25 ก.ค. 2023 เวลา 01:04 • ความคิดเห็น
สงสัยเพราะไม่รู้หรือสงสัยเพราะอยากรู้ เป็นธรรมชาติของคนมีปัญญามากที่อยากรู้ทุกเรื่อง ปัญญามากก็หลง ถ้าอยากรู้ในธรรมที่ควรรู้เพื่อการพ้นทุกข์ก็ต้องมีคำตอบ ก็ต้องเติมให้เพื่อจะได้เกิดปัญญาเรียกว่าปริยัติ ท่านว่าก็ยัดเข้าไป เราต้องสอนตัวเองเสมอว่ากินนี่ ทำนี่ รู้นี่ พูดนี่ คิดนี่ ฯลฯ เพื่ออะไร ทำไม เกิดประโยชน์อะไร ส่งงานให้สมองทำงาน จะได้ลำดับความสำคัญ จัดระเบียบความคิด ความสำคัญ สิ่งใดควรไม่ควรคิด จิตจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
ถ้าสงสัยไปเรื่อยเปื่อยไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์ทำให้จิตฟุ้ง พระพุทธองค์ไม่ส่งเสริมเป็นอจินไตยไม่ควรรู้ เมื่อสิ้นสงสัยจิตจะกรองเอง แล้วจะปล่อย การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดปัญญาจิตจึงต้องสอนจิต เมื่อสอนจิตเสมอๆ จิตจะรู้งาน ธรรมชาติของจิตจะไม่อยู่นิ่งรุกรี้ลุกลน ไม่สงบ ไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำ
เราต้องหางานให้ทำ จิตจะได้เข้าที่เข้าทาง เรียกว่า พิจารณาตลอดสาย เช่น ถามจิตตนเองว่า ศีล คืออะไร ทำไมต้องถือศีล ศีลสำคัญอย่างไร ถ้าไม่ถือศีลอะไรจะเกิดขึ้น กับตนเอง สังคม โลกใบนี้ จะจบในจิตเราเองลองทำดูค่ะ คนเริ่มปฏิบัติธรรมยังตัดไม่เป็น ตัดไม่ได้ ต้องใช้ปัญญา หาวิธีการคิดที่ถูกต้องเหมาะสม มาช่วย ไม่อย่างนั้นจะคิดอยู่นั่นแหละ อนุโมทนาถ้าช่วยได้บ้างค่ะ
มีพจนานุกรมฉบับพุทธศาสตร์ ของท่านปยฺตไว้ตอบตนเอง คู่มือมนุษย์ ตามรอยพระอรหันต์ ของท่านอาจารย์พุทธทาสไว้ตอบตนเองจะช่วยได้มาก
โฆษณา