23 ก.ค. 2023 เวลา 02:26 • ความคิดเห็น
มันเป็นความอหังการ์ของมนุษย์ ที่คิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันมีตัวตนขึ้นมาได้ ก็เพราะการรับรู้ของมนุษย์ ถ้าไม่มีมนุษย์แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็ไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครรับรู้
1
ดั่งเช่นต้นไม้ล้มลงในป่า มันย่อมมีเสียงปะทะกันระหว่างวัตถุ ไม่ว่าจะมีมนุษย์มารับรู้หรือไม่ เสียงเกิดขึ้นแน่นอน แต่เสียงนี้ไม่มีความหมายกับอะไรเลย นอกจากเรียกร้องความสนใจของสัตว์ที่อยู่ใกล้
มนุษย์มีสมองที่ฉลาด ดังนั้นการปฏิสัมพันธ์กับโลกใบนี้ มันจะซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สัตว์เมื่อได้ยินเสียงต้นไม้ล้ม มันแค่รับรู้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับมันหคือไม่ ถ้าไม่มี มันก็หมดความสนใจ แต่ถ้ามี มันก็เตรียมสู้หรือไม่ก็หนี ปฏิกิริยาก็ง่ายๆ
สำหรับคนเรา มันไม่ง่ายอย่างนี้ มันมีการสร้างเรื่องราว ทั้งในแง่ข้อเท็จจริง และในแง่ต่อเติมเสริมแต่ง เหมือนที่ในอดีต ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เราอธิบายไม่ได้ เราก็สมมุติเรื่องราวมาอธิบาย ดั่งเช่นฟ้าร้องฟ้าผ่า ก็มีเรื่องราวของเมขลา
จิตของมนุษย์ไม่ใช่รับรู้และสะท้อนสิ่งที่รับรู้เท่านั้น มันจะมีการเสริมต่อ ตัดแต่งเรื่องราวให้มันพิสดารมากขึ้น ตามจริตของคนเขียนเรื่องราว
1
จุดสำคัญคือ คนเราไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้ ความคลุมเครือทำให้เกิดความกังวล ความกลัว และความไม่มั่นคง ดังนั้นมนุษย์จึงพยายามอธิบายปรากฏการณ์ทุกอย่าง ด้วยการปรุงแต่งคำตอบ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจ
1
รู้อย่างนี้แล้ว จะได้ระวังว่า ความคิดในสมองของเรานั้น ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด สมองมันขี้โกหก เราจึงต้องคอยตรวจสอบมันอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ชุดข้อมูล ที่มันล้าสมัยแล้ว เป็นตัวกำหนดกรอบความคิดที่ผิดๆให้กับเรา
1
คิดผิด ชีวิตเปลี่ยนครับ
1
โฆษณา