22 ก.ค. 2023 เวลา 04:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ

5 เกณฑ์โหวต ETF เข้าพอร์ต

#กินอะไรดี ประโยคคำถามที่เราเจอกันอยู่เกือบทุกวัน
แต่มันก็น่าแปลกนะครับ ที่คำถามง่ายๆ แบบนี้ ไม่เคยตอบง่ายเลย 😅
เพราะทันทีที่เราจะ #ต้องเลือก เราจะเกิดอาการ #ลังเลใจ ยิ่งดีทั้งคู่ ยิ่งสองจิตสองใจ อาการ #รักพี่เสียดายน้อง ก็เกิดขึ้น
…แต่ #ชีวิตต้องเลือก เป็นสิ่งที่เราทุกคนเจออยู่ทุกวัน และแทบจะหลีกเลี่ยงการ #โหวต ตัวเลือกต่างๆ ในชีวิตไม่ได้เลย
เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง จะเดินทางด้วยถนนเส้นไหนดีที่รถจะไม่ติด ไปจนถึงเรื่องใหญ่ระดับประเทศที่เป็นประเด็นให้ต้องติดตามในช่วงนี้อย่างการ #โหวตนายก เข้าสภา 😱
…ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ ก็ต้องเลือกให้ดีที่สุด เพราะทุกการตัดสินใจแลกมาด้วย #ความเสี่ยง
💕ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยเสี่ยงกว่า แล้วจะเลือกยังไงให้เสี่ยงน้อยสุด
อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ของ #นักลงทุน ที่ต้องเลือกให้ดี เลือกให้ตรงกับความเสี่ยงที่เรารับได้ ให้เราลงทุนได้อย่างสบายใจ และเงินทำงานได้อย่างเต็มที่ 🥹
ความท้าทายอย่างหนึ่งของการ #ลงทุน คือ ตัวเลือกมันเยอะมากครับ
ตัวอย่างเช่น #ETF ส่วนผสมระหว่างกองทุนและหุ้น ที่จับกลุ่มหุ้นมาให้คุณแล้ว ยังมีให้คุณเลือกกว่า 8,724 กองทุนทั่วโลก ตามข้อมูลของ Statista ปี 2022 ครับ
🚩กดโหวต 8,000 กว่ากองให้เหลือกองที่ดีที่สุด
…แล้วถ้าชีวิตต้องเลือก ETF เราจะทำยังไงได้บ้างให้คัดกว่า 8,000 กองให้เหลือแต่กองคุณภาพ ?
😎 เลือกได้ดี ต้องมีเกณฑ์
2 ตัวเลือกยังตัดสินใจลำบากเลยใช่ไหมครับ…
ถ้าจะคัดเลือกอะไรจาก 8,000 กว่าตัวเลือกก็ต้องมีกฎเกณฑ์กันหน่อย
การคัดเลือก ETF มีเกณฑ์อยู่ครับ…
และก็เป็นตัวอย่างที่ดีด้วย เพราะนอกจากคุณจะเอาไปใช้คัด ETF แล้ว ก็ยังสามารถเอาไปดัดแปลงใช้กับประเภทการลงทุนอื่นๆ ได้ด้วย
#5 เกณฑ์ กดโหวต ETF แบบไหนที่ผ่านมติได้
1️⃣ ดัชนีถูกต้อง นโยบายถูกใจ
ก่อนคุณจะตัดสินใจลงทุน ต้องอ่านนโยบายของ ETF กองนั้นๆ ให้ละเอียดครับ
ETF หรือ Exchange Traded Funds คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด และสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดได้เหมือนหุ้นครับ 💸
ในโลกนี้มี #ดัชนีอ้างอิง เยอะแยะมากมายครับ เราอาจจะเริ่มจากกลุ่มประเทศที่สนใจก่อน จากนั้นจึงค่อยแยกย่อยลงไปในแต่ละดัชนี หรือจะเจาะจงไปที่อุตสาหกรรมก็ได้ครับ มีดัชนีที่อ้างอิงเช่นกัน
และไม่ใช่แค่หุ้นนะครับ ยังมีดัชนีที่อ้างอิงในกลุ่มของ พันธบัตรหรือหุ้นกู้อีกด้วย
…เมื่อเราได้ดัชนีที่เราสนใจแล้ว อาจจะค่อยมาดูครับว่า ดัชนีเหล่านั้น มี #ความเสี่ยง มากหรือน้อยแค่ไหน เรายอมรับได้รึเปล่า หรือมี #การเติบโต ในแบบที่เราพอใจหรือไม่ 🤩
นอกจากดูดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็มาดูต่อครับว่า ETF กองนั้นลงทุนอะไรบ้าง มี #นโยบาย ลงทุนยังไง เพราะมี ETF หลายตัว หลายบริษัท ที่ใช้ดัชนีอ้างอิงเดียวกัน ถ้าไม่ดูให้ละเอียด เราอาจจะลงทุนซ้ำซ้อนกันได้ครับ
2️⃣ ผลงานจะต้องดี
คำว่า #ผลงานดี ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำผลตอบแทนได้เยอะๆ แต่เป็นการทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุดต่างหากครับ 🤗
ต้องไม่ลืมว่า ETF ถูกสร้างมาเพื่อทำผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีอ้างอิง นักลงทุนจึงคาดหวังผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงที่เลือก
ผลงานจะดีหรือไม่ สามารถดูได้จากค่า Tracking Error ถ้าสูงเกินไป ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น ทำให้ ETF ตัวนั้นทำผลตอบแทนได้ไม่เท่า หรือใกล้เคียงกับดัชนี แสดงว่า ETF นั้นมีผลงานที่ไม่ดีครับ
3️⃣ จะต้องเป็นที่นิยม
เป็นที่นิยมในที่นี้คือ การมีสภาพคล่องสูงครับ 💰
#สภาพคล่องสูง คือ ถ้าวันนึงคุณไม่ต้องการ ก็ยังคงมีคนอื่นที่สนใจ ซึ่งดูได้ง่ายๆ จากจำนวน #AUM (Asset Under Management) ครับ ยิ่ง AUM สูงยิ่งแสดงให้เห็นว่า ETF ตัวนั้นมีคนเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก
นอกจากจำนวน AUM แล้ว ปริมาณการซื้อขายต่อวันที่สูง และช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับเสนอขายที่ต่ำ ก็สามารถสะท้อนให้เห็นได้ครับว่า ETF ตัวนั้นเป็นที่ต้องการมากแค่ไหน
การที่ ETF ที่คุณถืออยู่ เป็นที่นิยม ก็จะทำให้คุณบริหารจัดการพอร์ตได้ง่ายขึ้นมากครับ 🌟
เมื่อมีความจำเป็นในการปรับพอร์ตหรือกลยุทธ์ลงทุน ก็สามารถขายได้ทันที ไม่ต้องมาลดราคาเพื่อรอขายให้มีคนต้องการ
4️⃣ มีประสบการณ์
ETF ตัวนั้นมี #อายุเท่าไหร่ เปิดตัวมานานแค่ไหน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง 🎂
เพราะแม้ผลตอบแทนในอดีตจะไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่ก็สามารถดูได้ว่า ETF กองนั้นบริหารเป็นยังไงครับ
ยิ่งเปิดตัวมานาน ก็จะได้เห็นว่าผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแบบไหน ผลตอบแทนในช่วงนั้นเป็นอย่างไร เราก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดขึ้นด้วย
โดย ETF แรกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั่นก็คือ SPY ซึ่งจดทะเบียนตั้งแต่เมื่อปี 2536 ปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยม และมี AUM สูงที่สุดในโลก 🥹
5️⃣ ไม่ผลาญงบประมาณโดยไม่จำเป็น
งบประมาณที่ว่านี้ก็คือเงินลงทุนของคุณนั่นเองครับ
เมื่อคุณนำเงินมาลงทุน ก็ต้องคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่หาก ETF ที่ลงทุนอยู่นั้น มีค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมที่สูงเกินความจำเป็น ก็จะทำให้ผลตอบแทนที่ควรได้ ลดลง 😭
โดยปกติแล้ว ETF จะเป็นการลงทุนแบบ Passive fund ที่เน้นทำผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีตลาด ค่าธรรมก็จะต่ำกว่าการลงทุนแบบ Active fund ที่พยายามเอาชนะตลาดอยู่แล้ว
 
ซึ่งค่าใช้จ่ายของ ETF แต่ละตัวจะถูกรวมอยู่ใน อัตราค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ครับ แต่นอกเหนือจาก ตัว Expense Ratio แล้ว คุณก็ต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ที่จะถูกคิดโดย Broker ที่คุณเลือก
ถ้า ETF ในใจคุณผ่าน 5 เกณฑ์นี้ โหวตเข้ารอบแรกมาได้ ก็ถือว่าคุณได้ตัวเลือกที่มีคุณสมบัติที่ควรมีแล้วครับ
..แต่คุณอาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น ราคา หรือ iNAV (Indicative Net Asset Value) ที่ช่วยประเมินมูลค่าของ ETF ตัวนั้นๆ ด้วย
รวมถึงประเด็นความเหมาะสมอื่นๆ ว่าจะตรงใจ ตรงตามความต้องการ หรือกลยุทธ์การลงทุนของคุณมากแค่ไหน
💎 ทุก ETF ที่ Jitta Wealth เลือกให้…ผ่านทุกเกณฑ์ที่กล่าวมา
ปัจจุบัน Jitta Wealth มี ETF ให้เลือกลงทุนมากมาย ทั้ง ETF ที่จะช่วยให้คุณได้ลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก และตราสารหนี้คุณภาพดี รวมไปถึง ETF ที่เกี่ยวข้องกับธีมเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต
ทุก ETF ที่เราคัดกรองมาให้คุณลงทุน มี #คุณภาพดี และ #ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก อย่างละเอียด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้ลงทุนใน ETF ที่ดีที่สุดตามความคาดหวังของคุณ
เราต้องการช่วยคุณ #ประหยัดเวลา ทำให้ชีวิตคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพด้วยระบบ #ปรับสัดส่วนอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างพอร์ตลงทุนของคุณมากที่สุด 🤩
หากคุณสนใจลงทุนใน ETF ที่ผ่านการคัดเลือกด้วยเกณฑ์ทั้ง 5 นี้แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Global ETF ที่จะช่วยให้คุณได้ลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกตามความเสี่ยงที่คุณรับได้ 🌎 jittawealth.com/global-etf
หรือนโยบาย Thematic ที่จะพาพอร์ตคุณเติบโตไปกับเมกะเทรนด์สำคัญๆ สู่โลกอนาคตได้ที่ 🚀 jittawealth.com/thematic
คุณมั่นใจได้ว่า เรามุ่งหวังที่จะคัดสรรการลงทุนที่ดีที่สุด มามอบให้คุณเสมอ ขอให้ลงทุนกันอย่างมีความสุขครับ 🥰
โฆษณา