Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พี่ว่านะ
•
ติดตาม
27 ก.ค. 2023 เวลา 16:13 • ท่องเที่ยว
อิหร่าน
ทริปห่อตัวที่เปอร์เซีย (ภาคต่อ เวอร์ชั่นภาพประกอบคำบรรยาย)
สืบเนื่องจากโพสต์ก่อนหน้า ที่เน้นเล่า ไม่เน้นรูป โพสต์นี้ก็เลยขอมาเล่าเรื่องจุ๊บๆจิ๊บๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อิหร่าน แบบเล่าเรื่องประกอบภาพ
อุ๊ กับคุณปั๊ป (ผู้มีพระคุณ ที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้น! มาค่ะ..ทั้งหมด...กราบ) และ Proto-Ice Cream ซึ่งเชื่อว่า เป็นบรรพบุรุษของไอศกรีมที่เรากินกันในปัจจุบัน (amazing นะ ว่าไอติมเกิดจากชาวทะเลทราย!)
Texture เหมือนเอาวุ้นที่ตัดเป็นต่อนๆ ไปแช่แข็ง
รสชาติ หวานชิบบบบเป๋งงง แต่กินๆไปก็สดชื่นดี มี option น้ำหวานรสต่างๆให้ราดลงไป (อีกเหรอ หวานจนอินซูลินต้องสู้ชีวิตละน้า) อารมณ์ เหมือนน้ำแข็งไสรถเข็นหน้า รร บ้านเรา สมัยก่อน
Mar-May เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีงามที่สุดของอิหร่าน อากาศกำลังสบายประมาณ 20-25 องศา (ตอนเช้ามืดและกลางคืนจะเย็นลงไปอีก บางวันก็หนาวเลยหล่ะ)
วิวเมืองหลวงเตหะราน ยังเห็นหิมะบนยอดเขา ซึ่งมี Ski resort ด้วยนะเอ้อ ⛷️
ต้องคลุมหัว//ห่อตัว ตลอดไหม?
คลุมหัว: Yes -แต่เอาจริงๆ ก็แล้วแต่เมือง บางเมืองไม่เคร่ง ก็เห็น ผญ เดินผ้าหลุดอยู่ทั่วไปนะ
ห่อตัว: No- ต้องคลุมทั้งตัว เฉพาะเวลาเข้ามัสยิดสำคัญ จะมีกลุ่มแม่ป้า อารมณ์แก๊งซังกุงฝ่ายปกครอง เดินมาตรวจตรา และช่วยหาผ้ามาพร้อมช่วยห่อให้ด้วย และนอกจากห่อแล้ว ยังลูบไล้ด้วยค่ะ ใช่ค่ะ ใช้คำว่าลูบไล้ เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ คืออีกนิดนึงต้องรับผิดชอบพาหนูไปเลี้ยงดูละนะเจ้นะ (ปอลอ เค้าลูบเพื่อเชคอาวุธฮะ)
"รูปที่มีทุกบ้าน" คือภาพของท่านผู้นำทางศาสนา อิหม่าม โคไมนี ซึ่งคนๆนี้แหละ ที่เป็นผู้นำ Islamic Revolution เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เป็นผู้นำทางศาสนาที่ ขอมอบ slogan ให้ว่า "แต่ถึงรบไม่ขลาด สร้างคนในชาติให้ทระนง" เป็นที่รัก เป็น hero และเป็นผู้นำในทุกๆด้านของผู้คนที่นี่ เป็นคนน่าสนใจมากๆคนนึง (แนะนำให้ไปหาข้อมูลอ่านเพิ่มเองนะฮะ เพราะถ้าเล่าจริงจะยาว และอาจจะสร้างความฮึกเฮิม ให้หลายๆคน อยากจะไปช่วยอิหร่านร่วมรบ จะลำบากคนทางบ้านไปอีก)
หลัง Islamic Revolution ผู้หญฺิงอิหร่านต้องแต่งตัวมิดชิดคลุมผม ซึ่งจริงๆ มันมาจาก ความเชื่อของผู้ชายชาวมุสลิม ที่มองว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีค่า ควรต้องทะนุถนอม ไม่ควรให้ออกมาเดินไปมา หรือเปิดเผยร่างมาก จะได้ปลอดภัย
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้หญิงอิหร่านยุคใหม่ก็ไม่ได้เลิฟที่จะอยู่ในกฎมากนัก อย่างเช่นผู้หญิงที่ชู 2 นิ้วอยู่ข้างฉัน เค้าคือ local tour guide ของฉันเอง ซึ่งนางเปรี้ยวมาก เป็นทั้งไกด์ เป็นทั้งแอร์ แล้วยังฝึก cross fit ด้วย โดยฝึกใน gym ลับ ที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ออกกำลังกายร่วมกัน แต่งตัวด้วยชุดออกกำลังกายแบบสากลตามปกติ
ที่บอกว่าเป็น gym ลับ ก็เป็นเพราะ ถ้ามองจากข้างนอก ก็จะดูเหมือนเป็นบ้านเป็นตึกธรรมดา ไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์ใดๆ บ่งบอกว่าเป็น gym ก็คือใครสนใจสายนี้ ก็ต้องไปสืบเสาะหา gym ลับเอาเอง
Azadi Tower เป็น landmark ของอิหร่าน ซึ่งในตอนแรกคนริเริ่มโครงการคือกษัตริย์ ที่ต้องการสร้างสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเปอร์เซีย แต่ต่อมา Tower แห่งนี้ กลายเป็นที่ชุมนุมของคนอิหร่านเพื่อต่อต้านอเมริกาและล้มเจ้า และเปลี่ยนผ่านประเทศเป็นรัฐอิสลาม
#HowIrony
Tower แห่งนี้เลยมีอีกชื่อนึงว่า Freedom Tower
ใช่ค่ะภาพนี้คือตั้งใจถ่ายผู้ชาย
#นายฮ้อยไหมละ
เดินไปตามถนนหนทางทั่วไปในอิหร่าน จะเห็นผู้หญิงทำจมูกเยอะมาก น่าจะทำเพื่อปรับแก้จมูกที่มีลักษณะงุ้ม ให้มันมนสวยขึ้น มากกว่าที่จะทำให้มันโด่ง เพราะพื้นฐานจมูกเค้าโด่งอยู่แล้ว (ที่รู้เพราะทุกคนยังอยู่ในสภาพดามจมูกอยู่ คือมี plaster สีขาวแปะตามแนวจมูก) แต่ใน magazine ad ก็จะเน้น presenter/testimonials ของผู้ชายเป็นหลัก เพราะผู้หญฺิงมุสลิมไม่ควรโชว์หน้าโชว์ร่าง โดยเฉพาะในสื่อสาธารณะ
และที่ surprise ที่่สุดคือ อิหร่าน ซึ่งเป็นรัฐอิสลาม มีจำนวน transgender เยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (และใช่ค่ะ อันดับ 1 คือไทย)เหตุเกิดจากการที่มี สาว2 คนนึง เรียกร้องกับท่านผุ้นำ (อิหม่ามโคไมนี ที่อยุ่ในรูปที่มีทุกบ้าน) บอกว่า การที่เค้ามีจิตใจเป็นผุ้หญฺิง แต่เกิดมาในร่างผู้ชาย มันคืออาการป่วย
ดังนั้นเค้าไม่ได้ทำผิด เค้าแค่ป่วย ซึ่ง ท่านผู้นำ เห็นใจเลยเห็นด้วย และประกาศเป็นกฎออกมาว่า ใครที่รู้ตัวว่าป่วย ก็สามารถยืนเรื่องกับรัฐเพื่อขอ "รักษา" ด้วยการผ่าตัดแปลงเพศได้! ทำให้อิหร่านเป็นมุสลิมเดียวในโลก ที่อนุญาตให้แปลงเพศได้ #เกร๋ปะล่า
ตึกแห่งหนึ่งของรัฐบาลในเมืองเตหะราน
ที่มี msg ด่าคู่อริอย่างอเมริกา แปะไว้บนตึกบบโจ่งแจ้งอล่างฉลาง มาก ฉันชอบความชัดเจนนี้ (แนะนำให้ซูมเข้าไปอ่านฮะ
ปล ภาพไม่ค่อยชัด มุมไม่ค่อยสวย เพราะตอนถ่ายฉันก็รีบๆ กลัวโดนจับ (จริงๆถ่ายได้แหละ ไม่ผิดกฎใดๆ แต่ด้วย msg ที่เขียนอยู่บนตึกค่อนข้างโหด ฉันผู้มีความใจป๊อด ก็ยังกลัวอยู่ดี แหะๆ)
อย่างที่เล่าว่า อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากทั่วโลก เมื่อถูกตัดขาด แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อ ชาวอิหร่าน ก็คิดค้นระบเงินและระบบบัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มเป็นของตัวเอง ภาพนี้คือภาพตู้เอทีเอ็ม ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง
จะว่าไปตู้เอทีเอ็มของแต่ละธนาคารของเค้า ก็มากองรวมกันเหมือนตู้เอทีเอ็มบ้านเราเลยเนาะ
เคยได้ยินมานานละ ว่าภาพยนตร์อิหร่าน คุณภาพดี ได้รางวัลมาก็มาก เลยลองเปิดประสบการณ์ไปส่องดูซักหน่อยว่า โรงหนัง คนดู และ หนังของบ้านเค้าเป็นอย่างไร
สรุปคือ โรงหนังเค้า เป็นเหมือนโรงหนังบ้านเราเมื่อซัก 20-30 ปีที่แล้ว คือเป็นแบบ stand alone ไม่ได้อยู่ในห้าง หรือเป็นเครือ แบบ SF/Major
โรงหนังที่ฉันไป มีอยู่โรงเดียว คนเต็มแน่นทั้งโรงแม้จะเป็นรอบสุดท้าย (สี่ทุ่ม) มีร้านขายของกินหน้าโรงหนังซึ่งมีของกินตั้งแต่ popcorn ไปจนกินจริงจังแบบข้าวกล่อง ซึ่งคนดูก็คือสู้ไม่ถอย ในเมื่อร้านจริงจัง คนกินก็จริงจัง เพราะขนเข้าไปกินในโรงกันแบบ ไม่อิ่มไม่กลับ (popcorn รสชีสอร่อยมากกกกกกก โรยผงชีสมาเต็ม แบบทั้งหอมทั้งมัน อูมามิ สาแก่ใจสายผงชูรสอย่างฉันยิ่งนัก)
ส่วนในโรงหนัง ก็จะมีคนเดินตั๋วคอยส่องไฟ เหมือนลิโด้ สกาล่า ที่น่ารักมากก็คือ เมื่อมีเพลงใดๆ เปิดขึ้นมาในหนัง ทุกคนในโรงก็จะปรบมือร่วมกันโดยพร้อมเพรียง ไปจนกว่าเพลงนั้นๆจะจบ
ปล ถามว่าหนังสนุกไหม คิดว่าหนุกนะ ถ้าดูรู้เรื่องอ่ะนะ 5555
อย่างที่บอกว่าคนอิหร่านเป็นมิตรและคิดว่าฉันสวย
collage นี้เป็นแค่ตัวอย่างบางส่วนของภาพถ่ายร่วมกันกับคนอิหร่านทุกเพศทุกวัย ที่เข้ามาขอถ่ายรูปกับคนสวยอย่างฉันและชาวคณะ
บางคนขับรถผ่านพวกเราไปแล้ว ก็ขับย้อนกลับมาหา จอดรถกลางถนน แล้วเดินลงมาขอถ่ายรูปด้วย
บางคนก็ชวนฉันนั่งกินข้าวด้วยเมื่อฉันเดินผ่าน
บางคนก็เดินมาสอนภาษาฟาร์ซี ซึ่งเมื่อสอนเสร็จแล้ว มีการเดินวนกลับมาอีก 2 รอบเพื่อเชคว่าจำได้ไหม
และแน่นอน ทุกคนที่มาคุยด้วย ชมว่าฉันสวย (จะย้ำเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เพราะมันคือเรื่องจริง 5555)
อีก 1 ตัวอย่างความเป็นมิตรของชาวอิหร่าน คือเมื่อฉันและชาวคณะเดินผ่านกลุ่มอิหม่าม ที่ตั้งโต๊ะอยู่กลางเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เดินผ่านไปมา มาสนทนาธรรมกันได้ ซึ่งก็มีคนมาสนทนากับอิหม่าม เต็มเกือบทุกโต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นด้วยนะ อาจจะมาปรึกษาปัญหาหัวใจก็เป็นไปได้ (เอาจริงคือฉันไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกันเพราะฟังไม่ออก ไกด์ท้องถิ่นก็กลับบ้านไปนอนแล้ว เพราะฉันออกมาเดินเล่นตอนดึกมากแล้ว)
พอพวกฉันหยุดยืนดูด้วยความสนใจ ท่านอิหม่ามทั้งหลายก็เรียกให้มานั่งด้วยกัน กุลีกุจอหาโต๊ะว่างและลากเก้าอี้มาให้ทุกคนได้นั่ง แล้วความน่ารักก็เกิดขึ้น....
คือต่างคนต่างนั่งมองหน้ากัน แล้วยิ้ม เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง 55555 แล้วนั่งยิ้มแย้มใส่กันอยู่ 5 นาที (อิหม่ามคนที่โดนเพื่อนเรียกมานั่งหัวโต๊ะคงจะด่าเพื่อนอยู๋ในใจว่า เอาไงต่อหล่ะเมิง กุลีกุจอดีนัก lol) พวกเราก็ไม่กล้าลุก เพราะกลัวอิหม่ามเสียใจ สุดท้ายอิหม่ามเลยวิ่งไปเรียกเพื่อนที่มีกล้องมา แล้วก็ทำไม้ทำมือบอกว่าเออ คุยกันไม่ได้ก็ถ่ายรูปละกัน ก็เลยได้เป็นภาพนี้ออกมา
คนอิหร่านชอบฟังเสียงน้ำ แต่เนื่องจากเป็นประเทศทะเลทราย น้ำเป็นของหายาก เลยเป็นเครื่องแสดงถึง status คือจะเห็นได้ว่า ในบ้านคนรวย หรือกษัตริย์ ก็ต้องมีบ่อน้ำ และ/หรือ น้ำพุ อยู่หน้าบ้าน เอาไว้อวดคนอื่นๆ และเอาไว้ให้เจ้าบ้านนั่งมองชิวๆ ดังนั้น หนึ่งในสัญลักษณ์ของสวนสไลต์เปอร์เซีย ก็คือ จะต้องมีน้ำพุและบ่อน้ำ อยู่หน้าบ้าน ยิ่งรวยน้ำยิ่งเยอะ (แต่จะเป็นบ่อตื้นๆ ว่ายไม่ได้ ลงไปก็ ยูเรก้า นะ น้ำล้นออกหมดค่ะ)
นอกจากชอบฟังเสียงน้ำแล้ว ชาวอิหร่านก็ยังชอบของหอมๆ ประเทศนี้เป็นประเทศแรกในโลก (อีกแล้ว) ที่รู้จักเอาพืชมาสกัดทำเป็นเครื่องหอม ซึ่งกุหลาบเป็นพืชชนิดแรกที่ถูกนำมาใช้ และเนื่องจากเค้าชอบของหอมๆ และชอบน้ำ ดังนั้น นอกจากน้ำพุและบ่อน้ำแล้ว พืชพรรณต่างๆ ที่ปลูกอยู่ในสวนก็จะเป็นกลุ่มที่มีกลิ่นหอมเป็นส่วนใหญ่
ต้นที่ฉันประทับใจจนอยากจะถอนมาปลูกที่บ้านคือต้น bitter orange (ต้นเขียวๆที่อยู่ใต้ต้นที่เหมือนต้นปาล์มนั่นแหละ) ที่แบบหอมผู้ดี มีความคล้ายๆ Jo Maloan เวอร์ชั่นดอกไม้ไทย พวกดอกแก้วดอกมะลิ แต่หลอนน้อยกว่า 5555 หอมอ่อนๆ แต่หอมตลอดเวลา สรุปคือหอม หอมโว้ยย ชอบ
ภาพนี้คือสวนของโรงแรมแห่งนึงที่ฉันไปพัก ซึ่งถูกดัดแปลงมาจาก ซุ้มที่พักของชาวทะเลทรายในสมัยโบราณเรียกว่า Caravansarai (คาราวาน-ซา-ราย) ซึ่งก็แน่นอน มีน้ำพุและบ่อน้ำ (และมั่นใจว่าน่าจะมีกุ๊กกู๋ด้วย เพราะเก่าแก่มาก เลเวว หลายร้อยปี ตั้งแต่สมัยที่แต่ละประเทศในเส้นทางสายไหม เริ่มเดินทางค้าขายระหว่างกัน)
นอกจากบ่อน้ำแล้วก็ยังมีทางน้ำเล็กๆ รอบๆบ้าน/วัง คือชอบน้ำกันแบบจริงจังอ่ะ #ยุงประเทศนี้น่าจะวางไข่กันเป็นอุตสาหกรรมเลยแหละ
นอกจากชอบน้ำ ชอบของหอม ชอบกินเปรี้ยว ชอบขนมหวานจัดแล้ว แน่นอนค่ะ ความแขกก็จะชอบของวิ๊งๆ บลิ๊งๆ
ภาพนี้จากตลาดแห่งหนึ่ง (ตลาดที่นี่มีความคล้ายเพาหุรัด+ตลาดกิมหยงบ้านเรา) ในตลาดมีร้านขายผ้าเพียบ ก็คงเป็นเพราะคนที่นี่ใช้ผ้าเยอะหง่ะ ต้องห่มห่อตัวตลอดเว และแนะนอน ผ้าก็ต้องวิ๊งวับจับจิตตามความนิยมของตลาด (คิดว่าคนปักคนทอ น่าจะต้องใส่แว่นตาดำขณะปฎิบัติภารกิจอ่ะ ฉันเองยังปวดตา กว่ากล้องจะยอมโฟกัส lol)
และอาการชอบความวิ๊งๆบลิ๊งๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะเสื้อผ้า แต่ว่าลามมาจนถึงสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งที่มาของการนำกระจกชิ้นเล็กๆมาประดับตกแต่งวังวัดบ้านนี้
เกิดมาจากความบังเอิญ ที่พ่อค้าชาวตะวันตกสมัยโบราณ ขนกระจกบานใหญ่ลงจากเรือเพื่อมาขายให้กับชาวเปอร์เซีย แล้วทำกระจกแตก ทำให้เกิดเศษกระจกมากมาย จากความเสียดาย (เพราะกระจกสมัยนั้นก็แพง แถมเป็นของ imported ถือเป็นของ hi-so) ชาวเปอร์เซียก็เลยเก็บเศษกระจกเหล่านั้นมาแล้วลองตกแต่งห้องหับต่างๆ ปรากฎว่าถูกใจเพราะชอบอะไรแวววาวกันอยู่แล้ว ก็เลยเกิดเป็นเทคนิคการตกแต่งสิ่งปลูกสร้างด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ แต่นั้นมา
ชาวเปอร์เซียยังเห็นสัจธรรมและความเชื่อมโยงบางอย่างเกี่ยวกับกระจกที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆและความเป็นมนุษย์ด้วยว่า กระจกที่แตกก็ยังเป็นกระจกได้ แม้ว่ามันจะไม่ perfect และแม้จะเอากระจกชิ้นๆมาต่อกันแล้ว ภาพของคนที่สะท้อนออกมาจากกระจกชิ้นๆเหล่านี้ ก็ไม่ perfect เหมือนมนุษย์แต่ละคนที่ไม่ perfect เช่นกัน
ซึ่งสิ่งที่กระจกและมนุษย์อย่างเรายังคงสร้างต่อได้ แม้จะไม่ perfect ก็คือ เศษกระจกก็ยังคงให้เงาสะท้อนได้ ให้ความสวยงามได้ และสำหรับมนุษย์เรา แม้จะไม่ perfect แต่เราก็สามารถส่งความดีให้สะท้อนออกมาจากตัวเราจิตวิญญาณของเราได้ อะฮือออ ชอบความลิเก แต่ลึกซึ้งนี้
ภาพนี้มีความเปอร์เซียแบบเต็มขั้น
> ความบลิ๊งๆแวววาวของกระจก
> พรมเปอร์เซีย
> ความศรัทธาของชาวมุสลุม ที่กำลังละหมาด ซึ่งสำหรับชาวมุสลิมชิอะห์ เค้าจะพก "ดิน" ก้อนเล็กๆติดตัว มาวางที่พื้นสำหรับให้หน้าผากจรดลงไป เพราะมุสลิมชิอะห์ ตีความจากคำภีร์อัลกุรอ่าน ว่า การละหมาดต้องก้มหน้าเอาหน้าผากจรดผืนดิน (ดังนั้น ถ้าพื้นไม่ใช่ "ดิน" ก็จะต้องไปหาดินมาก่อนถึงจะละหมาดได้)
> แยกส่วนละหมาด ระหว่างชาย-หญิง (ที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆอยู่ในภาพ คือฝั่งละหมาดของ ญ) ฉันซึ่งเป็น ญ เช่นกันควรไปฝั่งนั้น แต่เนื่องจาก guide เป็น ช และฉันคือนักท่องเที่ยว ฉันก็เลยเข้าดูได้แค่ฝั่ง ช เท่านั้น โดยมีกฎว่าห้ามสบตา ห้ามมอง และห้ามนั่ง
อีกอย่างที่ชาวเปอร์เซียชอบ ก็คงจะหนีไม่พ้นของลายๆ พร้อยๆ
ภาพนี้ถ่ายที่ Pink Mosque ที่เป็น tourist attraction อันดับต้นๆของประเทศ (วัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มารวมตัวกันที่นี่มากมาย เหมือนอยู่จัตุรัสเทียนอันเหมิน)
มุมที่ฉันยืนอยู่นี้คือมุมมหาชน จากภาพอาจดูสงบ แต่เบื้องหลังตากล้องนั้น ชุลมุนไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พยายามจะเข้ามาแย่งชิงพื้นที่เพื่อถ่ายภาพ
ท่าโพสต์บังคับของมุมนี้ คือให้มองขึ้นไปที่กระจกแล้วทำหน้าซึ้งงงงงงงง ซึ่งฉันก็พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะซึ้ง ต่อหน้าสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาเพื่อสะกดจิตให้ฉันรีบถ่ายรีบไปซะทีนังคนสวย!
เนื่องจากเป็นประเทศมุสลิม ก็จะไม่มีเครื่องดืมแอลกอฮอล์ แต่ก็เหมือนเวลาบ้านเรากินเจ เราก็มีเนื้อสัตว์ทิพย์ ที่นี่ก็มีเบียร์ทิพย์ ซึ่งจริงๆ ก็คือน้ำผลไม้ใส่มอลต์ (เป็นน้ำผลไม้ที่มีกลิ่นเหมือนเบียร์นั่นเอง) อร่อยนะ ชื่นจายยยยย
อย่างที่บอกว่า คนที่นี่ถ้าจะกินหวาน ก็คือหวานตัดขา 1 ข้าง ดังนั้น ตามร้านชา ก็จะมีน้ำตาลก้อนแบบนี้ให้ใส่ วิธีกินคือ จุ่มลงไปในน้ำชา/กาแฟ ที่ร้อนๆ คนๆๆ ให้ละลาย ก็พร้อมบริจาคขา!
เครื่องเทศกับชาวตะวันออกกลาง แยกกันไม่ขาด ดังนั้นในตลาด ก็จะเจอร้านขายเครื่องเทศมากมาย กลิ่นฟุ้งไปทั้งตลาด
ฉันชอบร้านนี้เป็นพิเศษเพราะ display ได้ดี เหมือนจัดไว้สำหรับถ่ายโฆษณาเลยอ่ะ ทั้งการใช่ถุงกระสอบแบบเดียวกัน การวางไล่สี การ design ป้าย การตกแต่งร้านภาพรวม
ถั่วและแขก ก็แยกกันไม่ขาด
ถั่วที่นี่คุณภาพดี หาง่าย ราคาก็ดีงาม
เด็กน้อยในภาพนั่งเฝ้าถั่วไม่ไปไหน (ซักที) ฉันผู้อยากได้ภาพ ก็เลยขอน้องถ่าย น้องก็เต็มใจแหละ (ดูจากหน้า lol)
ที่แปลกใจอีกอย่างคือ ประเทศสะอาดมากแม่ ถ้าให้คะแนนความสะอาดของญี่ปุ่นที่ 5/5 ฉันให้อิหร่าน 4/5 นะ ทับใจมาก
อีก 1 ภาพยืนยันความสะอาด
สถานที่ในภาพคือ another Caravansarai ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นตลาด (พาหุรัด+กิมหยง) ซึ่งมีคนเดินทั้งนักท่องเที่ยวและคน local เยอะมาก แต่ก็ยังดูสะอาดเรียบกริ๊บ สวยงาม
นี่คือซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง ตามถนนหนทางทั่วไป สะอาดเอี่ยม
สะพานนี้เป็นที่ hang out ในยามค่ำคืน ของคน local โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งอยู่กลางเมืองเลยนะ ก็ยังคงสะอาดเรียบร้อยสวยงาม ทับใจ
Persepolis (เพอร์เซโพลิซ) เมืองเก่าของเขาแต่ก่อน (อารมณ์เดียวกับเที่ยวเมืองโบราณ สุโขทัย อยุธยา เทือกๆนั้น) สวยงามโอ่อ่า อลังการ ทุกอย่างอยู่สูง มีการสลักตัวหนังสือมากมายอยู่ในตำแหน่งทีโคตรสูงแบบงงๆ ว่าใครจะอ่านออกวะ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นต้นกำเนิด billboard ในปัจจุบัน ก็ เป็น ได้ (อันนี้คิดเอง 5555)
อย่างที่บอกว่า เปอร์เซียเคยเป็นมหาอำนาจของโลกยุคโบราณมาแล้วถึง 4 ครั้ง ซึ่งชาวเปอร์เซีย เป็นผู้คิด concept Global citizen ขึ้นมาเป็นชนชาติแรก (อีกแล้วนะแก) โดยมีคำกล่าวที่ว่า ทุกคนมาถึงที่เปอร์เซีย คือชาวเปอร์เซียเหมือนๆกัน (เอาง่ายๆคือนางมีความคิดก้าวหน้าและทันสมัย ยอมรับความแตกต่างและหลากหลายได้ดี) แค่ลองนึกว่า เมือ 2500 ปีที่แล้ว มีผู้คนที่เป็นตัวตึง ตัวแทนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาที่ Persepolis เพื่อมาถวายความเคารพกษัตริย์ และได้เดินผ่านบันไดในภาพนี้ ก็ขนลุกส์ แล้วนะ
เมืองนี้ถูกทำลายโดย Alexander the Great ซึ่งเข้ามายึดอำนาจ แล้วสุดท้ายเผาเมืองทิ้ง ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่า ที่ Alexander เผาทิ้ง เพื่อเป็นการแก้แค้นที่ เปอร์เซียเคยเผากรุง Athens ไปก่อนหน้านี้ (จุดที่ฉันถ่ายภาพมานี้ ถูกสันนิษฐานว่าเป็นต้นเพลิง เพราะเป็นส่วนที่สำคัญ เป็นพระราชฐานชั้นใน คือแบบ ไหนๆ จะเผาเอาสะใจแล้ว ก็ต้องเผาที่กล่องดวงใจไปเลย ไรงี้)
จุดนี้เป็นจุดที่แขกเหรื่อที่แวะมาหากษัตริย์จะนั่งพัก รอเวลาเข้าพบ ซึ่งวิวที่เห็นอยู่นี้ก็คือวิวเดียวกับที่แขกเหรื่อทั้งหลายมองเข้าไปแล้วเห็นที่พักด้านในของวัง ซึ่งขนาดว่าเหลือแค่ซาก ก็ยังดูรู้ว่า น่าจะยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมากๆในสมัยนั้น
ดอกไม้สีเหลืองๆนี่ เจอทุกที่ นางคือดอกคาโนล่า (คือเป็นประเทศที่เป็นแหล่งน้ำมันจริงแหละ มีตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงยันน้ำมันพืช)
ด้านหลังของดอกคาโนล่า คือหลุมศพของกษัตริย์s (เติม S เพราะมีหลายหลุม กินพื้นที่ตลอดภูเขา) ยิ่งใหญ่อลังการ แค่คิดว่าจะขนศพและข้าวของทั้งหลายขึ้นไป(ยังไงวะ) ก็เหนื่อยแล้วแม่เอ๊ย ยอมใจคนโบราณ
ที่เที่ยวหลักๆของทริปอิหร่าน 101 ก็คือมัสยิด วัง และ บ้านคนรวย ซึ่งจะมีสถาปัตยกรรมที่เหมือนกัน 1 อย่างคือ ซุ้มเปอร์เซีย ที่มีความโค้งๆแบบในภาพนี้ และสูง แบบ สู๊งงงงง คือเป็นทริปที่ค่อนข้างเมื่อยคออ่ะพูดเลย
ปล คนอะไรใส่ชุดตีมสีเดียวกะถังขยะ
อ่ะ แหงนคอกันเข้าไปค่ะ นี่คิดว่าการทำซุ้มประตูสูงมากๆ และใส่รายละเอียดให้สวยจัดๆ จนทำให้คนต้องแหงนคอมอง น่าจะเป็นกุศโลบาย ที่ทำให้คนได้เห็นภาพในมุมแบบนี้ ซึ่งมันช่วย build ความรู้สึกคนให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรม อารยธรรม และ ความอลังการของประเทศ ทำให้ซาบซึ้ง ฮึกเฮิม และจงรัก (อันนี้คิดเองล้วน อาจจะเป็นแค่ความมโนส่วนตัว 555)
จงนับจำนวนซุ้มเปอร์เซียในภาพ!
อีกสัญลักษณ์นึง ที่มาพร้อมซุ้มเปอร์เซีย คือ Muqarnas ซึ่งคือโครงสร้างลักษณะคล้ายรวงผึ้งที่อยู่ที่ยอดของซุ้มเปอร์เซีย ถูก design ขึ้นมาเพื่อให้เป็นจุดนำสายตา ดึงให้คนสนใจแล้วมองตามต่อไปจนถึงยอดของประตู กราบคนคิดนะ คือไหนๆจะให้คนแหงนหน้าแล้ว ต้องให้แหงนให้สุด ไม่หยุดแค่ครึ่งๆกลางๆ
อันนี้ถามไกด์ละว่า สีหมด หรือยังไง ทำไมตรงนี้สีซีด ก็ได้คำตอบว่า เพื่อประหยัด คือมัสยิดที่ใหญ่ๆ หลายๆที่ ที่มีการใช้งานจริง มีศาสนกิจจริงๆ ไม่ใช่แค่เก็บไว้เป็นที่ท่องเที่ยว จะมีพื้นที่กว้างใหญ่มากๆ เพื่อ make sure ว่าจะรองรับคนได้เพียงพอ ซึ่งถ้าจะต้องทาสีและประดับประดาพื้นที่ทั้งหมดก็จะฟุ่มเฟือยเกินไป
แต่ส่วนตัวฉันชอบสีแบบนี้นะ สวยไปอีกแบบ
ภาพนี้คือแทบจะต้องนอนถ่าย ซุ้มประตูสูงมากกกกกกกกกกกก แต่ก็สวยคุ้มค่าการนอน
พอเปิดไฟ มัสยิด ก็จะดูสวยแปลกตาไปอีกแบบนึงเนาะ
ป.ล. สีฟ้า สำหรับคนอิหร่าน หมายถึง จิตวิญญาณ และ สวรรค์
ภาพนี้คือวัง Golestan Palace ซึ่งเก่าแก่และเป็นมรดกโลกและถ้าซูมดูดีๆ จะเห็นว่ารูปปั้นใต้เสาคือรูปแมว point ก็คือ แมวก็พยายามจะครองโลกมาตั้งแต่เปอร์เซียแล้ว #เมี๊ยวววว
ภาพนี้คือบ้านเศรษฐีคลั่งรักท่านหนึ่ง ที่ไปหลงรักลูกสาวเจ้าเมืองคนหนึ่ง โดยเจ้าเมืองก็บอกเศรษฐีว่า จะยกลูกสาวให้ ก็ต่อเมือแน่ใจได้ว่า เศรษฐีจะให้ชีวิตที่ดีกับลูกสาวตนได้
ซึ่งในสมัยโบราณ ผู้หญฺิงก็จะอยู่แต่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คำว่า ชีวิตที่ดีแปลว่าบ้านต้องเริ่ด เศรษฐีคลั่งรักก็ทุ่มทั้งงบและเวลาในการสร้างบ้านเรือนหอหลังนี้ให้อลังที่สุดเท่าที่กำลังตัวเองจะมี เป็นเวลา 10 ปี
ถ้าซูมดูจะเห็นว่า มีการเพ้นท์รูปนาฬิกาลงไปด้วย ซึ่งแน่นอน เป็นภาพวาด ก็คือเป็นนากาทิพย์ เนื่องจากสมัยโบราณ นาฬฺิกาถือเป็นของแพง ของพิเศษ ของ hiso คนที่จะมีได้คือเจ้า และนาฬิกาก็จะพบเจอได้เฉพาะในวัง แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจของท่านเศรษฐี ในเมื่อมีของจริงไม่ได้ กรูจ้างคนวาดเอาแม่งเลย ใช้เงินแก้ปัญหา อวดรวยยังไงให้ดูไม่โฉ่งฉ่าง (หรา) และใช่ค่ะ ในที่สุด ท่านเศรษฐีก็ได้แต่งหญฺิงเข้าบ้านสมใจ #จบบริบูรณ์
อิหร่านมีที่เที่ยวแบบ สายลมสายน้ำแสงแดดภูเขาทะเลมั่งไหม ตอบว่ามี ตัวอย่างในภาพคือทะเลสาปน้ำเค็ม ที่คนท้องถิ่นใช้สำหรับผลิตเกลือ ซึ่งในทะเลสาป มีสาหร่ายที่ทำปฎฺิกิริยากับเกลือ ทำให้เกิดเป็นสีชมพูอมส้ม และจริงๆ อิหร่านก็ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติอื่นๆอีก จะไปเล่นสกีบนภูเขา หรือไปท่องทะเลทราย ก็มีให้เที่ยว
ปล ทริปนี้ของฉันเป็นแบบ 101 ก็เลยไปเที่ยวในที่ที่มีความสำคัญทางอารยธรรมและประวัติศาสตร์เป็นหลักก่อน (เหมือนเวลา นักท่องเที่ยวมา ไทย เป็นครั้งแรก ก็จะไปเที่ยววัดพระแก้ว เที่ยวโบราณสถาน อยุธยา สุโขทัย ก่อน ประมาณนั้น)
เมืองเตหะราน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิหร่าน ก็มีความทันสมัย ไม่ต่างจากเมืองหลวงทั่วไป สะพานที่ฉันยืนอยู่นี้ชื่อสะพาน Tabiat ซึ่งมีรูปทรงทันสมัย เฟี้ยวฟ้าว กวาดมาแล้วหลากหลายรางวัลทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะรางวัล Popular Choice Prize for Highways & Bridges จาก Architizer A+ Awards ซึ่งเป็นการแข่งขันด้านสถาปัตยกรรมระดับโลกในนิวยอร์ก (irony อีกแล้ว เพราะจริงๆ เมกา กับ อิหร่าน เป็นคู่อริกัน)
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประวัติของสะพานนี้มีเรื่องราว ก็เป็นเพราะคนที่ design เป็นผู้หญฺิง อายุยังน้อย (ตอนที่ design สะพานนี้ขึ้นเค้ามีอายุแค่ 27 ปีเท่านั้น) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆจุดเริ่มต้นดีๆ ที่ผู้หญฺิงจะได้รับการยอมรับมากขึ้น ในประเทศที่ชายเป็นใหญ่แบบนี้
ที่ฮิปๆอื่นๆในเมืองก็มีนะ อย่างเช่นร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ ที่มีขายหนังสือด้วย จะเห็นว่าการตกแต่ง แสงสีเสียงต่างๆ ก็ดูเดิ้นๆ ฮิปๆ ไม่ต่างกับคาเฟ่ เก๋ๆ ในบ้านเราเลยนะ
ปีนบันไดเพื่อทำคอนเท้นล้วนๆ เพราะหนังสือเป็นภาษาฟาร์ซี ฉันอ่านไม่ออก 🤓
ขอจบด้วยภาพสะท้อนของคน "สวยที่อิหร่าน" และภาษาฟาร์ซี ที่ฉันอ่านไม่ออกแล้วก็ดันไม่ได้ถามคำแปลจากไกด์มา แต่ขอมโนว่า มันต้องเป็นข้อความดีๆแหละ #จบแบบสวยสวย
ลาออกไปเช็กอิน
ท่องเที่ยว
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย