โลกที่อธิบายได้ยากของชาว introvert....
เมื่อวานผมเขียนเรื่องที่ไม่ชอบรับโทรศัพท์เพราะน่าจะเป็นด้วยความ Introvert ไป มีหลายคนก็ดูจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน แต่ก็มีบ้างที่อ่านแล้วต่อว่าไม่รับคือไม่มีมรรยาท ผมเห็นก็ยังงงๆ อยู่ มีคนหนึ่งถึงกับกล่าวหาว่าไปประดิษฐ์คำขึ้นมาเองเพื่อเป็นข้ออ้าง (ผมบล็อกไปละครับ ไม่รู้จะไปชี้แจงคนแบบนั้นได้อย่างไร) ไม่ชอบรับโทรศัพท์ก็จริงแต่ก็มีวิจารณญานนะครับว่าสายไหนควรรับด้วยความด่วน เรื่องงาน หรือมรรยาท สายไหนรอได้หรือคุยผ่านไลน์จะสบายใจกว่า
และก็มีผู้อ่านท่านหนึ่งดูจะแปลกใจกับความที่ผมเป็น introvert ก็เลยอยากเอาบทความที่ดูมีหลักอ้างอิงที่เคยเขียนไว้มาเล่าอีกครั้ง จะได้ไม่โดนหาว่าแต่งคำขึ้นมาเองอีก การเป็น introvert นี่อธิบายให้คนเข้าใจยาก เวลาคนส่วนใหญ่ไม่เหมือนเรา เขาจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไปงานแล้วกลับเร็ว ไม่อยู่ต่อหน่อยเหรอจะเป็นไรไป
ทำไมถึงไม่ชอบรับนัดสองต่อสอง หยิ่งหรือไง ทำไมชวนออกมาเต้นก็ไม่เอา ดูขัดเขินเหลือเกิน ปล่อยใจหน่อยสิ หน้าตาผมก็จะยิ้มแหยๆ ในใจก็ได้แต่เถียงว่ามันไม่ชอบ ทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง อธิบายไปคนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ถ้าจะอ่านบทความนี้ ก็ขอให้ใช้ความเมตตาเป็นตัวตั้งกับความที่อาจจะไม่ได้ถูกใจนัก ไม่ได้จะแก้ตัวใดๆ แต่อยากพูดแทนชาว introvert ที่ไม่รู้จะบอกใครที่ไหนได้เลยครับ
ฟังดูเผินๆก็ไม่น่าจะมีใครเชื่อ เพราะด้วยการงานอาชีพที่ทำด้านการตลาด ต้องพูดต้องบรรยาย ทำหลักสูตรที่ต้องเจอคนต้องอยู่หน้าชั้นตลอดเวลา แถมดูบุคลิกเผินๆก็ดูคุยเก่ง เข้าสังคมได้ ผมไม่น่าจะเป็นคน introvert ได้เลย
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ผมมีความสุขกับการอยู่คนเดียว ชอบวิ่งคนเดียว ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบไปไหน อึดอัดกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับคนแค่หนึ่งหรือสองคน ชอบอ่านหนังสือ ชอบกินข้าวคนเดียว ไม่ชอบรับโทรศัพท์ ชอบไลน์มากกว่าเพราะสามารถตั้งหลักได้ก่อนตอบ ไม่ชอบไปงานสังคมติดๆกัน หรือไปก็จะกลับเร็ว ในนิยามของคน introvert ไม่ว่าสำนักไหน ผมจะมีลักษณะนั้นเกือบครบทั้งสิ้น
Huffpost บรรยายคนประเภทนี้ว่า จะอึดอัดเวลาอยู่ในกลุ่มเล็กๆแต่พูดกะคนห้าร้อยคนได้ จะรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางคนเยอะๆ ชอบอยู่คนเดียวเพื่อสะสมพลัง เจอคนเยอะจะหมดแรงง่าย ถ้าขึ้นรถไฟฟ้าก็จะไปนั่งขอบๆ ไม่ใช่ตรงกลาง จะไม่ค่อยรับโทรศัพท์เลยและต้องใช้เวลาเตรียมตัวโทรกลับ ชอบเขียนโน่นนี่ และที่ตลกคือจะมีความดันไม่สูง ผมนี่มีเกือบครบทุกข้อ เวลาทำ Test ตามเว็บต่างๆมีหลายครั้งได้เป็น Extreme introvert ด้วยซ้ำ
ซึ่งความขัดแย้งในงานกับสิ่งที่ตัวเองเป็นนี่แหละที่นำมาซึ่งความเข้าใจผิดและสร้างความไม่พอใจให้คนอื่นอยู่บ่อยครั้ง อาจจะประกอบกับการเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะ พอมีชื่อมีเสียงอยู่บ้าง ก็จะโดนต่อว่าบ่อยๆว่า หยิ่ง ดังแล้วลืมเพื่อน หรือไม่เต็มใจจะคุย โทรมาแล้วไม่ค่อยรับ สิ่งที่ผมไม่ชอบและอึดอัดที่สุดก็คือการที่ไม่ได้รับโทรศัพท์แล้วพอโทรกลับจะถูกแซว จากความเข้าใจผิดว่าหยิ่งหรือยุ่งหรือดังแล้วลืมเพื่อน
ซึ่งยิ่งทำให้ไม่กล้าโทรกลับและยิ่งต้องใช้พลังในการกลั้นใจโทร และพอได้ยินประโยคแบบนั้นก็จะหมดแรง และก็ได้แต่ตะโกนในใจว่า ผมเป็น introvert ไลน์มาได้มั้ยเนี่ย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ
ผมมีความสุขกับการอยู่บ้านมาก การอยู่บ้านผมก็เป็นการวางแผนการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ซึ่งก็อีกนั่นแหละ มีผู้คนเข้าใจผิดบ่อยว่าทำไมไม่ไปโน่นไปนี่ ว่างไม่ใช่เหรอ เห็นอยู่บ้าน ซึ่งก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่า การอยู่บ้านของผมคือการไม่ว่าง ผมอยากอยู่บ้าน และชอบอยู่บ้าน เหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้มีคนเคืองผมอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเพื่อนๆก็เลิกชวนไปเกือบหมด
ผมไม่ชอบเจอคนสองต่อสอง ไม่ค่อยชอบรับคนมาสวัสดีปีใหม่แบบสองต่อสองโดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคย เพราะจะรู้สึก awkward และใช้พลังมากเพื่อที่จะให้ผ่านช่วงที่ไม่รู้จะคุยอะไรไป ไม่ชอบสัมภาษณ์หรือเจอคนแบบสองต่อสอง ไม่ชอบคุยกะคนที่ไม่สนิท ไม่ชอบพูดหน้ากล้อง แต่ถ้าให้ทำก็ทำได้และหลายครั้งก็ทำได้ดีแต่มันจะดูดพลังไปพอสมควร
แต่ผมก็ยังสนุกกับงานหรือ Dinner ที่วางแผนไว้และพร้อมที่จะไป ได้ทำงานออกไอเดียมันส์ เห็นงานดีๆแล้วชื่นใจ ได้เจอผู้คนใหม่ๆ เวลางานหรือทำงานก็เหมือนกับเตรียมตัวไว้ก่อนก็จะสนุกไปกะมัน มีความสุขกับการได้เจอคนที่อยากเจอในบางวันของสัปดาห์ แต่ถ้าไปติดกันสองสามวันก็จะหมดแรงต้องหยุดชาร์ตพลังเงียบๆใหม่อีกสองวันถึงจะไปใหม่ได้ เหมือนมีใครเคยบอกว่า introvert gain energy from being alone and loses energy in stimulating environments.
ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีคนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากที่ดูเหมือนจะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง ต้องเจอคนเยอะๆ แต่เป็น introvert เลดี้กาก้า เอมม่า วัตสัน หรือแม้กระทั่ง 40% ของ CEO (huffpost บอก) ก็เป็น introvert ชื่อที่เขายกตัวอย่างบางทีเราก็อาจจะแทบไม่ค่อยเชื่อ เช่น บารัค โอบาม่า อีลอน มัสค์ หรือบิล เกตส์
มีบทความเขียนอธิบายว่า introvert CEO จะมีคุณสมบัติเด่นเป็นพิเศษเรื่องการฟัง การคิดในแต่ละเรื่องอย่างลึกซึ้งและมีแนวโน้มที่จะให้อิสระ ให้พื้นที่กับคนทำงานมากกว่าคนทั่วไป
มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชาว introvert เยอะอยู่พอสมควร มีบทความเคยเขียนไว้ด้วยว่าคนมักจะคิดว่าชาว introvert ไม่ค่อยชอบมนุษย์เท่าไหร่ หรือไม่ชอบไปเที่ยวสนุกสนาน หรือแม้กระทั่งชาว introvert อยากเปลี่ยนตัวเองเป็น extrovert ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่จริงเลย
ผมก็ชอบคุยกะคนแต่คุยกับคนที่คุ้นเคยจะใช้พลังงานน้อยกว่าคนแปลกหน้า ชอบไปเที่ยวสนุกสนานแต่ไปติดๆกันแล้วเหนื่อยง่ายต้องเข้าถ้ำชาร์จพลัง และก็มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไร
การเป็นคน introvert ไม่ใช่จะมีทุกข์อะไรนะครับ ผมมีความสุขดีมาก แค่อยากจะแชร์ในมุมความสุขของ introvert ว่าคืออะไรและบางทีก็อาจจะทำในสิ่งที่ดูแปลกๆสำหรับคนทั่วไปบ้าง
เป็นการอธิบายความเป็นไปของธรรมชาติว่าคนมีหลายประเภท และเผื่อหลายคนอาจจะเริ่มตั้งคำถามกับคนข้างๆตัวไม่ว่าจะเป็นลูก เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน ว่าที่เขาทำตัวแปลกหน่อยแล้วเรารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนเราหรือว่าอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างนั้น จริงๆแล้วเขาก็อาจจะแค่เป็นพวก introvert เป็นเหมือนผม ไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ช่วงโควิดสองปีที่ผ่านมา มีความเชื่อกันว่าเป็นโลกที่เหมาะที่เข้ากับชาว introvert มากเพราะได้อยู่บ้านทุกวันแถมได้ทำให้พวก extrovert ได้เข้าใจและได้ลิ้มรสความเป็นอยู่ของชาว introvert บ้าง
ผมไม่รู้ว่าชาว extrovert จะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร บางคนอาจจะค้นพบทางใหม่ๆแบบชาว extrovert เช่นพูดคุยปาร์ตี้ออนไลน์ หรือมาชอบแนวสงบอยู่กับตัวเองแบบชาว introvert มากขึ้น
คนส่วนใหญ่คงคิดว่าชาว introvert จะชอบบรรยากาศช่วงโควิดมาก แต่มีงานวิจัยของฝรั่งที่เป็นบทความใน BBC ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว พวก introvert กลับปรับตัวได้ยากกว่าพวก extrovert ที่มีเพื่อนเยอะและหาวิธีพูดคุย มี social connection ได้ดีกว่า บทความของ BBC ใช้ชื่อว่า “why introverts didn’t actually win lockdown” ก็เป็นบทความที่ทำให้ได้ “เอ๊ะ” อยู่พอสมควร
สำหรับผมแล้ว การ lockdown ช่วง covid นั้นน่าจะทำให้พวก extrovert ได้เข้าใจชาว introvert ได้ดีขึ้น เพราะโลกสมัยใหม่เป็นโลกแห่งการพบปะพูดคุย สังสรรค์ เป็นโลกที่หมุนเร็วมาก เป็นโลกถนัดของชาว extrovert การที่โลกหยุดนิ่งมาเป็นชีวิตแบบ introvert บ้างก็น่าจะทำให้คนสองชนิดนี้ได้เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
แต่ตอนนี้โลกกลับมาเป็นของชาว extrovert อีกครั้ง แต่ถ้าพอเข้าอกเข้าใจถึงความต่างกันบ้างแล้ว การตั้งต้นมองคนที่ไม่เหมือนเราด้วยความเมตตา ชีวิตก็จะมีความรื่นรมย์ขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ
- 177
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
