ที่ไหน เมื่อไหร่ จงจำไว้เราต้องเป็นคนกำหนดให้อีกฝ่าย กำหนดได้ ก็ชนะได้

ดังนั้นเมื่อรู้สนามรบรู้วันเวลารบ ก็ออกรบได้ไกลเป็นพันลี้
ซุนวู
7
ต่อให้เราเป็นฝ่ายที่ต้องเดินทางไกล หรือมีขั้นตอนในการตระเตรียมที่ยุ่งยากเพียงใด แต่ถ้าหากได้กำหนดพื้นที่สู้รบตรงไหน และเวลาใดไว้ ต่อให้ไกลมากแค่ไหน ก็ใกล้มากที่เราก็ยังคงสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายได้อย่างดี เพราะเราเป็นฝ่ายกำกับทำให้เราสามารถกำหนดกระแสของการสงครามนั้นได้
พูดง่ายๆก็คือเราต้องเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่เป็นผู้ถูกกำหนด เพราะไม่มีใครกำหนดชัยชนะมาให้เรา หรือใครจะยื่นชัยชนะให้เรา ล้วนแต่เป็นเรานี่แหละที่เป็นผู้กำหนดถึงชัยชนะที่ต้องการ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเราเป็นผู้กำหนดที่ทางและเวลาในการลงมือ
หากเป็นในโลกธุรกิจ ก็คงจะเปรียบเหมือน Customer Journey คือ เส้นทางของผู้บริโภค ที่เข้ามาสัมผัส brand หรือองค์กรของคุณ เพื่อให้ธุรกิจทราบถึงภาพรวม เพื่อแสดงให้เห็นถึงปัญหาและสามารถนำไปแก้ไขหรือพัฒนากิจการของธุรกิจได้อย่างถูกต้อง ธุรกิจจะต้องสร้างความพึงพอใจตลอด Customer Journey ของลูกค้าตั้งแต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นลูกค้า ตลอดจนเป็นลูกค้าเรียบร้อย
ในสงครามต้องชนะข้าศึก ในโลกธุรกิจต้องชนะใจลูกค้านั่นเอง
บทความนี้ผู้เขียนอยากแบ่งปันในเรื่องของการเป็นผู้กำหนดที่ทางและเวลาในการลงมือ ผู้เขียนเคยมีโอกาสได้ฝึกฝนหลานชายที่มีอายุเพียงเจ็ดขวบหัดเล่นหมากรุกสากล ได้ไปแข่งขันในหลายสนามอยู่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่ก็จะติด Top 5
แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่รู้สึกว่าเป็นกระดานแห่งความประทับใจของผู้เขียนและหลานชายคนนี้ ในการแข่งขันนี้จะเล่นทั้งหมดเก้ากระดาน ในกระดานที่หกนั้นหลานชายได้เจอกับคู่ปรับคนหนึ่งที่เคยแข่งขันกันมาก่อน ซึ่งการเจอในก่อนหน้าหลานชายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
มาในครั้งนี้หลานชายก็มีการเตรียมตัวมาค่อนข้างที่จะดีและก็เข้มข้นอยู่พอสมควร แต่อีกฝ่ายฝีมือก็ไม่ใช่ย่อยเช่นกันเป็นกระดานที่ทั้งผู้เขียนและหลานชายต่างก็เฝ้ารอ
เมื่อถึงที่ทั้งคู่ต้องแข่งกันผู้เขียนก็เฝ้ารอผลการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อมากๆพอรู้สึกว่ากระดานนี้มีผลที่จะทำให้หลานชายจะได้อันดับที่สองหรือไม่นั่นเอง ผลปรากฏว่าหลานชายชนะ ซึ่งก็สมกับการที่ฝึกซ้อม
แต่พอหลานชายเล่าเหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขันนั้นกลับสุดยอดมากๆ ขอเล่าแบบอย่างย่อโดยประมาณว่า เกมนี้ในตอนต้นเกมหลานชายก็เปิดเกมได้ค่อนข้างที่จะดี แต่พอมาในกลางเกม หลานชายก็พลาดท่าเสียหมากใหญ่ถึงสองตัวติดให้กับอีกฝ่าย พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ หมายถึงเสียเปรียบนั่นเอง เสียเปรียบมากๆด้วย
หลานชายหมากดำ เสียเปรียบตัวหมาก
หลานชายเล่าให้ฟังต่อว่า ในจังหวะนั้นตัวหลานไม่ได้กังวลหรือตกใจแต่อย่างใดแต่ใช้เวลาในการจดจ่ออยู่ที่จุดหนึ่งของกระดาน ระหว่างนั้นถึงขั้นเสียตัว Queen ที่มีพลังมากที่สุดในหมากรุก ซึ่งทำให้สถานการณ์เสียเปรียบลงไปอีก แต่หลานชายบอกว่าจุดนั้นหลานชายเห็นภาพจบของเกมนี้ กำหนดจุดแพ้ของอีกฝ่ายไว้ในใจได้แล้ว
จุดชนะที่หลานชายเริ่มสังเกตเห็น และดำเนินเกมต่อไป
และในกระดานนั้นก็จบอย่างที่หลานชายคิดไว้ในใจจริงๆ (หลานชายบอกว่าเห็นการที่จะเอาเรือสองลำไปรุกจนคิงส์ของอีกฝ่ายได้) สิ่งที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้นคือฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นเดินมาคราวเอ่ยปากยอมรับจากใจจริงว่า "เกมนี้เป็นเกมที่สุดยอดจริงๆเราสนุกมาก" หลานชายได้รับความเคารพจากคู่แข่งของตัวเอง นี่นับว่าเป็นชัยชนะที่งดงามได้อยู่
ภาพจบที่หลานชายเห็นคือส่งเรือสองตัวเข้ารุกจนคิงส์
นี่อาจจะเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆของเด็กเจ็ดขวบคนหนึ่ง แต่ก็เข้ากับหลักการของซุนวูในครั้งนี้ เริ่มจากกำหนดสนามรบ รู้ว่าจุดนั้นจะเป็นจุดรบแตกหักของเกมนี้ ซึ่งถึงแม้ตัวหมากของหลานชายจะเหลือน้อยกว่า แต่ก็ยังคงมีกำลังที่จะสามารถรุกจนอีกฝ่ายหนึ่งได้
ต่อมาคือ รู้วันเวลารบ ในที่นี้น่าจะหมายถึงจังหวะของการเดินหมาก หลานชายรู้อยู่แล้วว่าตัวหมากของตัวเองนั้นเสียเปรียบ นั่นหมายความว่าหลานชายมีเวลาและจำนวนตาเดินไม่มากที่จะดำเนินการตามแผนที่คิดไว้ให้สำเร็จ ซึ่งเป็นการแข่งกับเวลา หากช้าเกินไปอีกฝ่ายก็จะสามารถพัฒนาตัวหมากโต้กลับมาจัดการได้
ดังนั้นเมื่อเราต้องการที่จะชนะจึงต้อง รู้ที่ที่จะเป็นสนามรบ และวันเวลาที่จะรบกัน จึงจะสามารถกำหนดจุดที่จะเอาชนะได้ และเราต้องเป็นผู้กำหนดที่ทางและเวลาในการลงมือ ก็เพื่อให้เกิดรูปที่เราจะชนะได้นั่นเอง
นี่คือ "รู้สนามรบและรู้วันเวลารบ"
โฆษณา