27 ก.ค. 2023 เวลา 09:42 • ท่องเที่ยว
วัดพนัญเชิงวรวิหาร

กองสลากไท : สลากไทพลัส พาเที่ยวชม วัดพนัญเชิงวรวิหาร

วัดพนัญเชิงวรวิหาร จัดเป็นวัดหนึ่งที่เก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอยุธยา และมีชื่อเสียงระบือไปทั่วประเทศโดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น วันนี้ กองสลากไท และ สลากไทพลัส จะพามารู้จักวัดแห่งนี้กัน
ประวัติ
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน สลากไทพลัส และ กองสลากไท ได้ทราบมาว่า เป็นวัดที่ได้ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2394
ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง และ คำว่า พแนงเชิง มีความหมายว่า นั่งขัดสมาธิ ฉะนั้น คำว่า วัดพนัญเชิง (วัดพระแนงเชิง หรือ วัดพระเจ้าพแนงเชิง) จึงหมายถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยคือ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นั้นเอง
ประวัติเพิ่มเติม
อีกหนึ่งแห่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ คือ อาจสืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น พระนางคงนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากว่านั่งพับเพียบจึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต ฉะนั้น ถ้าเรียกนามวัดตามความหมายของคำว่า วัดพนัญเชิง ก็ย่อมหมายความถึงวัดที่มีพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ คือหลวงพ่อโต (อ้างอิงจากประวัติวัดพนัญเชิงข้อมูลของทางวัดในปัจจุบัน)
จุดน่าสนใจของวัดพนัญเชิง
หลวงพ่อโต
หากไปเที่ยววัดพนัญเชิงวรวิหาร ทาง กองสลากไท และ สลากไทพลัส ต้องพาไปกราบไหว้หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทอง หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก
หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า “ซำปอกง”
นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปี
พระวิหารเขียน
พระวิหารตั้งคู่กับพระอุโบสถ อยู่ทางเบื้องซ้ายของพระวิหารหลวง ในตำนานการสร้างโบสถ์กล่าวไว้ว่า บุตรเขยพระยารามัญเป็นผู้สร้าง ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบทรงโรง วัดรอบนอกยาว 8 วา 18 นิ้ว กว้าง 4 วา 2 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว หน้ามุข 7 ศอก 3 นิ้ว สูงจากพื้นถึงอกไก่ 6 วาเศษ
เป็นมุขลดมีซุ้มหน้าเหมือนพระอุโบสถ ภายในซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยา ปางมารวิชัย 2 องค์ ตั้งเรียงกัน ภายในวิหารมีการเขียนภาพลวดลายกระถางต้นไม้ต่าง ๆ เครื่องใช้ เครื่องบูชาแบบของชาวจีน เหตุนี้จึงเรียกว่า “วิหารเขียน” สิ่งสำคัญในพระวิหารเขียน ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้น สมัยอยุธยา พระพุทธรูปของทางฝ่ายมหายาน
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
ศาลพระนางสร้อยดอกหมาก หรือ ศาลเจ้าแม่แอเนี้ย ศาลพระนางสร้อยดอกหมากนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบจีน ป้ายหน้าศาลมีทั้งอักษรไทยและจีน เขียนว่า เปยเหนียง หากแปลแยกจะได้ความว่า หญิงสาวผู้โศกเศร้า แต่หากแปลรวมจะหมายถึง พระแม่ผู้เปี่ยมเมตตา ตัวศาลเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตกแต่งลวดลายปูนปั้นสวยงาม และแทบทุกคนเมื่อมาปิดทองหลวงพ่อโตในพระวิหารที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร แล้ว จะต้องแวะมาสักการะองค์เจ้าแม่สร้อยดอกหมากด้วย ปัจจุบันความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ก็ยังคงมีอยู่
ใครมาบนบานขออะไรท่านไม่ว่าจะขอลูก ขอความสำเร็จหรือขอให้มีความรักก็มักจะได้ตามนั้น จนมีผู้นำของมาแก้บนเต็มไปหมด โดยส่วนมากจะบนด้วยสร้อยไข่มุก เครื่องสำอาง สิงโตเชิด และเครื่องสังเวย เป็นต้น
ร้านต้องแวะ
บ้านป้อมเพชร
กองสลากไทและสลากไทพลัส ขอแนะนำร้านนี้เลย บ้านป้อมเพชร ร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร เพียง 6 นาที เป็นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ตกแต่งแบบโทนสีสบายตา ผสมกับการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความอบอุ่นเหมือนการนั่งทานอาหารที่บ้าน แถมออกแบบให้เลือกนั่งทานอาหารได้หลายโซน เมนูเด็ดของที่นี่ขอยกให้กุ้งย่างถ่าน กุ้งย่างกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบฉ่ำๆ กับวิวแม่น้ำ จะมีอะไรเข้ากันไปกว่านี้อีก
ที่ตั้ง : 13/5 ถนนอู่ทอง ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 10.00 น. – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 081 341 4595
สวนอาหารไทรทองริเวอร์
อีกหนึ่งร้านที่ กองสลากไท และ สลากไทพลัส ต้องแนะนำเลยคือ สวนอาหารไทรทองริเวอร์ ขับรถจาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร เพียง 8 นาทีก็ถึงร้านนี้เลย มีที่นั่งทานอาหารหลายโซนมาก จะโซนในห้องแอร์ หรือโซนด้านนอก ก็มองเห็นริมน้ำและวิวสวยๆทั้งนั้น นอกจากที่นั่งเยอะแล้วเมนูอาหารก็เยอะเช่นกัน เช่น ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ยำกุ้งฟู ปลาเนื้ออ่อนฉู่ กุ้งแม่น้ำเผา เหมาะกับการพาครอบครัวมานั่งที่สุดเลยค่ะ เพราะรสชาติอาหารที่นี่จัดจ้าน ครบรส แถมสะอาดและบรรยากาศดีมากๆ เช่นกัน
ที่ตั้ง : 45 หมู่ 1 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 10.00 น. – 22.00 น.
โทรศัพท์ : 087 121 3936
แกรนด์เจ้าพระญา
เป็นร้านอาหารในเครือ ดิ อยุธยา กรุ๊ป อยู่ห่างจาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร เพียง 11 นาที ทั้งบรรยากาศและเมนูอาหารของทาง ร้านอาหาร การแต่งร้านในสไตล์อบอุ่น นอกจากรสชาติอาหารจะดีมากแล้ว หน้าตาอาหารก็ดูดีมากเช่นกัน เมนูที่เด็ดๆของที่นี่เลยคือ กุ้งเผาเตาถ่าน ที่เลือกใช้กุ้งตัวใหญ่มันกุ้งเยิ้มๆ ตามมาด้วยเมนูปลากระพงทอดราดน้ำปลา ด้วยน้ำซอสราดสูตรพิเศษ นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมหวานสไตล์ไทยอีกหลายเมนูที่น่าลอง มานั่งทานเพลินๆ ทำให้ลืมเวลาไปเลย
ที่ตั้ง : 42/1 ตำบล บ้านรุน อำเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 11.00 น. – 22.00 น.
โทรศัพท์ : 081 942 1666
โฆษณา