27 ก.ค. 2023 เวลา 16:14

ศตวรรษที่ 22 : ดาวอังคารกลายเป็นมหาอำนาจในระบบสุริยะ

ในกลางศตวรรษที่ 21 มนุษย์ประสบความสำเร็จในการเหยียบดาวอังคารเป็นครั้งแรก อาณานิคมบนดาวอังคารได้ก่อตัวขึ้น ขั้นแรกของอารยธรรมมนุษย์บนดาวอังคาร ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น ออกซิเจนและน้ำ ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะพึ่งพาสิ่งเหล่านี้จากโลกได้จากที่เดียว
1
ผู้ตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารประกอบไปด้วยเหล่านักบินอวกาศที่มากความสามารถจากหลากหลายสาขาอาชีพทั้ง นักชีววิทยา นักเคมี นักคณิตศาสตร์ แพทย์ วิศวกรหลากหลายสาขา เป็นต้น พวกเขาเหล่านี้จะสร้างโลกใหม่ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่มีอะไรและสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เปลี่ยนดาวอังคารให้กลายเป็น ดาวดวงที่สามของมนุษย์นับจากโลกและดวงจันทร์ที่มนุษย์จะอยู่อาศัย
ชาวดาวอังคารจะประสบความสำเร็จในการสกัดหาน้ำจากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ซึ่งพวกเขาได้เปลี่ยน เซอร์โคเนียมไดออกไซด์(Zirconium dioxide) ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวอังคารโดยไม่ต้องอาศัยแหล่งน้ำบนดาวอังคารใดๆ เพื่อให้ได้ไฮโดรเจน นอกจากนี้ชาวดาวอังคารยังประสบความสำเร็จในการทำฟาร์ม การเกษตร การสกัดและแปรรูปแร่ที่เหมาะสม เครื่องมือการผลิต และวัตถุอื่นๆ ผลิตเสื้อผ้า ยา แก้ว เซรามิก พลาสติก
นิคมของดาวอังคารจะเป็นเรือนกระจก ชาวดาวอังคารโดยทั่วไปต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่สุดหฤโหด ทรัพยากรที่จำกัดทำให้พวกเขาจำเป็นต้องควบคุมโควต้าสิ่งต่างๆ ให้แก่ประชากรบนดาวอังคาร วัฒนธรรมนี้จะบ่มเพราะความเป็นระเบียบวินัยแก่ชาวดาวอังคาร ซึ่งจะทำให้ชาวดาวอังคารถูกเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัย เพราะความผิดพลาดนิดเดียวอาจนำมาซึ่งความตายแก่คุณและคนรอบข้างของคุณได้ ดังนั้นวัฒนธรรมนี้จะทำให้ชาวดาวอังคารมีความแตกต่างจากชาวดาวโลก
6
เป้าหมายของการไปดาวอังคารของมนุษย์ มหาอำนาจโลกไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อไปดาวอังคารเปล่าๆ แต่เพื่อการค้นหาทรัพยากรธรรมชาติจากดาวอังคารและนำมันกลับมาสู่โลก แต่เมื่อชาวดาวอังคารก่อตัวขึ้นจากความยากลำบากในการดำรงชีวิต คำถามที่จะถูกถามคือ ทรัพยากรเหล่านี้ควรถูกส่งไปยังโลก หรือ ควรเป็นของชาวดาวอังคาร สิ่งนี้จะก่อตัวความไม่พอใจระหว่างชาวดาวอังคารและชาวโลก จนทำให้ศตวรรษที่ 22 เมื่อชาวดาวอังคารมีความพร้อม พวกเขาก็พร้อมใจแยกตัวจากโลก เป็นอิสระจากการปกครองของประเทศมหาอำนาจของโลก
11
เมื่อแยกตัวจากโลก นั้นหมายถึงดาวอังคารต้องพึ่งพาตนเองร้อยเปอร์เซ็น การแสวงหาทรัพยากรจากดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้ดาวอังคาร จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายอาณาเขตของมนุษย์สู่ดาวเคราะห์ชั้นนอก(Outer planet) โลกกับดาวอังคารจะแข่งขันกันไป ดวงจันทร์แห่งกาลิเลียน(Galilean moons) เพื่อแย่งชิงทรัพยากร สำหรับโลกนั้นคือการขยายจักรวรรดินิยมของโลก สำหรับดาวอังคารนั้นคือการค้นหาทรัพยากรเพื่อทำให้พวกเขามีชีวิตต่อไปและสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้
2
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ดาวอังคารจะเริ่มมีความก้าวหน้ามากกว่าดาวโลก พวกเขาจะสามารถพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับยานอวกาศในอนาคตที่มีความเร็วมากขึ้น ซึ่งจะเร่งให้พวกเขาสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลในน่านอวกาศได้มากขึ้น แต่สิ่งนี้จะก่อให้เกิดสงครามเย็นระหว่างโลกและดาวอังคารที่ต้องแข่งขันกันทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การทหาร และการแย่งชิงนิคมในอวกาศ
4
อย่างไรก็ตามทั้งสองดาว อาจมีการค้าขายและแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยี ซึ่งโลกอาจเริ่มนำเข้าทรัพยากรจากดาวอังคาร เช่นเดียวกันกับการที่ดาวอังคารซื้อขายเทคโนโลยีกับประเทศมหาอำนาจในโลก
สงครามเย็นในอวกาศ นำไปสู่การติดอาวุธในอวกาศ การเผชิญหน้าทางทหารนี้อาจกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการอยู่รอดของมนุษย์ในอนาคต ที่พลังแห่งการทำลายล้างจากสงครามรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น
ขณะที่ดาวอังคารสามารถรวบอำนาจปกครองได้ บนโลกปัญหาจากความขัดแย้งของมหาอำนาจและความไม่เป็นเอกภาพของสหประชาชาติ จะทำให้โลกเผชิญความขัดแย้งภายใน สิ่งนี้จะทำให้โลกอ่อนแอลง และ เปิดประตูให้ดาวอังคารกลายเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของมนุษยชาติ
ขณะที่โลกจะพบกับปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ประชากรที่ล้นโลก และ ทรัพยากรที่จำกัด ประชากรบนโลกเริ่มมองอวกาศเป็นโลกใหม่เหมือนที่ชาวยุโรปมองทวีปอเมริกา ครั้งที่โคลัมบัสพึ่งค้นพบทวีป โลกใหม่คืออวกาศ จะเป็นสถานที่ๆพวกเขาปรารถนาที่จะไป
7
คนเก่งจากหลากหลายสาขาตั้งแต่วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ วิศวกรรม เป็นต้น จะได้รับเชิญไปอยู่บนดาวอังคารเพื่อที่ดาวอังคารจะได้นำความสามารถของคนเหล่านี้มาใช้ เช่นเดียวกับความต้องการแรงงานเดนตายสำหรับการขุดเหมืองในอวกาศ ที่ดาวอังคารต้องประชากรกลุ่มนี้ การอพยพจากโลกไปยังดาวอังคารจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
ดาวอังคารจะเริ่มพบปัญหาจากผลของการอพยพ คือ ความไม่เป็นประชาธิปไตยบนดาวอังคาร เนื่องจากประชาธิปไตยไม่ใช้ระบอบที่เหมาะสมสำหรับสภาพการดำรงอยู่บนดาวอังคาร แต่การมาของผู้อพยพอาจทำให้ชาวอังคารกระตุ้นหาการปกครองที่ผ่อนปรนลง แต่นั้นอาจส่งผลตรงกันข้ามที่ชาวอังคารจะสร้างมายาคติที่ว่าประชากรชาวอังคารแตกต่างจากชาวโลก ชาวดาวอังคารมีระเบียบ แต่ชาวโลกไร้ระเบียบ อันเนื่องมาจากประชาธิปไตย
2
แนวคิดนิยมดาวอังคารจะก่อตัวเป็นแนวคิดสุพันธุศาสตร์ เมื่อระบบร่างกายของชาวดาวอังคารมีความแตกต่างชาวดาวโลก จากการอาศัยในอวกาศนานๆ และ รวมถึงพันธุวิศวกรรม ที่ทำให้ชาวดาวอังคารจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าชาวดาวโลก ท้ายที่สุด ชาวดาวอังคารจะสร้างมายาคติที่พวกเขาเป็น มนุษย์ในลำดับวิวัฒนาการถัดไป ขณะที่ชาวดาวโลกคือมนุษย์ที่วิวัฒนาการดั่งเดิม
2
ไม่ว่าผลของการปกครองดาวอังคารจะออกมาในรูปเผด็จการทหารหรือประชาธิปไตยแบบมีระเบียบเข้มข้น แต่ภาพที่ชาวดาวอังคารจะมองโลกในศตวรรษที่ 22 คือ โลกเป็นที่บ่มเพาะของความอ่อนแอและความอยุติธรรม พวกเขามีโอกาสสร้างโลกใหม่ให้แตกต่างกับโลกเก่า แต่มนุษย์ก็ย่อมเป็นมนุษย์ และ มนุษย์ไปที่ไหน สงครามก็จะตามไปที่นั้น
เมื่ออาณานิคมในดาวเคราะห์วงนอก(Outer planet) เริ่มแข็งข้อต่อดาวอังคารเหมือนที่ดาวอังคารเคยแข็งข้อต่อโลกในตอนเริ่มต้น แต่สิ่งนี้จะแตกต่างออกไป เพราะดาวอังคารมีกองทัพที่แข็งแกร่งจากผลของสงครามเย็น ดาวอังคารจะใช้มาตรการทางทหารตอบโต้ จนผลสุดท้ายอาจกลายเป็นสงคราม และ กลุ่มดาวเคราะห์วงนอก อาจดึงโลกเข้าสู่ความขัดแย้ง
2
แน่นอนว่าโลกแทบไม่มีความพร้อมทางทหารที่จะเผชิญหน้ากับดาวอังคาร อาจมีเอกสารจากสหประชาชาติคัดค้านการกระทำของดาวอังคาร แต่พวกเขาจะไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆกับดาวอังคาร เพราะในเวลานั้น หลายสิ่งกลับพลิกเปลี่ยน จากเมื่อก่อนดาวอังคารต้องพึ่งโลก กลายเป็นโลกต้องพึ่งดาวอังคาร
โลกต้องนำเข้าทรัพยากรมากมายจากดาวอังคารเพื่อการอยู่รอดของตนเอง เศรษฐกิจของโลกจะชะลอตัวจากการนำเข้าที่มากเกินไป และ เศรษฐกิจดาวอังคารจะก้าวกระโดด จากการที่ดาวอังคารกลายเป็นผู้กุมทรัพยากรส่วนใหญ่ในระบบสุริยะ และ สิ่งนี้จะยืนยันว่า ดาวอังคารคือมหาอำนาจที่แท้จริงในระบบสุริยะ แต่สงครามเย็นจะทำให้ดาวอังคารรู้ว่า ราคาของมันนั้นแพง
2
เมื่อการเผชิญหน้าถึงขีดสุด ก็อาจจะกลายเป็นสงครามร้อน ที่มีการรบด้วยกำลังทางทหาร ความสูญเสียต่อประชากรในสงครามสเกลขนาดใหญ่ระดับข้ามดวงดาวย่อมใหญ่กว่า สงครามไหนๆที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เช่นทวีปหนึ่งทวีปใดของโลกอาจถูกทำลายล้างจากอาวุธหนักของดาวอังคาร หรือ นิคมขนาดใหญ่ของดาวอังคารอาจถูกทำลายจากอาวุธหนักของดาวโลก
2
ผลของสงครามแม้จะสร้างความเสียหายให้ทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายที่เสียหายมากสุดคือโลก และ นั้นจะนำไปสู่สนธิสัญญาที่จะทำให้โลกหลุดพ้นจากการเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ และ เปลี่ยนศูนย์กลางดังกล่าวไปยังดาวอังคาร โลกใหม่ของมนุษยชาตินั้นเอง
1
เรียบเรียง — นัควัต ฮากีมอฟ
ภาพจาก - Haman Mars : 1 million human colony city on Mars by Max Rymsha
2
โฆษณา