24 ก.ค. 2023 เวลา 14:00

วิธีรับมือกับอาการ "burnout" ಠ⁠_⁠ಠ

เมื่อมาพูดถึงคำว่า "burnout" หรือ "เบิร์นเอาท์" นั้นจะเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นจากการทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องและระยะยาว ที่มีความเครียดสูง และภาระงานที่เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่ประสบกับ burnout รู้สึกหมดแรง หมดกำลังใจ และหมดความมุ่งมั่นในการทำงานหรือกิจกรรมที่เคยชอบมาก่อน การเสียเสียงบ่งชี้ถึงสภาพอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในตัวของผู้ประสบความเหน็ดเหนื่อยนี้
บางครั้งการรับรู้ burnout นั้นอาจล่าช้า หรือบางครั้งก็อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ความหนักแน่นของสภาวะนี้ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพในการทำงานของบุคคลได้ นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญทำไมเราควรทราบเกี่ยวกับสภาวะนี้และวิธีการจัดการกับมัน
สาเหตุของ Burnout:
1. ภาระงานที่มากขึ้น: ความเครียดจากงานที่หนักและต้องทำมากขึ้นโดยไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ
2. ความไม่สมดุล: ความไม่สมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกมีความกดดันอย่างมาก
3. ความไม่มั่นคงในงาน: รู้สึกไม่มั่นคงในตำแหน่งงานหรือไม่มีความรู้สึกดีในงานที่ทำ
4. ความไม่มีความรู้สึกอิ่มตัว: ทำงานเป็นเวลานานๆ ทำให้สูญเสียความกระตือรือร้นและความกระฉับกระเฉงในการทำงาน
อาการของ Burnout:
1. ความเมื่อยล้าทางกายและจิตใจ
2. ขาดความน่าสนใจในงานหรือกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ
3. รู้สึกทำใจไม่สบาย มีอารมณ์ไม่ดี หรือมีอารมณ์ต่ำต้อง
4. การนอนไม่หลับหรือมีปัญหาในการนอน
5. การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเบื่อหน่ายในงานที่ต้องทำ
6. การมีปัญหาในสัมพันธภาพที่ทำงาน
7. ประสบปัญหาในการรับรู้และตัดสินใจ
ต้อแต้ ( ;∀;)
วิธีการจัดการกับ Burnout:
1. ให้ความสำคัญในการมีเวลาพักผ่อน: อย่าทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาพักผ่อน ให้ให้เวลาในการพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบเพื่อความสมดุลในชีวิต
2. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน: ควรพิจารณาเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น ตัดสินใจในการใช้เวลาในการทำงานหรือการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม
3. สร้างความสมดุลในชีวิต: ควรให้ความสำคัญในการรักษาความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำงาน ควรให้เวลากับครอบครัว การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ชื่นชอบเพื่อช่วยลดความเครียดและก้าวลงออกจากสภาวะ burnout
4. ให้ความสำคัญในการพูดคุยและสื่อสาร: แบ่งปันความรู้สึกกับคนใกล้ชิดหรือที่เป็นกันเองในเรื่องของสภาพอารมณ์และความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้น การพูดคุยและสื่อสารช่วยให้เรารับรู้ถึงตนเองและความรู้สึกของเพื่อน ๆ และคนที่เกี่ยวข้อง
5. ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน: การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานอาจช่วยลดความเครียด อาจคุยกับหัวหน้าหรือผู้จัดการเกี่ยวกับสภาพการทำงานที่ทำให้รู้สึกไม่สบายและหาวิธีแก้ไข
6. พักผ่อนอย่างเหมาะสม: ควรให้ความสำคัญในการพักผ่อนในช่วงเวลาที่ไม่ทำงาน อาจจะลองทำนวัตกรรมการพักผ่อนเช่น การฝึกสมาธิ การนั่งผ่อน หรือการกลับบ้านให้เร็วขึ้นเพื่อมีเวลาผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายกว่า
7. ติดตามสภาพอารมณ์และสุขภาพ: การติดตามสภาพอารมณ์และสุขภาพจิต ทำให้เราสามารถตระหนักถึงสภาพ burnout ที่เกิดขึ้น และอาจช่วยในการตัดสินใจหากต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
สุดท้าย หากคุณรู้สึกว่าคุณหรือใครบางคนที่คุณรู้จักกำลังเผชิญกับสภาวะ burnout อย่าละเลยสัญญาณหรืออาการที่เกิดขึ้น ควรดูแลสุขภาพทางกายและจิตใจให้ดี และหากมีความจำเป็นควรหาความช่วยเหลือจากคนที่คุณใกล้ชิด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต การรับรู้และจัดการกับสภาวะ burnout ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่สำคัญในการรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ของเราในระยะยาว
ขอบคุณทุกท่านที่มีความสนใจและเข้ามาอ่านข้อความที่ผมเขียน หวังว่าข้อมูลหรือคำแนะนำที่ให้ไปจะเป็นประโยชน์และน่าสนุกสนานให้กับทุกคนครับ! หากมีคำถามหรือเรื่องใด ๆ ที่ต้องการสอบถาม หรือความช่วยเหลือใด ๆ สามารถถามผมตลอดเวลาครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขและประสบความสำเร็จในทุกเรื่องครับ!
(⁠ʃ⁠ƪ⁠^⁠3⁠^⁠)
โฆษณา