แม้จะลดลงมาจากความร้อนก่อนหน้านี้ แต่ อังเดร เฟอร์นันเดส ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันพลเรือน กล่าวว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่ายังคงมีสูงมาก
“นี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง” เขากล่าว และเสริมว่า หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ซึ่งมีผู้เสียชีวิตโดยตรงจากเหตุไฟป่า 2 คนและบาดเจ็บมากกว่า 60 คน และเผาพื้นที่ป่าไปแล้วมากถึง 150 ตารางกิโลเมตร
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากความร้อนหรืออุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นในประเทศ ซึ่งสูงถึง 659 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในสเปนได้เผาผลาญพื้นที่อย่างน้อย 140 ตารางกิโลเมตรแล้ว และสมาชิกหน่วยฉุกเฉินทางทหารของสเปนมากกว่า 600 คนได้ช่วยเหลือนักดับเพลิงและเจ้าหน้าที่พิทักษ์สัตว์ป่าในการจัดการกับไฟป่าหลายสิบจุดทั่วประเทศ
สเปนพบไฟป่าทั้งบริเวณเทือกเขาเซียร์รา เดอ มิฮาส ใกล้เมืองมาลากาทางใต้ของประเทศ รวมถึงในแคว้นกาลิเซีย แคว้นคาสตีลและเลออน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และแคว้นและเอ็กซ์เตรมาดูรา ทางตะวันตกของประเทศ
ไฟป่ายังส่งผลกระทบต่ออุทยานแห่งชาติมอนฟาเกวในแคว้นเอ็กซ์เตรมาดูลา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและประชากรสัตว์ปีกที่อุดมสมบูรณ์
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟป่าโดยตรงในสเปนเบื้องต้นมี 1 ราย แต่ผู้ที่เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่อย่างน้อย 360 ราย
ด้านฝรั่งเศส เกิดไฟป่าในภูมิภาคฌีฮองด์ของแคว้นนูแวลากีแตน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสซะเป็นส่วนใหญ่ ทำลายพื้นที่ไปแล้วกว่า 100 ตารางกิโลเมตร มีประชาชนต้องอพยพกว่า 14,000 คน
พ.ต.ท. โอลิวิเยร์ ชาวัตเต จากหน่วยดับเพลิงและกู้ภัย กล่าวว่า “มันเป็นงานที่ยากลำบาก” พร้อมบอกว่า ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1,200 คนและเครื่องบินอีก 5 ลำปฏิบัติการอยู่
รัฐบาลฝรั่งเศสได้เพิ่มความพยายามในการปกป้องผู้คนในบ้านพักคนชรา คนไร้บ้าน และประชากรกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ หลังจากคลื่นความร้อนที่เลวร้ายเมื่อปี 2003 ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 15,000 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุ
ในบ่ายวันอาทิตย์ (17 ก.ค.) ทางการภูมิภาคฌีฮองด์กล่าวว่า สถานการณ์ยังคง “ไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งในการควบคุมเพลิง” เนื่องจากมีลมกระโชกแรงที่ช่วยให้เปลวไฟลุกลามมากขึ้นในชั่วข้ามคืน
เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยังเตือนด้วยว่า อุณหภูมิที่สูงและลมที่จะแรงจนถึงวันนี้ (18 ก.ค.) จะทำให้มีความยากลำบากในการพยายามหยุดไฟไม่ให้ลุกลาม
ในกรีซ กองกำลังป้องกันพลเรือนได้เร่งดับไฟที่โหมกระหน่ำบนเกาะครีตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่โมร็อกโกก็กำลังต่อสู้กับไฟป่าบนภูเขาทางตอนเหนือที่คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 1 ราย และบังคับให้ต้องอพยพผู้คนกว่า 1,000 ครัวเรือน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไฟป่าที่รุนแรงในยุโรปนี้ มาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลง เกิดคลื่นความร้อนบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น และยาวนานขึ้น ทำให้เกิดอุณหภูมิสุดขั้วที่ก่อให้เกิดไฟได้ง่ายและคุมเพลิงได้ยาก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้แน่นอนว่าตัวการที่แท้จริงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง โดยที่ผ่านมา โลกได้ร้อนขึ้นแล้วประมาณ 1.1 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้น และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เว้นแต่รัฐบาลทั่วโลกจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลได้
นอกจากไฟป่า คลื่นความร้อนยังทำให้เกิดภัยแล้งในอิตาลี ส่งผลต่อภาคการเกษตรโดยตรง และก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งเกิดเหตุหิมะบนเทือกเขาแอลป์ถล่มลงมา จนมีนักปีนเขาเสียชีวิตหลายราย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บอกว่า เป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน
เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian
ภาพจาก AFP และ www.pptvhd36.com
โฆษณา