24 ก.ค. 2023 เวลา 11:40 • ท่องเที่ยว

อรุณรุ่ง ที่ภูเขาไฟโบรโม่ .. เกาะชวา

พระอาทิตย์ขึ้นที่ Mount Bromo ..
ภูเขาไฟโบรโม (รู้จักกันในชื่อ Gunung Bromo ในภาษาท้องถิ่นของ Bahasa) .. หนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ยังมีหัวใจรักการผจญภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปเฝ้าดูพระอาทิตย์ขึ้น
Mount Bromo .. เป็นภูเขาไฟตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมแทงเกอร์เซอเมรู (Bromo Tengger Semeru) ในจังหวัดชวาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตสงวนที่ได้รับการคุ้มครอง และเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 800 ตารางกิโลเมตร
ตั้งอยู่ ณ ความสูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 2392 เมตร .. แม้จะไม่ใช่จุดสูงสุดของเทือกเขา แต่มีชื่อเสียงที่สุด พื้นที่นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในชวาตะวันออก
Mount Bromo .. เป็นภูเขาไฟที่ยังมีชีวิต 1 ใน 400 ลูกของประเทศอินโดนีเซีย การปะทุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2547 และตั้งแต่ช่วงปลาย พ.ศ. 2553 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวใจสู้จำนวนไม่น้อยลุยขึ้นไปพิชิตยอดเขา และดื่มด่ำกับธรรมชาติสุดแสนจะมหัศจรรย์ด้วยตาตัวเอง
Photo : Internet
“โบรโม” .. มาจากตัวสะกดในภาษาชวาของคำว่า "พรหม" ซึ่งเป็นพระนามของเทพเจ้าผู้สร้าง ในศาสนาฮินดู ที่ปากปล่องมีเทวรูปพระพิฆเนศวรเทพเจ้าแห่งปัญญาของชาวฮินดูที่ชาวชวา นับถือบูชา ..
ในวัน ที่สิบสี่ของเทศกาล Yadnya Kasada ของชาวฮินดู ชาว Tenggerese แห่ง Probolinggo Regency ชวาตะวันออกเดินทางขึ้นไปบนภูเขาเพื่อถวายผลไม้ ข้าว ผัก ดอกไม้ และปศุสัตว์บูชายัญแด่เทพเจ้าบนภูเขาโดยโยนพวกมันลงในแคลดีราของภูเขาไฟ ต้นกำเนิดของพิธีกรรมอยู่ในตำนานศตวรรษที่ 15 บนที่ราบทราย มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า Segara Wedi (มหาสมุทรทรายสว่างไสว)
และในเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีเทศกาล Yadnya Kasada ชนชาวพื้นเมืองจะเดินเท้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟ และประกอบพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าโดยการโยนอาหาร ดอกไม้ และสัตว์บูชายัญลงในแอ่งภูเขาไฟ
.. ภายในปล่องภูเขาไฟมีภูเขาไฟทั้งหมด 5 ลูก ได้แก่ ภูเขาไฟโบรโม (2,329 ม.) ภูเขาไฟบาต็อก (2,470 ม.) ภูเขาไฟเคอร์ซี (2,581 ม.) ภูเขาไฟวาตังกัน (2,661 ม.) และภูเขาวิโดดาเรน (2,650 ม.)
กิจกรรมไฮไลท์ของการมาเที่ยวโบรโม่นั้น แน่นอนว่าจะต้องเป็นการ พิชิตยอดเขา รวมถึงการ ชมอาทิตย์ขึ้น ในยามรุ่งสาง .. เราจะต้องเดินทางไปเตรียมตัวที่นั้นก่อนประมาณตี 3 - ตี 5 เพื่อรอชมแสงแรกของวันที่ค่อยๆ สาดส่องลงบนทิวเขา และทะเลหมอกสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
รถจี๊ป คือพาหนะที่เราใช้ในการเดินทางไปชมความสวยงามหัศจรรย์ของโบรโม่ .. ซึ่งหากจะไปให้ทันการเก็บภาพประทับใจและแสงสวยๆในจังหวะที่ดีที่สุดนั้น เราต้องตื่นเช้ามากๆและกะเวลาเผื่อในการหาโลเคขั่นเหมาะๆ
เรามาถึงทางขึ้นไปที่ “คิงคองฮิลล์” อันเป็นสถานที่ที่เราเลือกที่จะไปเก็บภาพในขณะที่บรรยากาศรอบๆตัวยังถูกโอบกอดด้วยความมืด ..
แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ มีคนจำนวนมากที่มีอารมณ์ร่วมกับเรา และมารวมกัน ณ ที่นี้อย่างมากมายมหาศาล เห็นได้จากจำนวนรถหลายร้อยคันที่จอดอยู่ข้างถนน โดยมีร้านรวงขนาดเล็กมากมายที่ตั้งเรียงรายตามสโลปภูเขาเพื่อให้บริการห้องน้ำ และเครื่องดื่ม
ภูเขาไฟโบรโม ตั้งอยู่ที่ความสูงที่ไม่มากนัก เดินทางถึงยอดเขาไม่ยาก .. แต่ก็ต้องเดินขึ้นไปตามทางชัน ดังนั้นรถจักรยานยนต์นับร้อยคัน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีบริการให้กับคนที่ไม่ต้องการเดินขึ้นเนิน โดยต้องจ่ายค่าบริการประมาณ 10000-20000 รูเปี๊ยะต่อคน
กองทัพนักท่องเที่ยวนับพัน คือ สิ่งที่รอเราอยู่เมื่อเราขึ้นมาถึงบริเวณที่สามารถมองเห็นภูมิประเทศอันเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟโบรโม่ .. รู้ได้ทันทีว่าสถานที่นี้เป็นที่นิยมมากเพียงใด
.. เราเดินหาที่ตั้งเหมาะๆเพื่อเก็บภาพที่เราต้องการ
ทิวทัศน์โดยรอบสวยแปลกตา น่าพิศวงและอัศจรรย์ใจ .. ยามเมื่อภาพของภูเขาไฟโบรโม่และทิวทัศน์รอบๆผ่านเข้ามาในสายตาครั้งแรก และอารมณ์ของเราทุกคนในขณะนี้คงไม่ต่างไปจากคนนับล้านๆคนที่ได้เดินผ่านเข้ามาในเส้นทางเดียวกับเราในวันนี้
ภูเขาโบรโม แม้จะมีขนาดเล็กเมื่อวัดกับภูเขาไฟอื่นๆ ในอินโดนีเซีย .. แต่ภูเขาโบรโมอันงดงามจะไม่ทำให้ใครผิดหวัง ด้วยความงามอันน่าอัศจรรย์ของภูเขาลูกนี้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าทึ่งมากมาย
Mount Bromo ตั้งอยู่กลางปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เรียกว่า 'Sea of Sand' ซึ่งเป็นเขตสงวนที่ได้รับการคุ้มครอง ภายในปล่องภูเขาไฟมีภูเขาไฟทั้งหมด 5 ลูก ได้แก่ ..
.. ภูเขาไฟโบรโม (2,329 ม.) ภูเขาไฟบาต็อก (2,470 ม.) ภูเขาไฟเคอร์ซี (2,581 ม.) ภูเขาไฟวาตังกัน (2,661 ม.) และภูเขาวิโดดาเรน (2,650 ม.) .. เห็นได้จากความสูงต่ำของของภูเขาหลายลูกที่เรียงราย .. ปรากฏเห็นได้ในสายตาทุกคู่ที่เฝ้ามอง
โบรโม่ ไม่ใช่ยอดภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและเต็มไปด้วยน้ำแข็ง .. แต่ในเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ที่มีทะเลหมอกปกคลุมเคลียคลอโอบกอดรอบขุนเขา ..
แสงสีแดง ส้ม เหลืองทองหลายเฉดสีมลังเมลือง ทำให้ความงดงามนั้นกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม รวมถึงทำให้ที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 10 ที่เที่ยวยอดนิยมของอินโดนีเซีย
พระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาโบรโม่ในเช้าวันนั้น ยิ่งใหญ่ .. มีมุมมองที่ชัดเจนจากภูเขาโบรโมสำหรับภาพถ่ายทิวทัศน์ เป็นความงามที่สมบูรณ์แบบมาก
ภูเขาโบรโมตั้งอยู่กลางที่ราบที่เรียกว่า "ทะเลทราย" (ชวา: Segara Wedi หรืออินโดนีเซีย: Lautan Pasir) ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ได้รับการคุ้มครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462
'ทะเลทราย' ที่ด้านล่างของปล่องภูเขาไฟ คนในท้องถิ่นเรียกว่า Lautan Pasir ซึ่งแปลว่าสิ่งเดียวกันในภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย
เราเดินทางลงมาที่บริเวณทะเลทราย ท่ามกลางอุณหภูมิที่เริ่มสูงขึ้น .. บริเวณนี้มีกองทัพของรถจี๊ปมากมายเช่นเคย แต่ละคันพยายามหาจุดที่เหมาะสมให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูป
ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ โดยมีสันเขาสูงชันของภูเขาไฟ Widodaren เป็นฉากหลัง
การนั่งรถจี๊ปในทะเลทรายที่ภูเขาไปโบรโม่ เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ต้องไม่พลาด..
สนุกสนานมากกับการโพสท่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ทะเลทรายแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะต้องผ่านมันไปเพื่อไปยังปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
การเดินทางขึ้นไปยังปล่องภูเขาไฟบนยอดเขา สามารถเดินทางด้วยการขี่ม้า หรือเดินทางเท้าไปก็ได้ค่ะ ซึ่งจะใช้เวลาราว 20-30 นาที ...
ถ้าเดินทางด้วยม้า ม้าก็จะไปส่งแค่ที่ไหล่เขาเท่านั้น ที่เหลือเราก็ต้องเดินทางเท้าขึ้นบันไดไปต่ออีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึงบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ระหว่างทางมีที่พักกลางทางให้นั่งพักเหนื่อย
.. ผู้เขียนไม่ได้ขึ้นไปยอดภูเขา เลยไม่มีภาพมาให้ชมกันค่ะ
การท่องเที่ยว Mount Bromo นับเป็นจุดหมายปลายทางที่สวยงามด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล ..
.. ไม่ว่าจะเป็นการไปชมแสงแรกของพระอาทิตย์ที่โบรโม่ในตอนเช้า ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของธรรมชาติที่งดงามมหัศจรรย์ รวมถึงภาพของท้องฟ้าที่เปลี่ยนสี .. ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน
โฆษณา