27 ก.ค. 2023 เวลา 06:39 • ไลฟ์สไตล์

ไดอารี่ของคนว่างงาน

10 ปี อาจจะฟังดูเหมือนนานนะคะ แต่พอเอาเข้าจริง จากวัย 20 จนถึง 30 เรากลับรู้สึกว่าช่วงเวลาพวกนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ถ้าให้รีแคปชีวิตสิบปีที่ผ่านมา ก็คงจะประมาณนี้มั้งคะ มีการลาออกเกิดขึ้นในชีวิตการทำงานจำนวน 3 ครั้ง, จบความสัมพันธ์ระยาว 3-4 ครั้ง, ใช้ชีวิตมาแล้วใน 3 ประเทศ, สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป 2 ท่าน, ความสัมพันธ์ในวงโคจรที่ 1 ยังคงเหนียวแน่น, ประกันชีวิตคือทรัพย์สินเดียวที่มี, นอกจากชอบอเมริกาโน่กับหน้าฝน เราก็แทบไม่รู้จักตัวเองเลยค่ะ
หลังจากลาออกจากงานประจำเมื่อปีที่แล้ว เราก็หอบข้าวของย้ายกลับมาอยู่ไทย โดยยังทิ้งของใช้บางส่วนไว้'ที่นั่น' เผื่อในอนาคตอยากกลับไปอีก แต่บอกตามตรงว่าพอเลิกกับแฟนที่คบกันมา 4 ปี ความคิดที่อยากจะกลับไปที่ที่มีแต่ความทรงจำเดิมๆแทบจะไม่มีอยู่ในหัวเลยค่ะ
พอได้กลับมาอยู่บ้านต่างจังหวัด ที่มองไปมีแต่ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้า ก็ขนาดถนนเส้นหลักยังแทบไม่มีรถผ่าน ในขณะเดียวกันเราก็รู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง จากที่คิดว่าจะอยู่บ้าน พักใจสักเดือน ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 6 แล้วค่ะ เพื่อนถามจนเลิกถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะกลับไปทำงาน
ก่อนลาออก เรา burn out มาก ยังจำความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามาได้อยู่เลยค่ะ ตอนนั้นเราบอกคนรอบข้างว่าจะลาออกไปเที่ยวเล่นเฉยๆ ตอนนี้คำพูดนั้นกลับเป็นจริงขึ้นมาซะงั้น แต่ตัดคำว่าเที่ยวเล่นออกนะคะ เหลือไว้แต่คำว่าอยู่เฉยๆ
การอยู่เฉยๆเนี่ยดูเหมือนจะสบายนะคะ ถ้าตัดเรื่องคนรอบข้างออกไป ก็แหม ลูกสาวบ้านนี้ อายุก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้วทำการทำงานอะไร เห็นอยู่บ้านทุกวัน เราไม่ได้หนักแน่นขนาดที่จะไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ แต่ก็เป็นปกติของผู้คน พอเค้าพูดถึงเราจนไม่มีเรื่องอะไรให้พูดอีกแล้ว เค้าก็เลิกกันไปเอง ตอนนี้แถวบ้านเลยไม่มีใครสนใจใคร่รู้เรื่องเราอีกแล้วค่ะ อิอิ
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ลึกๆในใจเราก็มีคำถามมากมายกับตัวเองเหมือนกันค่ะ ในขณะที่เพื่อนบางคนแต่งงานมีครอบครัว, เพื่อนบางคนรับราชการ, เพื่อนบางคนเป็นเจ้าของกิจการ, เพื่อนบางคนเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า, เพื่อนบางคนไปเที่ยวต่างประเทศทุกเดือน, เพื่อนบางคนเพิ่งซื้อบ้านใหม่, เพื่อนบางคนไปรับส่งเบบี๋ที่โรงเรียน
'10ปีที่ผ่านมา เรามัวทำอะไรอยู่นะ'
แต่น่าแปลก ที่พอมานั่งทบทวนอย่างเอาจริงเอาจัง ก็ไม่มีช่วงเวลาไหนที่เราอยากย้อนกลับไปแก้ไขเลยค่ะ ตอนเด็กๆเราอาจจะเคยวาดภาพเอาไว้ว่า ชีวิตคือกราฟที่ชันขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พอโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่า กราฟของชีวิตนั้น มีขึ้นลงเป็นเรื่องธรรมดา
นอกจากทุกคนจะมี Right timing เป็นของตัวเองแล้ว เรารู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตนั้นเชื่อมต่อกัน เราอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงความข้องเกี่ยวในทันที แต่วันหนึ่งเราจะได้เห็นความเชื่อมโยงเหล่านั้นค่ะ
เป็นต้นว่า ถ้าเราไม่เคยดู Hospital playlist มาก่อน เราคงไม่รู้ถึงลำดับขั้นของการเป็นหมอ คงจินตนาการไม่ออกเกี่ยวกับการทำงานประสาทศัลยแพทย์ ถ้าไม่เคยดูซีรีส์ทนายอย่าง Hyena หรือ Partner track คงจะจินตนาการไม่ออกว่าพวกมหาเศรษฐีเค้ามีวิธีการจัดการทรัพย์สินอย่างไร
หรือถ้าไม่เคยมีประสบการณ์สูญเสียคนในครอบครัวมาก่อน เราคงไม่เข้าใจความรู้สึกของเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล หรือถ้าหากเราไม่เคยอ่าน 'หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย' กับ 'จะเล่าให้คุณฟัง' มาก่อน เราอาจจะไม่ได้รู้สึกประทับใจ 'Into the magic shop' มากขนาดนี้เลยก็ได้
และในชีวิตของพวกเราก็คงมีเหตุการณ์ และเรื่องราวที่เชื่อมโยง และเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้ซ่อนอยู่มั้งคะ ดังนั้นเราจึงอยากเชื่อจริงๆว่าจักรวาลคงมีเหตุผลที่ทำให้เราได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้
วันหนึ่งเราอยากกลับมาอ่าน
และจดจำช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้
ช่วงเวลาที่เรา Manifest ด้วยการเปิดหัวใจของเราก่อน
ไว้เจอกันใหม่ blog หน้าค่ะ :)
โฆษณา